8 ต.ค. 2021 เวลา 04:33 • ไลฟ์สไตล์
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเวลาบ่ายโมง..
ปลายทางที่โทรมาคือ "พ่อ" มิ้นเอง
ขอเล่าความสัมพันธ์ระหว่างมิ้นกับพ่อสักหน่อยนะ
พ่อกับแม่ของมิ้นแยกทางกันตั้งแต่มิ้นยังเด็ก
โดยที่มีปู่และย่าเป็นคนเลี้ยงดู ตั้งแต่พ่อกับแม่
แยกทางกันมิ้นก็ไม่เคยเจอหน้าแม่อีกเลย..
ส่วนพ่อก็ไปมีภรรยาใหม่และมีลูกอีกหนึ่งคน
จึงทำให้มีระยะห่างระหว่างพ่อกับมิ้นมากขึ้น
เพราะพ่อไปอยู่กับภรรยาใหม่
พ่อจะโทรมาหาบ้างแต่ไม่บ่อย เนื่องด้วยครอบครัวเราไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากนัก เวลาส่วนใหญ่ของทุกคนจึงหมดไปกับการทำงานหาเงิน
บ่ายโมงวันนั้นที่พ่อโทรมา พ่อพูดกับมิ้นว่า
"ทำประกันให้พ่อได้มั้ย แล้วให้หนูรับผลประโยชน์" ตอนนั้นเสียงพ่อแทบจะพูดออกมาได้ไม่เต็มเสียง เนื่องจาก คอพ่อค่อนข้างบวม และ
ยังไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร
ด้วยความที่เราเป็นตัวแทนประกัน
ซึ่งรู้อยู่แก่ใจว่า พ่อไม่สามารถทำประกันได้แล้ว
เลยตอบกลับไปว่า..ทำไม่ได้แล้วพ่อ พ่อป่วยแล้ว
หลังจากนั้นไม่กี่วันพ่อไปหาหมอ ผลตรวจออกมา
คือ "พ่อป่วยเป็นมะเร็งกล่องเสียงระยะสุดท้าย"
สิ่งที่เจ็บใจมากที่สุดคือเราเป็นตัวแทนประกัน
แต่ไม่สามารถทำประกันให้พ่อได้เลย
หลังจากนั้นเดือนกว่า พ่อก็ได้จากไปอย่างสงบ
ด้วย "โรคมะเร็ง" จากเหตุการณ์นี้ มันทำให้มิ้นเอง
อยากบอกทุกคนในฐานะลูกคนนึงว่า...
ต่อให้เราทำงานมาหนักแค่ไหน แต่เงินก็ไม่พอ
ที่จะช่วยยื้อชีวิตคนที่เรารักได้เลย
ถ้าก่อนหน้านั้นพ่อมีประกันค่ารักษา
ตอนนี้พ่ออาจจะยังอยู่กับมิ้นก็ได้
แบ่งเงินที่คุณทำงานมาอย่างหนักเพื่อเก็บไว้ใช้
มากระจายความเสี่ยงเรื่องค่ารักษาพยาบาลกับ
บริษัทประกันดีกว่า
อยากให้เรื่องราวของมิ้นทำให้ทุกคน
ได้หันมาเห็นความสำคัญของประกันมายิ่งขึ้น
ใครสนใจปรึกษาแบบประกัน พิมพ์ "สนใจ"
อย่าปล่อยให้คนที่คุณรักจากไปโดยที่คุณเอง
ก็ไม่สามารถช่วยอะไรเค้าได้เลย
#ขออนุญาตขายประกัน
โฆษณา