11 ต.ค. 2021 เวลา 11:50 • ธุรกิจ
สรุปเรื่องราว เพื่อนรัก หักเหลี่ยมโหด ของผู้ร่วมก่อตั้ง Twitter
3
รู้หรือไม่ว่า Eduardo Saverin หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Facebook และเป็นรูมเมตกับ Mark Zuckerberg เป็นมหาเศรษฐีที่มีทรัพย์สินมากถึง 6 แสนล้านบาทจากการถือหุ้น Facebook
แม้ว่าเขาแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลยและใช้เวลาอยู่กับ Facebook แค่ปีเดียว
6
ในทางกลับกัน เรื่องราวของหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Twitter ที่ชื่อว่า “Noah Glass” ก็เรียกได้ว่าตรงกันข้ามเพราะเขาคนนี้เรียกได้ว่าเป็นผู้ริเริ่ม Twitter มาพร้อมกับ Jack Dorsey
3
แถม Glass ยังเป็นคนคิดชื่อ Twitter แต่เขากลับอยู่กับ Twitter ได้เพียง 5 เดือน และถูกไล่ออกแถมยังไม่ได้ส่วนแบ่งหุ้นในวันที่ Twitter จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
ซึ่งหลังจากกรณีของ Glass แล้ว ก็ยังมีผู้ร่วมก่อตั้ง Twitter ที่โดนไล่ออกแบบเดียวกันอีก 2 คน
5
แล้วเส้นทางการก่อตั้ง Twitter เป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
1
ย้อนกลับไปในปี 2003 หรือเมื่อ 18 ปีก่อน ที่เมืองซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา
2
ชายที่ชื่อว่า “Noah Glass” อาศัยอยู่ในอะพาร์ตเมนต์ ซึ่งเขายังใช้เป็นที่พัฒนา Blog ที่สามารถทำให้ผู้ใช้งานสามารถโพสต์ข้อความด้วยเสียง แทนข้อความตัวอักษร
โดยในขณะนั้น คนที่ย้ายอะพาร์ตเมนต์มาอยู่ห้องตรงข้ามกับ Glass ก็คือ “Evan Williams”
1
Williams เริ่มเป็นที่รู้จักในซิลิคอนแวลลีย์จากการเป็นผู้ร่วมก่อตั้งเว็บไซต์ชื่อดังที่ชื่อว่า Blogger
ซึ่งแน่นอนว่า Glass ก็จำเขาได้ ทั้งคู่จึงได้ทำความรู้จักและกลายมาเป็นเพื่อนกัน
2
หลังจากนั้นไม่นาน Google ก็ซื้อกิจการ Blogger ในปี 2003 ซึ่งนั่นก็ทำให้ Williams มีชื่อเสียงในวงการเทคโนโลยีมากขึ้นไปอีก และดีลดังกล่าว ก็ได้ทำให้ Williams ได้รับเงินก้อนใหญ่
1
ในเวลาต่อมา Williams ได้เริ่มสนใจในโปรเจกต์ของ Glass เขาเลยให้เงินลงทุนกับ Glass
ก่อนที่จะออกจาก Google เพื่อมาร่วมโปรเจกต์กับ Glass แบบเต็มตัว
2
ปี 2005 ทั้งคู่ได้ต่อยอดไอเดียบล็อกที่ใช้ข้อความเสียงของ Glass
จนพัฒนาให้กลายมาเป็นบริการที่ชื่อว่า “Odeo” ซึ่งคล้ายกับ Podcast ในปัจจุบัน
1
เมื่อธุรกิจเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง Williams และ Glass จึงได้ย้ายสถานที่ทำงานจากอะพาร์ตเมนต์ไปเป็นออฟฟิศเล็ก ๆ และ Odeo ก็เริ่มสร้างทีมงานด้วยการเปิดรับสมัครพนักงานเพิ่ม
โดยหนึ่งในคนที่ส่งอีเมลสมัครงานมา ก็คือ “Jack Dorsey”
6
จากพิษของวิกฤติดอตคอม Dorsey ได้กลายมาเป็นคนว่างงาน ซึ่งในระหว่างนั้น เขาก็ได้รับจ้างเขียนโปรแกรมเกี่ยวกับระบบซื้อขายตั๋วออนไลน์ให้กับบริษัทท่องเที่ยว ซึ่งโดยปกติแล้วเขามักนำแล็ปท็อปไปนั่งทำงานในร้านคาเฟ
4
วันหนึ่ง ระหว่างที่ Dorsey นั่งทำงานในคาเฟร้านประจำ
Williams ที่กำลังโด่งดังจากการขายบริษัท Blogger ให้กับ Google ก็เดินเข้ามาในร้าน
2
Dorsey รู้สึกคุ้นหน้ากับผู้ชายคนนี้ จึงได้เริ่มไปติดตามเรื่องราวของเขา จนได้รู้ว่าเขากำลังทำโปรเจกต์ใหม่และกำลังเปิดรับสมัครงาน จึงทำให้เขาไม่ลังเลที่จะส่งอีเมลสมัครงานไปที่ Odeo
3
พอ Williams และ Glass ได้สัมภาษณ์ Dorsey ก็รู้สึกสนใจในตัวเขาและตกลงรับ Dorsey เข้ามาร่วมทีม
1
ซึ่งนอกจาก Dorsey แล้ว ก็ยังมี “Biz Stone” เพื่อนของ Williams จากบริษัท Blogger
ที่ได้ตัดสินใจลาออกจาก Google แล้วตาม Williams มาทำโปรเจกต์ใหม่ร่วมกัน
1
เมื่อได้ทีมงานมาพอสมควรแล้ว โปรเจกต์ Odeo ก็เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ
โดยมี Williams เป็นผู้ให้เงินลงทุนหลักและรับตำแหน่งเป็น CEO
2
แต่แม้ว่าไอเดียของ Odeo จะน่าสนใจ แต่ปัญหาสำคัญก็คือคนส่วนใหญ่ที่ได้ทดลองใช้งานครั้งเดียวแล้วเลิก
Odeo ไม่สามารถทำให้คนกลับมาใช้งานซ้ำได้ แม้แต่ทีมงานในบริษัทเอง ก็ยังไม่ค่อยมีใครใช้งาน
4
ที่เลวร้ายกว่านั้นก็คือ หลังจากนั้นไม่กี่เดือน Apple ได้เปิดตัว iPod รุ่นใหม่
พร้อมกับประกาศว่าใน iTunes จะเริ่มให้บริการ Podcast
2
นั่นเท่ากับว่าผู้ใช้งาน iPod หลายสิบล้านเครื่องทั่วโลก จะมีบริการ Podcast ให้ใช้งานได้ทันที Odeo ที่ตั้งใจจะเป็นแพลตฟอร์มให้บริการแบบเดียวกันนี้ จึงหมดความหมาย
Odeo เลยให้ทีมงานทุกคนแบ่งทีมแล้วช่วยกันระดมความคิดหาไอเดียผลิตภัณฑ์ใหม่
ซึ่งที่ดูจะเข้าท่าที่สุด ก็เป็นไอเดียของ Dorsey และ Glass
คืนหนึ่ง Dorsey และ Glass ได้พูดคุยกันหลังกลับจากการสังสรรค์
โดย Dorsey เล่าว่าเขาอยากทำแพลตฟอร์มที่ให้ผู้คนอัปเดตข้อความแนวสเตตัสสั้น ๆ
อย่างเช่นว่าตอนนี้กำลังทำอะไร อยู่ที่ไหน ซึ่งเป็นสิ่งที่ Dorsey อยากลองทำมาหลายปีแล้ว
4
Glass รู้สึกตื่นเต้นกับไอเดียของ Dorsey ทั้งคู่เลยพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
2
จนกระทั่งวันหนึ่งในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2006 Dorsey และ Glass ได้นำไอเดียเหล่านี้ไปเสนอที่บริษัท ซึ่ง Williams และ Stone ก็มองว่าน่าสนใจ แต่ยังไม่ได้เชื่อมั่นและให้ความสำคัญกับโปรเจกต์นี้มากขนาดนั้น
2
Glass ทุ่มเทเวลาคิดชื่อแพลตฟอร์มนี้ จนในที่สุด ก็ออกมาเป็นชื่อ “Twitter”
ในเวลาต่อมา Twitter ได้กลายมาเป็นโปรเจกต์ใหม่ของบริษัท โดย Williams ให้ Dorsey และ Glass รวมถึง Florian Weber โปรแกรมเมอร์ชาวเยอรมัน ช่วยกันพัฒนา Twitter ขึ้นมา
2
ผ่านไป 2 สัปดาห์ วันที่ 21 มีนาคม 2006 Dorsey ก็ได้ทดลองเปิด Twitter ให้ใช้งานแบบออนไลน์ได้ โดยทวีตว่า “just setting up my twttr” ซึ่งใครจะไปคิดว่าข้อความนี้ในอีก 15 ปีต่อมา หรือ เดือนมีนาคม ปี 2021 ได้ถูกขายเป็น NFT มูลค่า 96.8 ล้านบาทเลยทีเดียว
3
หลังจากนั้น 4 เดือน Twitter เริ่มเปิดให้คนทั่วไปใช้งานได้จริง
ซึ่งช่วงเวลานี้ ก็น่าจะเต็มไปด้วยความน่ายินดีสำหรับผู้ก่อตั้งทุกคน
แต่กลับกลายเป็นว่า Glass ผู้ที่ทุ่มเทให้กับ Twitter แทบจะมากที่สุด
แถมยังเป็นคนตั้งชื่อนี้ กลับถูก Williams ไล่ออกจากบริษัท..
3
แม้ว่าสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ Glass ถูกไล่ออกจะยังคลุมเครือ แต่ก็มีการพูดถึงกันหลายสาเหตุ อย่างเช่นเรื่องที่ Dorsey กดดันให้ Williams ไล่ Glass ออก เพราะนิสัยส่วนตัวของ Glass ที่เป็นคนอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ หรือเรื่องที่ Glass ทุ่มเทกับ Twitter มากแบบสุดขั้วจนถึงขั้นเคยคิดจะแยกบริษัทออกแล้วไปเป็น CEO เอง
5
ผ่านไป 2 เดือน แม้ว่าช่วงที่ Twitter กำลังอยู่ในระหว่างการทดลองใช้งานกันเองในบริษัท ทุกคนจะสนุกกับการใช้งานมากก็ตาม
2
แต่ Twitter ที่ไม่มี Glass นั้นกลับไม่เป็นที่นิยมสำหรับคนทั่วไป..
ในขณะนั้น Twitter มีผู้ใช้งานแค่ราว 5,000 คน ซึ่งปัญหาสำคัญของ Twitter ในตอนนั้นก็คือ ไม่รู้ว่ามีไว้ใช้ทำอะไร
5
มาถึงตรงนี้ Williams ได้เริ่มส่งอีเมลหาผู้ลงทุนใน Odeo เพื่อบอกว่าโปรเจกต์ Odeo ไปต่อไม่ได้แล้ว และแจ้งว่ากำลังเริ่มโปรเจกต์ใหม่อย่าง Twitter ที่ยังไม่รู้ว่าจะไปได้สวยหรือไม่
2
Williams เลยยินดีใช้เงินส่วนตัวคืนเงินให้กับผู้ลงทุนทุกคนแบบเต็มจำนวน เพื่อที่พวกเขาจะไม่ต้องขาดทุน
3
เมื่อ Williams ใช้เงินตัวเองคืนเงินให้กับนักลงทุนทั้งหมด เป็นมูลค่ากว่า 165 ล้านบาท เขาจึงได้หุ้นและสัดส่วนความเป็นเจ้าของกลับคืนมาทั้งหมด ส่งผลให้อำนาจการตัดสินใจ ณ เวลานั้น อยู่ที่ตัว Williams เพียงคนเดียว..
1
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง ก็ได้มีเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้ Twitter กลายเป็นที่รู้จักและเริ่มถูกใช้งานกันอย่างแพร่หลายมากขึ้น เริ่มจากแผ่นดินไหวเล็ก ๆ ในซานฟรานซิสโก ที่ผู้ใช้งาน Twitter ได้ใช้แพลตฟอร์มในการอัปเดตสถานการณ์
4
เรื่องดังกล่าวทำให้ Twitter รู้ตัวแล้วว่าแพลตฟอร์มของพวกเขา มีไว้สำหรับแชร์สถานการณ์ด่วน อัปเดตข้อมูลข่าวสารที่กำลังเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ไม่ใช่การอัปเดตสเตตัสแบบที่คิดไว้แต่แรก
3
หลังจากนั้น Twitter ก็ได้เปลี่ยนข้อความให้ช่องที่ให้ผู้ใช้งานพิมพ์ข้อความ จากประโยคว่า What’s your status มาเป็น What’s happening ซึ่งการอัปเดตเหตุการณ์สำคัญแบบเรียลไทม์ ก็กลายมาเป็นจุดเด่นของสังคม Twitter มาจนถึงปัจจุบัน
3
และอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ถือว่าสำคัญมากสำหรับ Twitter ก็คือการได้รับรางวัลสุดยอดสตาร์ตอัปในงาน South by Southwest (SXSW) ประจำปี 2007 ซึ่งเป็นงานแสดงผลงานเทคโนโลยีชื่อดัง นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ Twitter มีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
4
Dorsey, Williams และ Stone ขึ้นไปรับรางวัลด้วยกัน โดย Dorsey เป็นตัวแทน Twitter เพื่อพูดขอบคุณ ส่วน Glass ที่ไปร่วมงานนี้ด้วยเช่นกัน กลับเป็นเพียงผู้ชมอยู่ด้านล่างเวที
3
ในที่สุด Twitter ก็เปลี่ยนจากโปรเจกต์เล็ก ๆ กลายมาเป็นบริษัทเต็มรูปแบบ และสามารถระดมทุนได้เป็นครั้งแรก โดยมี Williams เป็นประธานบริษัท ส่วน Dorsey ถูกลงความเห็นว่าคือคนที่เหมาะสมกับตำแหน่ง CEO มากที่สุด
4
แต่ช่วงเวลา 1 ปีต่อจากนั้น.. กลับมีหลายเรื่องราวที่ทำให้ทั้งนักลงทุนและเพื่อนร่วมงานเห็นตรงกันว่า Dorsey ทำตัวไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง
1
ตั้งแต่เรื่องที่เขาใช้เวลาตอนเย็นไปกับการเรียนออกแบบเสื้อผ้า เพราะแฟชั่นดีไซเนอร์คืออีกหนึ่งความฝันของ Dorsey
1
หลายคนเลยมองว่าเขาไม่ทุ่มเทเวลาให้กับ Twitter มากพอ
ทั้งที่ Twitter เพิ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้น
1
แต่เรื่องที่ส่งผลกระทบโดยตรงกับบริษัทก็คือ ระบบของ Twitter ที่ล่มบ่อยมาก แทบจะทุกวัน แต่ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข ที่ร้ายแรงที่สุดก็คือ ทุกคนเพิ่งรู้ว่าที่ผ่านมา Dorsey ไม่มีระบบแบ็กอัปข้อมูลของ Twitter ไว้เลย
2
เหตุผลทั้งหมดนี้เลยทำให้ในปี 2008 Dorsey ถูก Williams และเหล่านักลงทุนบีบให้ลงจากตำแหน่ง CEO และไปรับตำแหน่งประธานซึ่งไม่มีอำนาจบริหารงานแทน ขณะที่คนที่มารับตำแหน่ง CEO แทน Dorsey ก็คือ Williams
3
หลังจากที่ Dorsey ออกจาก Twitter เขาก็ได้เริ่มธุรกิจใหม่ จนทำให้เขากลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง นั่นก็คือ Square แพลตฟอร์มรับชำระเงินให้กับร้านค้า ซึ่งปัจจุบัน Square ได้เติบโตเป็นผู้ให้บริการกระเป๋าเงินดิจิทัลอันดับ 1 ในสหรัฐอเมริกา โดยมีมูลค่าบริษัทเป็น 2.4 เท่าของ Twitter และที่น่าสนใจคือมี Stone เป็นหนึ่งในผู้ลงทุนกลุ่มแรกของ Square ด้วย
8
แต่แล้วในปี 2010 ก็ได้เกิดเหตุการณ์ไล่ผู้ร่วมก่อตั้งออก ซ้ำรอยเป็นครั้งที่ 3
แต่ครั้งนี้ผู้ที่ถูกกระทำกลับเป็น Williams เอง..
1
และแม้ว่าสาเหตุที่แน่นอนจะไม่ถูกเปิดเผยแบบชัดเจน แต่ก็มีการบอกเล่ากันว่า Williams มีสไตล์การทำงานที่ค่อนข้างช้า และมีมุมมองต่อ Twitter ที่ไม่ตรงกับทีมผู้บริหารหลายคน เลยทำให้ผู้บริหารบางคนเริ่มกลับไปพูดคุยกับ Dorsey อีกครั้ง
1
จนในที่สุดกรรมการบริษัทก็ลงความเห็นว่าให้ Williams ลาออกจากตำแหน่ง CEO และให้ผู้ที่เป็น COO อยู่ในตอนนั้นขึ้นมารับตำแหน่งแทน
ส่วน Stone ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Twitter คนสุดท้ายที่เหลืออยู่ ก็ลาออกจาก Twitter ตาม Williams ไป
2
หลังจากนั้นเพียงปีเดียว Dorsey ก็ได้กลับมามีบทบาทที่ Twitter อีกครั้ง โดยการรับตำแหน่งเป็นประธานกรรมการบริหารที่ดูแลด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ก่อนที่จะกลับมาเป็น CEO อีกครั้งในปี 2015
2
Williams ที่ออกจาก Twitter ไป ก็ได้ก่อตั้งบริษัทที่ชื่อว่า Obvious โดยมี Stone เป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งด้วย และได้พัฒนาเว็บไซต์ที่ชื่อว่า Medium ในปี 2012 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ให้ทุกคนเข้ามาเขียนและอ่านบทความได้
3
ซึ่งระหว่างนั้น Williams ยังเป็นกรรมการของ Twitter ก่อนที่จะลาออกเมื่อปี 2019 ที่ผ่านมา
ส่วนเส้นทางของผู้ร่วมก่อตั้งที่โดนให้ออกไปคนแรกอย่าง Glass
หลังถูกไล่ออกจาก Twitter ไปตั้งแต่ปี 2006 เขาก็ย้ายออกไปจากซานฟรานซิสโก
ก่อนที่จะกลับมายังเมืองนี้อีกครั้งในปี 2011 และใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายกับครอบครัวของเขา
5
ซึ่งเขาคนนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นผู้ก่อตั้งที่มีความสำคัญมากกับ Twitter
ไม่ว่าจะเป็นต้นไอเดียข้อความสั้น ไปจนถึงเป็นคนคิดค้นชื่อแบรนด์
แต่ท้ายที่สุดนั้น กลับกลายเป็นว่า Glass คือคนเดียวที่ไม่ได้มีผลตอบแทนที่เป็นตัวเงินจาก Twitter
หรือแม้แต่ชื่อเสียงจากความสำเร็จของ Twitter
6
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
รู้หรือไม่ว่า Glass ก็มีบัญชีทวิตเตอร์ส่วนตัว
โดยเขาได้ใช้ชื่อบัญชีว่า “noah glass” หรือ @noah
ซึ่งเขาก็ได้ระบุไบโอ หรือข้อความแนะนำตัวสั้น ๆ
เพียงไม่กี่คำว่า I started this แปลว่า ผมเป็นคน คิดค้น สิ่งนี้..
8
โฆษณา