9 ต.ค. 2021 เวลา 16:20 • ประวัติศาสตร์
• คอมมิวนิสต์แบบ คาล์ล มาร์กซ์
กับคอมมิวนิสต์แบบเลนิน ต่างกันอย่างไร ?
หากพูดถึงอุดมการณ์ทางการเมืองของคอมมิวนิสต์ (Communism) ทุกคน จะต้องรู้จักกับนักปรัชญาชาวเยอรมันที่มีชื่อว่า คาร์ล มาร์กซ์ (Karl Marx) กันอย่างแน่นอน เพราะชายคนนี้ ก็คือผู้ที่คิดค้นและถูกยกย่องให้เป็นบิดาแห่งคอมมิวนิสต์
ซึ่งผู้ที่สามารถนำเอาอุดมการณ์ของคอมมิวนิสต์ ไปปฏิบัติจนเห็นผลได้เป็นคนแรกนั้น ก็คือ วลาดิเมียร์ เลนิน (Vladimir Lenin) ผู้นำในการปฏิวัติรัสเซีย และผู้สถาปนาสหภาพโซเวียต (Soviet Union) อันเป็นชาติคอมมิวนิสต์แห่งแรกของโลกนั่นเอง
แต่รู้หรือไม่ว่า อุดมการณ์คอมมิวนิสต์ของคาร์ล มาร์กซ์ (Marxism) ซึ่งถือได้ว่าเป็นต้นตำรับของคอมมิวนิสต์ กับอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ในแบบของเลนิน (Leninism) ที่เขาได้นำไปปรับใช้กับสหภาพโซเวียตนั้น มีความแตกต่างกัน
โดยการที่เราจะได้รู้ว่า คอมมิวนิสต์ทั้ง 2 แบบนี้ มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง ก่อนอื่นเราจะต้องมาทำความรู้จักกับคอมมิวนิสต์ในแบบ คาร์ล มาร์กซ์ กันก่อนสักเล็กน้อย
ในหนังสือ คำประกาศของคอมมิวนิสต์ (Communist Manifesto) ซึ่งมาร์กซ์ได้เขียนขึ้นในปี 1847 ได้อธิบายอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ของเขาแบบคร่าว ๆ ว่า คอมมิวนิสต์จะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อชนชั้นกรรมาชีพไม่สามารถทนต่อการถูกกดขี่จากพวกนายทุน และชนชั้นสูงของสังคมได้อีกต่อไป
1
และเมื่อนั้น เหล่าชนชั้นกรรมาชีพก็จะก่อการปฏิวัติ เพื่อล้มล้างนายทุน และล้มล้างระบอบชนชั้นทางสังคมทั้งหมด คงไว้เพียงแค่ชนชั้นกรรมาชีพชนชั้นเดียวที่ยังคงอยู่เท่านั้น
3
มาร์กซ์ได้กล่าวไว้ว่า ปัจจัยที่เอื้ออำนวยต่อการปฏิวัติของชนชั้นกรรมาชีพนี้ ก็คือการที่สังคมอยู่ในสภาวะของทุนนิยมและอุตสาหกรรมอย่างเต็มรูปแบบ
1
และเมื่อเกิดการปฏิวัติแล้ว ชนชั้นกรรมาชีพจะจัดตั้งรัฐบาลที่เรียกว่า "เผด็จการโดยชนชั้นกรรมาชีพ" (Dictatorship of the Proletariat) ซึ่งก็คือพรรคคอมมิวนิสต์ โดยพรรคคอมมิวนิสต์จะทำหน้าที่กวาดล้างและจัดระเบียบสังคมทั้งหมด เพื่อไม่ให้ทุนนิยมหรือชนชั้นอื่น ๆ คงเหลืออยู่ในสังคมได้อีกต่อไป
และเมื่อทุนนิยมถูกกวาดล้างจนหมดสิ้นแล้ว พรรคคอมมิวนิสต์ก็จะสลายตัวไป และสังคมเข้าสู่สภาวะของคอมมิวนิสต์อย่างสมบูรณ์แบบ หรือที่เรียกว่า "สังคมยูโทเปีย" (Utopia)
ยูโทเปีย คือสภาวะที่ไม่มีรัฐ, ไม่มีประเทศ, ไม่มีเชื้อชาติ, ไม่มีเงินตรา, ไม่มีชนชั้นในสังคม, ทุกคนในสังคมล้วนมีสถานะที่เท่าเทียมกันหมด มีการแบ่งทรัพยากรระหว่างกัน และอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข ยูโทเปียถือได้ว่าเป็นวิวัฒนาการขั้นสุดท้ายของสังคมมนุษย์
1
แต่สำหรับอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ ตามแนวคิดของ วลาดิเมียร์ เลนิน เขาได้นำเอาหลักบางข้อของคอมมิวนิสต์แบบมาร์กซ์ มาผสมผสานกับแนวคิดของเขาเอง
ย้อนกลับไปในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ประเทศรัสเซียหรือในขณะนั้นคือ จักรวรรดิรัสเซีย (Russian Empire) อยู่ในสถานะของประเทศที่มีความยิ่งใหญ่เพียงแค่เปลือกนอกเท่านั้น เพราะภายในจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่นี้ ประชาชนรัสเซียกลับมีความยากจน อดยาก และล้าหลังกว่าประเทศอื่น ๆ ในทวีปยุโรปเป็นอย่างมาก
1
สังคมของรัสเซียในตอนนั้น ประชากรส่วนใหญ่เป็นเพียงแค่ชาวนาที่ยากจน ระบบเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมภายในประเทศ ก็ไม่ได้มีความเข้มแข็ง หรือมีประสิทธิภาพที่ดีพอ และยังคงพึ่งพาเกษตรกรรมอยู่
ดังนั้นตามแนวคิดของเลนิน เขาจึงมองว่า หากเกิดการปฏิวัติโดยชนชั้นกรรมาชีพในรัสเซียขึ้น ชาวนาจะถือไว้ว่าเป็นปัจจัยสำคัญ ของการปฏิวัติในครั้งนี้
ซึ่งนี้ก็ถือว่าตรงข้ามกับคอมมิวนิสต์ในแนวคิดของมาร์กซ์ที่มองว่า การปฏิวัติควรกระทำโดยชนชั้นกรรมาชีพ หรือแรงงานที่อยู่ในวงการอุตสาหกรรมเท่านั้น
รวมไปถึงสภาวะของรัสเซียในตอนนั้น ก็ตรงข้ามกับคอมมิวนิสต์ของมาร์กซ์ที่มองว่า สภาวะที่เอื้ออำนวยมากที่สุดในการปฏิวัติ คือสภาวะที่สังคมเป็นอุตสาหกรรมและทุนนิยมอย่างเต็มรูปแบบ
1
นอกจากนี้ เลนินยังเชื่ออีกว่า เหล่าชนชั้นกรรมาชีพของรัสเซียในตอนนั้น ยังไม่มีจิตสำนึกเกี่ยวกับการปฏิวัติที่ดีพอ ดังนั้นจะต้องมีผู้นำหรือนักปฏิวัติมืออาชีพ เป็นผู้ที่ปลูกจิตสำนึกและเป็นผู้นำของการปฏิวัติ ซึ่งนี้ก็ตรงข้ามกับแนวคิดของมาร์กซ์ที่มองว่า เหล่าชนชั้นกรรมาชีพจะสามารถก่อการปฏิวัติได้ด้วยตัวเอง โดยที่ไม่ต้องมีผู้นำใด ๆ
1
และสิ่งสำคัญที่ทำให้แนวคิดคอมมิวนิสต์ของเลนิน แตกต่างจากแนวคิดคอมมิวนิสต์ของมาร์กซ์ ก็คือ การที่พรรคคอมมิวนิสต์ของสหภาพโซเวียต ยังคงดำรงสถานะเป็นรัฐบาลอย่างยาวนาน ซึ่งตรงข้ามกับแนวคิดของมาร์กซ์ที่มองว่า พรรคคอมมิวนิสต์จะต้องสลายตัว หลังจากที่เกิดการปฏิวัติแล้ว
และนี้ก็คือเรื่องราวทั้งหมด ที่ว่าทำไมคอมมิวนิสต์ในแบบของคาร์ล มาร์กซ์ กับคอมมิวนิสต์ในแบบของวลาดิเมียร์ เลนิน ถึงได้มีความแตกต่างกัน
นับแต่ วลาดิเมียร์ เลนิน เป็นต้นมา ไล่เรียงตั้งแต่ โจเซฟ สตาลิน (Joseph Stalin) , เหมาเจ๋อตุง (Mao Zedong) , คิมอิลซ็อง (Kim Il-Sung) รวมไปถึงผู้นำคอมมิวนิสต์คนอื่น ๆ ของโลก พวกเขาเหล่านี้ ต่างก็ได้ใช้แนวคิดคอมมิวนิสต์ในรูปแบบของตนเอง ซึ่งไม่เหมือนกับคอมมิวนิสต์ต้นตำรับของมาร์กซ์
ซึ่งนี่เอง ก็เป็นสิ่งที่สามารถพิสูจน์ได้ว่า นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีชาติไหนบนโลก ที่เป็นคอมมิวนิสต์ตามแนวทางของคาร์ล มาร์กซ์ อย่างแท้จริง
*** Reference
#HistofunDeluxe
โฆษณา