11 ต.ค. 2021 เวลา 10:42 • ประวัติศาสตร์
การกักขังในที่แคบจนตาย (Immurement)
“การกักขังในที่แคบจนตาย (Immurement)” เป็นการลงโทษวิธีการหนึ่ง ซึ่งจะคล้ายๆ กับการฝังทั้งเป็น ปล่อยให้ผู้ถูกลงโทษนั้นขาดอากาศและอาหาร สุดท้ายก็ตาย
วิธีการลงโทษนี้ มีวิธีการ คือนำผู้ถูกลงโทษมาขังไว้ในโลงหรือในกำแพง หรือบริเวณที่แคบซักที่
1
การลงโทษด้วยการกักขังในที่แคบจนตาย สามารถย้อนประวัติไปได้หลายร้อยปี โดยเป็นการประหารให้ตายอย่างช้าๆ โดยจะกระทำต่อผู้กระทำความผิด ส่วนอีกประเภท คือทำต่อเหยื่อที่ใช้ในการบูชายัญ
วิธีการลงโทษนี้สามารถย้อนกลับไปได้ตั้งแต่สมัยโรมัน โดยจะกระทำต่อนักบวชหญิงที่กระทำความผิด
1
กลุ่มนักบวชหญิงที่เรียกว่า “Vestal Virgins” จะต้องปฏิญาณว่าจะถือพรหมจรรย์ และบูชาเทพเจ้า
หากนักบวชหญิงทำผิดพรหมจรรย์ ก็จะถูกลงโทษโดยการขังในห้องใต้ดินแคบๆ มีเพียงม้านั่งและมีการให้อาหารและน้ำในปริมาณน้อย
3
นักบวชหญิงที่ทำผิดจะถูกคุมขังในนี้จนตายไปเองในที่สุด
1
วิธีการลงโทษนักบวชนี้ดำเนินเรื่อยมาจนถึงยุคกลาง
แต่ที่ต่างจาก Virgin Vestals คือนักบวชที่ทำผิดในช่วงนี้จะถูกขังไว้ในสุสานใต้ดิน โดยจะยังไม่ตายในทันที หากแต่ตายอย่างช้าๆ โดยมีการนำอาหารมาส่งให้ในช่องเล็กๆ ที่อยู่ในสุสาน
1
การลงโทษด้วยวิธีนี้ดำเนินเรื่อยมา และมีบันทึกว่ายังมีการลงโทษด้วยวิธีการนี้อยู่ในศตวรรษที่ 20 โดยพื้นที่ๆ ลงโทษด้วยวิธีการนี้ คือ มองโกเลียและดินแดนที่ในปัจจุบันคืออิหร่าน
1
มีบันทึกถึงการลงโทษด้วยวิธีการนี้ในมองโกเลียจนถึงปีค.ศ.1914 (พ.ศ.2457) โดยมีการนำนักโทษไปขังในกล่องไม้ มีเพียงช่องเล็กๆ ให้ยื่นหัวและสอดแขนออกมาเท่านั้น โดยผู้คุมจะนำอาหารและน้ำจำนวนเล็กน้อยมาให้
นอกจากนักโทษที่ถูกลงโทษด้วยวิธีการนี้ การกักขังในที่แคบจนตาย ยังมีการนำมาใช้กับผู้ที่ถูกนำมาบูชายัญในยุโรปหลายแห่ง
นี่ก็นับเป็นประวัติศาสตร์ที่โหดร้ายอีกเรื่องหนึ่ง
โฆษณา