13 ต.ค. 2021 เวลา 05:30 • กีฬา
โลกฟุตบอลยังคงยุติธรรมสำหรับโค้ชที่ทำงานหนัก…
.
วันที่ได้รู้ข่าวว่า “ราฟาเอล เบนิเตซ” ได้รับการแต่งตั้งเป็น หัวหน้าผู้ฝึกสอนคนใหม่ของ Everton Football Club ทีมรักของผม สารภาพตามตรงว่าผมไม่ได้รู้สึกดีใจ ออกไปทางยี้ด้วยซ้ำ
โค้ชมีตั้งแต่เยอะแยะบนโลกใบนี้ ทำไม ทำไม ทำไมต้องเป็น “ราฟา” ด้วย ? ผมไม่เข้าใจจริง ๆ
เอล ราฟา วนเวียนอยู่ในเกมลูกหนังระดับโลกมา 2 ทศวรรษแล้ว แจ้งเกิดเต็มตัวกับ Valencia C.F ก่อนมาประสบความสำเร็จสูงสุดในชีวิตงานโค้ชกับ Liverpool FC
จากนั้นระหกระเหินไปคุม Inter , Chelsea Football Club , SSC Napoli , Real Madrid C.F. , Newcastle United สุดท้ายชีพจรลงเท้าต้องไปไกลถึงลีกจีนกับ “ต้าเหลียน” เป็นทีมล่าสุด
นั่นจึงเป็นเหตุผลแรกที่ผมไม่เข้าใจทำไมสโมสรที่ดูมีความทะเยอทะยาน อยากยกระดับตัวเองขึ้นมาอยู่ในพื้นที่ท็อป 6, ท็อป 4 พรีเมียร์ลีกอย่าง เอฟเวอร์ตัน ถึงไปจิ้มเอาโค้ชที่ถูกหลายทีมมองข้าม จนต้องไปทำงานคุมทีมในไชนีส ซูเปอร์ลีก มารับช่วงต่อจาก คาร์โล อันเชล็อตติ ที่ทิ้งสโมสรไป
เหตุผลข้อสองซึ่งอาจจะเป็นเหตุผลที่ใหญ่กว่าข้อแรก ก็คือ “ราฟาเอล เบนิเตซ” เคยเป็นอดีตบอสใหญ่ทีมคู่ปรับอย่าง ลิเวอร์พูล
1
ภายหลังแต่งตั้ง เอล ราฟา ได้ไม่นาน เขาก็โดนอดีตย้อนกลับมางานทันที นักข่าวยิงคำถามใส่เขาทันทีถึงวาทะคลาสสิคที่เคยหล่นถึงเอฟเวอร์ตัน บอกว่าเป็น “small club”
เอฟเวอร์ตัน ไม่เคยใช้งานอดีตโค้ชจากสโมสรลิเวอร์พูลมานานถึง 129 ปี หรือเท่ากับตั้งแต่ระยะเวลาสโมสรก่อตั้งของลิเวอร์พูล
เพราะโค้ชคนเดียวที่เคยทำงานคุมสองทีมคู่ปรับย่านเมอร์ซีไซด์ คือ เอ็ดเวิร์ด บาร์เคลย์ ซึ่งเป็นโค้ชคนแรกของสโมสรลิเวอร์พูล สมัยแยกตัวออกจากเอฟเวอร์ตัน มาตั้งทีมใหม่เอง
ผมกังวลว่า “ราฟา” จะอยู่กับเอฟเวอร์ตันไม่ยืด เพราะเขาจะไม่มีทางได้รับการสนับสนุนเต็มที่ หรือมีช่วงเวลาฮันนีมูนกับกองเชียร์ท้องถิ่น แบบที่โค้ชหลายคนก่อนหน้านั้นเคยได้
1
ราฟา ไม่มีโอกาสแบบนั้นแน่นอน เขาต้องเริ่มต้นคุมทีมเอฟเวอร์ตัน แบบที่ไม่ใช่กุนซือคนโปรดของกองเชียร์ แต่เข้ามาคุมแล้วผลงานทีมต้องดี รูปแบบการเล่นที่ชัดเจน ดูแล้วมีอนาคต ภายใต้ข้อจำกัดด้านทรัพยากร
เขาคงไม่มีเวลาที่ได้สร้างทีมนานนัก เหมือนกับที่ มาร์โก ซิลวา และ คาร์โล อันเชล็อตติ เคยได้รับก่อนหน้านี้ อีกทั้งเงินซื้อนักเตะก็ถูกหั่นงบประมาณไปเยอะเลย เพื่อให้สอดคล้องกับกฏการเงิน (UEFA Financial Fair Play)
รวมถึงสโมสรก็มีความจำเป็นต้องประหยัด เพราะกำลังอยู่ในช่วงที่ต้องทุ่มเงินไปกับการสร้างสนามเหย้าแห่งใหม่ Bramley Moore Dock
ดังที่เห็นในตลาดซื้อขายยกแรก ฤดูกาล 2021-22 “เอฟเวอร์ตัน” เป็นสโมสรที่ใช้เงินซื้อนักเตะน้อยที่สุดของลีก จ่ายไปเพียงแค่ 1.6 ล้านปอนด์เท่านั้น เพื่อคว้าตัว “ดามาราย เกรย์” ผู้เล่นตัวรุกที่ล้มเหลวกับ เลเวอร์คูเซน
1
ที่เหลืออีก 4 คน (อัสเมียร์ เบโกวิช, แอนดรอส ทาวน์เซนด์, ซาโลมอน รอนดอน, แอนดี้ โลเนอร์แกน) ล้วนเป็นการเซ็นฟรีแบบไม่มีค่าตัวทั้งหมด
ขนาด คาร์โล อันเชล็อตติ ที่จัดว่าเป็นโค้ชระดับท็อปของโลก โปรไฟล์หรู เกรดเอ แฟนบอลและเจ้าของสโมสรหนุนหลังเต็มที่ มีงบให้ช้อปผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามามากพอสมควร
สุดท้าย อันเช่ ก็ไม่สามารถยกระดับหรือขุนให้ เอฟเวอร์ตัน ไปได้ไกลกว่าเดิม แถมเคยมีช่วงฟอร์มดร็อปและแกว่ง ไม่มีมาตรฐานคงที่ แม้จะได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากแฟนบอลและเจ้าของทีม
ราฟา เจอโจทย์ยากกว่า อันเชล็อตติ เพราะการย้ายมาของเขาเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม มีแต่แฟนบอลสงสัยในฝีมือ และไม่ชอบเขา
ที่สำคัญเขาพลาดไม่ได้ ถ้าเขาแพ้ หรือไม่สามารถทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก ภายในระยะเวลาอันสั้น เชื่อเหลือเกินว่า กระแสต่อต้านโจมตีโห่ไล่ส่งตรงถึง โค้ชชาวสเปน อย่างแน่นอน จนอาจอยู่กันไม่ยืด
ถ้าจะมองหาแง่บวกในการแต่งตั้ง ราฟาเอล เบนิเตซ ตอนนั้นมีเพียงเรื่องเดียวที่ผมนึกออกคือ “เขาเป็นโค้ชที่ทำงานหนัก”
2
ราฟาเอล เบนิเตซ จัดเป็นโค้ชที่ได้รับการยอมรับว่า เก่งแท็คติกตั้งรับและโต้กลับเร็ว รวมถึงเป็นคนที่ยังรีดศักยภาพผู้เล่นออกมาได้ดี
มีเรื่องเล่าจากนักเตะอย่าง ฟลอรองต์ ซินามา ปงโกลล์ ที่เคยร่วมงานกับ “เบนิเตซ” บอกว่าเขาจะตื่นเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศสโมสรแต่เช้า และมักอยู่ที่ทำงานจนมืดค่ำกว่าจะกลับบ้าน เพื่อทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
เวลาอยู่ข้างสนาม แฟนบอลน่าจะพอคุ้นภาพ ราฟา ที่ไม่เคยอยู่นิ่ง ๆ คอยกระตุ้น ตะโกนสั่ง พยายามแก้เกม หาจังหวะมาอธิบายแท็กติกกับลูกทีมตลอด ยามที่มีช็อตหยุดเกม หรือไม่ก็คงเป็นภาพของโค้ชที่ชอบจดอะไรบางอย่างลงในโน๊ต
ราฟา เป็นโค้ชที่เก่งแท็คติกได้ ไม่ใช่เพราะแค่เขาเข้าใจศาสตร์ฟุตบอลแตกฉาน มีประสบการณ์ชั่วโมงบินสูง แต่ส่วนหนึ่งมาจากให้เวลาศึกษาเรียนรู้ และทุ่มเทกับหน้าที่ความรับผิดชอบ
ฟุตบอลเปลี่ยนไปทุกปี โค้ชไม่ทำงานหนัก ไม่ปรับตัวให้เข้ายุคสมัย จะมีที่ยืนได้อย่างไร ?
ผมไม่รู้ว่าเวลาของราฟากับ เอฟเวอร์ตัน จะยืดยาวแค่ไหน เพราะต้องยอมรับหลาย ๆ ครั้ง “เบนิเตซ” มักโชคร้ายได้จับงานที่ดี ในเวลาที่ไม่ใช่
ตอนคุม เชลซี ราฟา มีเวลาสั้น ๆ แค่ 6 เดือน เพราะถูกจ้างมาเป็นแค่ โค้ชขัดตาทัพ แต่ก็พาทีมเป็นแชมป์ ยูโรป้า ลีก ได้
1
พอย้ายไป เรอัล มาดริด ก็อยู่ไม่ครบเทอม โดนต่อต้าน โดนไล่ออกก่อนจบซีซั่น ทั้งที่ทำสถิติชนะมากถึง 68% จาก 25 เกม แพ้ไปแค่ 3 นัดเท่านั้น
1
หรือตอนจับงาน “นิวคาสเซิล” โดยรวม ราฟา ทำทีมได้ค่อนข้างดี เมื่อเทียบกับทรัพยากรและข้อจำกัดที่มี
น่าเสียดายที่เขาต้องร่วมงานกับบอร์ดบริหารที่ไม่ค่อยสนับสนุนทีมสักเท่าไหร่ ก็เลยทำให้ “เบนิเตซ” กับนิวคาสเซิล ไปกันไม่สุด แม้จะได้ทำทีมนานถึง 3 ปี
แต่กับเอฟเวอร์ตัน ราฟา ทำได้อย่างเดียวคือ ใช้ผลงานเป็นเครื่องพิสูจน์ แฟนบอลจะรักหรือชังกว่าเดิม สำหรับเขาขึ้นอยู่กับผลการแข่งขันเพียว ๆ ไม่มีคะแนนพิศวาสใด ๆ มาช่วย
ยิ่งแฟนคลับบางคน “ราฟา” อาจจะเริ่มต้นจากคะแนนติดลบในใจด้วยซ้ำ ไม่ใช่โค้ชที่ชอบ ไม่ใช่โค้ชที่ตนอยากเห็นมาคุมสโมสรที่ตัวเองรัก
9 เกมแรกที่ผ่านมาของเอฟเวอร์ตัน ราฟา ต้องเจอกับข้อจำกัดและปัญหามากมาย ผู้เล่นไม่เคยฟูลทีม, ไม่เคยได้ใช้งานนักเตะที่ความสามารถเก่งสุดอย่าง ฮาเมส โรดริเกซ (ปัจจุบันขายไปแล้ว) แถมทีมก็ไม่มีเงินซื้อผู้เล่นเข้ามาเสริมใหม่อีก
แต่ผลงานสโมสรกลับดีเกินคาด โดยเฉพาะนัดล่าสุดที่บุกไปเสมอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึงถิ่น 1-1 แบบน่าชนะด้วย ถ้าลูกยิงของ เยอร์รี มีนา ไม่ล้ำหน้า
รูปแบบการเล่นของ เอฟเวอร์ตัน ดูมีความชัดเจน นักเตะหลายคนโชว์ฟอร์มที่ได้กว่าที่เคยเป็นมา ผมไม่ค่อยได้เห็น เอฟเวอร์ตัน เล่นใจสู้ มีทีเด็ดทีขาด มีความกระตือกระร้นแบบนี้มานานหลายปี
ทั้งที่ทีมชุดนี้ธรรมดามาก ไม่ได้มีซูเปอร์สตาร์เลย เพราะตอนหลัง ริชาร์ลิซอน และคัลเวิร์ต เลวิน สองตัวรุกความหวัง ดันมาเจ็บ
ถึงกระนั้นคงเร็วเกินไปที่จะทำนายว่า เอฟเวอร์ตัน ในยุคเบนิเตซ จะไปได้ดีตลอดรอดฝั่ง
เพราะนี่เพิ่งเป็นเพียงแค่ช่วงต้นฤดูกาลเท่านั้น ซีซั่นยังอีกยาวไกล แต่อย่างน้อยทิศทางของทีม และสัญญาณเชิงบวกที่เห็น ก็ทำให้ผมได้รู้ว่า “โลกฟุตบอลยังยุติธรรมสำหรับโค้ชที่ทำงานหนักและตั้งใจจริงแบบ ราฟา”
1
หวังว่ามันเป็นเช่นนั้นต่อไป…
ติดตามเราไดทาง www.facebook.com/alongwriter
โฆษณา