11 ต.ค. 2021 เวลา 08:48 • หุ้น & เศรษฐกิจ
การล่าอาณานิคมยุคใหม่
1
ในอดีต..ประเทศทางแถบยุโรป เช่น ฝรั่งเศษ โปรตุเกส หรือแม้กระทั่งอังกฤษ ใช้วิธีล่าอาณานิคม โดยใช้ยุทธวิธีทางการทูต การทหาร การรบในการปฏิบัติการเพื่อให้ได้ครอบครองประเทศนั้นๆ และนำมาซึ่งความมั่งคั่งให้กับประเทศของตนเอง
ประเทศทางแถบเอเชีย และแอฟริกาก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญ เพราะมีทั้งทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ เช่น อาหารโดยเฉพาะเครื่องเทศ ใบชา และกาแฟ ซึ่งเป็นหนึ่งในสินค้าที่ประเทศทางแถบยุโรปส่วนใหญ่ต้องการ
แม้แต่ประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเราก็รบกันเอง เพื่อให้ได้มาซึ่งอาณาเขต อำนาจการปกครอง รวมทั้งทรัพยากรต่างๆ เช่นกัน
ปัจจุบัน.. การล่าอาณานิคมเพื่อให้ได้มาซึ่งพื้นที่ อาจไม่ค่อยมีบทบาทสำคัญ แต่สิ่งสำคัญกลับอยู่ที่การได้ยึดครองซึ่งอำนาจในประเทศนั้นๆ โดยใช้สิ่งสำคัญที่เรียกว่า "Big Data"
Big Data มีผลอย่างไร
คิดภาพง่ายๆ แม้เราไม่ได้เปิดใช้โทรศัพท์ แต่หากเรากำลังพูดถึงเรื่องหนึ่งเรื่องใดอยู่ เมื่อเราเปิดโทรศัพท์แล้วลองเข้า Facebook เรามักจะพบกับเรื่องราวหรือ สินค้าที่เกี่ยวกับเรื่องที่เราพูดถึง
Facebook หรือแม้กระทั่ง Application อื่นๆ กำลังฟังข้อมูลจากเราในทุกๆวินาทีที่เราพูดคุย เว้นเสียแต่ว่าเราจะถอดแบตเตอรี่ออก หรืออยู่ห่างจากมันมากๆ ในขณะที่เราพูดคุยนั่นแหละ มันจึงจะไม่สามารถรับรู้ได้ว่าเราพูดคุยอะไรกัน
Big Data สำคัญแค่ไหน
คิดง่ายๆ อีกนั่นแหละครับ ถ้าคุณไม่มีเงิน แต่คุณมี Big Data
คุณจะสามารถเสกเงินได้มากเท่าที่คุณค่าและขอบเขตของ Big Data นั้นสามารถมอบให้คุณได้ ซึ่งบอกได้เลยว่ามันมากมายมหาศาล
Big Data กับการนำไปใช้
ปัจจุบันประเทศจีนได้นำร่องการใช้งานนี้ผ่านกล้อง CCTV ในประเทศ โดยใช้ Big Data ควบคู่ไปกับ Ai หรือปัญญาประดิษฐ์
ผลปรากฎกว่า การทำผิดกฎหมายตั้งแต่กำหนดพื้นที่ห้ามสูบบุหรี่ กฎหมายจราจร และอาชญากรรม ได้ลดลงเป็นจำนวนมาก
และปัจจุบัน รัฐบาลจีนกำลัง ขอความร่วมมือกับบริษัท Tech ต่างๆ ภายในประเทศ เช่นTencent, Alibaba และ TikTok ByteDance เพื่อเข้าควบคุม Big Data ของบริษัทเหล่านี้
นี่เป็นที่มาของการยึดครอง แต่ไม่ครอบครอง โดยใช้ประโยชน์จาก Big Data ซึ่งมีมูลค่ามากมายมหาศาล
แม้จะมีประโยชน์ในภาพรวม แต่ก็ดูเหมือนจะขัดแย้งกับสิทธิเสรีภาพและความเป็นส่วนตัว ซึ่งดูเหมือนประชาชนจะไม่สามารถเลือกสิ่งใดได้เลย 😅😅
โฆษณา