Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Timeless History (ประวัติศาสตร์ไร้กาลเวลา)
•
ติดตาม
13 ต.ค. 2021 เวลา 03:40 • ประวัติศาสตร์
“วลาดีมีร์ เลนิน (Vladimir Lenin)” นักปฏิวัติแห่งรัสเซีย
“วลาดีมีร์ เลนิน (Vladimir Lenin)” เป็นนักปฏิวัติและหัวหน้าพรรคบอลเชวิก (Bolshevik Party) ซึ่งโด่งดังขึ้นมาในคราวปฏิวัติรัสเซีย (Russian Revolution) เมื่อปีค.ศ.1917 (พ.ศ.2560)
การปฏิวัติรัสเซียทำให้ราชวงศ์โรมานอฟ (Romanov dynasty) ซึ่งปกครองรัสเซียมาเป็นเวลานับร้อยปีต้องจบลง และพรรคบอลเชวิกก็ได้กลายเป็นพรรคคอมมิวนิสต์ในภายหลัง และทำให้เลนินได้ขึ้นเป็นผู้นำสหภาพโซเวียต
เลนินเกิดในเมืองซิมบิร์สค์ ประเทศรัสเซีย เมื่อปีค.ศ.1870 (พ.ศ.2413) ในครอบครัวฐานะปานกลาง โดยเขาเป็นลูกคนที่สามในบรรดาพี่น้องหกคน
ครอบครัวของเลนินเป็นครอบครัวที่มีการศึกษา และด้วยความที่มีการศึกษา ทำให้ทั้งครอบครัวตกเป็นเป้าของรัฐบาล โดยพ่อของเขาซึ่งทำงานเป็นผู้ตรวจการโรงเรียนต่างๆ ได้ถูกบีบให้เกษียณก่อนกำหนด
1
เลนินในช่วงวัยรุ่น
ในปีค.ศ.1887 (พ.ศ.2430) พี่ชายของเลนินได้ถูกประหารเนื่องจากมีส่วนในการวางแผนลอบปลงพระชนม์ “จักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 3 แห่งรัสเซีย (Alexander III of Russia)” ทำให้เลนินในช่วงวัยรุ่น มีความฝักใฝ่ในการเมืองมาก
พระบรมศพจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 3
ในปีค.ศ.1887 (พ.ศ.2430) เลนินวัย 17 ปีได้ถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัย โดยในเวลานั้น เลนินกำลังศึกษาสาขาวิชานิติศาสตร์ โดยสาเหตุที่ถูกไล่ออก เนื่องจากเขาได้มีส่วนในการจัดการประท้วงของนักศึกษา
เมื่อถูกไล่ออก เลนินก็หมกมุ่นอยู่กับหนังสือการเมืองต่างๆ และสนใจการเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ
ในปีค.ศ.1889 (พ.ศ.2432) เลนินได้ประกาศตนเป็นมาร์กซิสต์ ก่อนจะได้กลับไปเรียนจนจบการศึกษาทางด้านนิติศาสตร์ และได้ฝึกงานทางด้านกฎหมายที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
แต่ในไม่ช้า เลนินก็ถูกจับกุมเนื่องจากมีส่วนในกิจกรรมของกลุ่มมาร์กซิสต์ และถูกเนรเทศไปไซบีเรีย โดย “นาเดซดา ครุปสกายา (Nadezhda Krupskaya)” คู่หมั้นและว่าที่ภรรยาของเขา ก็ได้ตามเขาไปด้วย
เลนินได้แต่งงานกับครุปสกายาในวันที่ 22 กรกฎาคม ค.ศ.1898 (พ.ศ.2441)
นาเดซดา ครุปสกายา (Nadezhda Krupskaya)
ในเวลาต่อมา เลนินได้ย้ายไปเยอรมนี ก่อนจะไปยังสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเขาก็ได้พบกับชาวยุโรปที่นิยมมาร์กซิสต์อีกหลายคน
ในช่วงเวลานี้เอง เขาได้ใช้นามแฝงว่า “เลนิน (Lenin)” และก่อตั้งพรรคบอลเชวิก (Bolshevik Party)
สิงหาคม ค.ศ.1914 (พ.ศ.2457) รัสเซียได้เข้าร่วมในสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยอยู่ข้างเซอร์เบีย พร้อมกับฝรั่งเศสและอังกฤษ
ในเวลานั้น รัสเซียยังด้อยกว่าเยอรมนีที่เจริญก้าวหน้าทางอุตสาหกรรม และการที่รัสเซียเข้าร่วมในสงครามก็นับเป็นหายนะ โดยจำนวนผู้เสียชีวิตของรัสเซียนั้นก็สูงกว่าชาติอื่นๆ อีกทั้งเสบียงและเชื้อเพลิงก็ขาดแคลน ทำให้รัสเซียอยู่ในภาวะอดอยาก
1
แต่ถึงรัสเซียจะพ่ายแพ้ในสงคราม แต่เลนินก็สนับสนุนการเข้าร่วมในสงคราม โดยเขาเชื่อว่านี่จะเป็นการเร่งให้เกิดการปฏิวัติทางการเมืองอย่างที่เขาต้องการ โดยในปีค.ศ.1916 (พ.ศ.2459) เลนินได้เขียนหนังสือเรื่อง “Imperialism, the Highest Stage of Capitalism”
ในหนังสือเล่มนี้ เลนินได้กล่าวว่าสงครามคือผลของระบบทุนนิยมระดับนานาชาติ
ทางด้านเยอรมนี ซึ่งเริ่มสนใจในตัวเลนิน และเห็นว่าเลนินจะสามารถทำให้รัสเซียอยู่ในภาวะที่ไม่มั่นคงได้มากกว่านี้ จึงหาทางทำให้เลนินและนักปฏิวัติชาวรัสเซียคนอื่นๆ ซึ่งถูกเนรเทศ กลับเข้าสู่รัสเซียได้ในที่สุด
เมื่อกลับมารัสเซียในเดือนเมษายน ค.ศ.1917 (พ.ศ.2460) การปฏิวัติรัสเซียก็ได้เริ่มขึ้นก่อนแล้ว
ในเวลานั้น ได้มีการชุมนุมประท้วงเรื่องการขาดแคลนอาหาร และความผันผวนทางการเมือง ก็ทำให้ “จักรพรรดินิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซีย (Nicholas II of Russia)” ต้องสละบัลลังก์ และทำให้ราชวงศ์โรมานอฟสิ้นสุดลง
จากนั้น รัสเซียก็อยู่ใต้การปกครองของรัฐบาลชั่วคราว ซึ่งต่อต้านการปฏิรูปโดยใช้ความรุนแรง และรัสเซียก็ยังคงมีส่วนร่วมในสงครามโลกครั้งที่ 1
จักรพรรดินิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซีย (Nicholas II of Russia)
เลนิน ซึ่งไม่ค่อยเห็นด้วยกับแนวทางการบริหารของรัฐบาล ได้วางแผนโค่นล้มรัฐบาล โดยเลนินสนับสนุนให้คนงานและชาวนาชาวไร่เป็นผู้ปกครองโดยตรง
ภายในฤดูใบไม้ร่วงของปีค.ศ.1917 (พ.ศ.2460) ชาวรัสเซียก็ยิ่งรู้สึกเบื่อหน่ายสงคราม ทั้งทหารและคนงานต่างเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลง นำไปสู่การปฏิวัติเดือนตุลาคม (October Revolution)
1
เลนินตัดสินใจจะเข้ายึดอำนาจ เขาจัดการดึงเหล่าคนงาน ชาวนา และทหารเข้ามาเป็นพวกอย่างลับๆ จัดตั้งเป็นกลุ่มทหารที่เรียกว่า “เรดการ์ด (Red Guard)”
1
ในวันที่ 7 และ 8 พฤศจิกายน ค.ศ.1917 (พ.ศ.2460) กลุ่มเรดการ์ดได้เข้าทำรัฐประหาร ยึดอำนาจจากรัฐบาลชั่วคราว
พรรคบอลเชวิกเข้ายึดอำนาจและขึ้นเป็นใหญ่ ทำให้เลนินก้าวขึ้นเป็นผู้นำสหภาพโซเวียต โดยรัฐบาลใหม่นี้ได้ทำให้รัสเซียก้าวออกจากสงครามโลกครั้งที่ 1 ภายใต้สนธิสัญญาเบรสท์-ลีตอฟสก์ (Treaty of Brest-Litovsk)
1
แต่การปฏิวัติของบอลเชวิกก็ได้ทำให้รัสเซียเข้าสู่สงครามกลางเมืองซึ่งกินเวลานานกว่าสามปี โดยกองกำลังเรดการ์ด หรือ “กองทัพแดง (Red Army)” ต้องสู้รบกับ “กองทัพขาว (White Army)” ซึ่งเป็นกองกำลังของเหล่าผู้นิยมราชวงศ์และผู้นิยมประชาธิปไตย
1
ในช่วงนี้เอง เลนินได้ออกนโยบายทางเศรษฐกิจที่เรียกว่า “สงครามลัทธิคอมมิวนิสต์ (War Communism)” ซึ่งทำให้เลนินยิ่งมีอำนาจมากขึ้นและเอาชนะกองทัพขาวได้
3
ภายใต้สงครามลัทธิคอมมิวนิสต์ เลนินได้เข้ายึดครองกิจการและอุตสาหกรรมต่างๆ และแปรรูปให้เป็นของรัฐ อีกทั้งยังเรียกเก็บผลผลิตของชาวนาชาวไร่เพื่อนำมาเป็นเสบียงแก่กองทัพแดง
ผลจากนโยบายนี้ทำให้เกิดความวุ่นวายไปทั่ว ภายใต้การบริหารของรัฐบาลที่เข้าครอบครองกิจการทุกอย่าง ทำให้อุตสาหกรรมและการเกษตรตกต่ำ โดยมีการประเมินว่าในปีค.ศ.1921 (พ.ศ.2464) มีชาวรัสเซียกว่าห้าล้านคนเสียชีวิตเนื่องจากความอดอยาก และประชาชนชาวรัสเซียจำนวนมากก็มีฐานะยากจน
เมื่อเป็นอย่างนี้ เลนินจึงออกนโยบายเศรษฐกิจใหม่ออกมา โดยจะมุ่งเน้นไปยังตลาดมากขึ้น ส่งเสริมทุนนิยมและตลาดเสรีมากขึ้น
ภายหลังการปฏิวัติไม่นาน เลนินก็ได้จัดตั้ง “เชกา (Cheka)” ซึ่งเป็นตำรวจลับกลุ่มแรกของรัสเซีย โดยในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจตกต่ำในช่วงสงครามกลางเมือง เลนินก็ได้ให้เชกาเป็นผู้จัดการปิดปากคู่แข่งทางการเมือง ทั้งจากฝ่ายตรงข้ามและฝ่ายตนที่ต้องการจะท้าทายอำนาจของเขา
แต่ถึงอย่างนั้น ความวุ่นวายก็ยังไม่ดีขึ้น และในเดือนสิงหาคม ค.ศ.1918 (พ.ศ.2461) “แฟนนี เคปแลน (Fanny Kaplan)” คู่แข่งจากพรรคอื่น ก็ได้ยิงเลนินเข้าที่ไหล่และคอ ขณะที่เลนินเดินออกมาจากโรงงานในมอสโคว ทำให้เลนินบาดเจ็บสาหัส
ภายหลังจากการลอบสังหาร เชกาก็ได้นำพารัสเซียเข้าสู่ช่วงเวลาที่เรียกว่า “ความหวาดกลัวสีแดง (Red Terror)” โดยช่วงเวลานี้ เชกาได้ทำการสังหารหมู่เหล่าผู้สนับสนุนราชวงศ์ รวมทั้งชนชั้นสูงและนักสังคมนิยมที่ไม่เข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ของเลนิน
มีการประเมินว่าในระหว่างเดือนกันยายนถึงตุลาคม ค.ศ.1918 (พ.ศ.2461) เชกาได้ทำการสังหารศัตรูไปแล้วกว่า 100,000 คน
2
กองทัพแดงของเลนินเป็นผู้ชนะในสงครามกลางเมือง และในปีค.ศ.1922 (พ.ศ.2465) ก็ได้มีการทำสนธิสัญญาระหว่างรัสเซีย ยูเครน เบลารุส และทรานส์คอเคเซีย จัดตั้งเป็น “สหภาพโซเวียต (Union of Soviet Republics)”
เลนินขึ้นมาเป็นผู้นำคนแรกของสหภาพโซเวียต แต่ในเวลานั้น สุขภาพของเขาก็ทรุดโทรมลงเรื่อยๆ
1
ระหว่างค.ศ.1922-1924 (พ.ศ.2465-2467) เลนินนั้นมีอาการสโตรก ทำให้เขาพูดไม่ถนัด
การป่วยหนักและไม่สามารถปกครองได้อย่างราบรื่นของเลนิน เป็นการเปิดทางให้ “โจเซฟ สตาลิน (Joseph Stalin)” เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ เริ่มจะรวบรวมอำนาจ
เลนินก็ไม่พอใจกับการขึ้นสู่อำนาจของสตาลิน และมองว่าสตาลินเป็นบุคคลอันตราย โดยในช่วงที่เลนินมีอาการดีขึ้นในปลายปีค.ศ.1922 (พ.ศ.2465) เลนินก็ได้เขียนบทความเกี่ยวกับการคอร์รัปชั่นในพรรคคอมมิวนิสต์
1
บทความของเลนิน เสนอให้มีการเปลี่ยนแปลงในระบอบการเมืองของโซเวียต และให้สตาลินถูกปลดจากตำแหน่ง
โจเซฟ สตาลิน (Joseph Stalin)
เลนินเสียชีวิตเมื่อวันที่ 21 มกราคม ค.ศ.1924 (พ.ศ.2467) ขณะมีอายุได้ 53 ปี ทิ้งไว้เพียงประวัติศาสตร์ในบันทึกของรัสเซีย
References:
https://www.history.com/topics/russia/vladimir-lenin
https://www.bl.uk/people/lenin
https://www.bbc.co.uk/history/historic_figures/lenin_vladimir.shtml
https://www.biography.com/political-figure/vladimir-lenin
1
22 บันทึก
20
15
22
20
15
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย