13 ต.ค. 2021 เวลา 14:19 • ความคิดเห็น
เห็นด้วยนะคะ ว่าระบบการจัดการศึกษาแบบในอดีต ไม่สามารถใช้ได้กับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเช่นในปัจจุบันแล้ว อะไรที่เคยตอบโจทย์ในวันวาน วันนี้อาจไม่ตอบโจทย์อีกแล้ว
ในฐานะคน gen x อยากจะแชร์ประสบการณ์และมุมมองอีกด้าน ลองพิจารณาดูค่ะ
* เรื่องทรงผม
สมัยเป็นนักเรียน อยู่ในโรงเรียนหญิงล้วนที่มีกฎ “ ห้ามไว้ผมยาว ห้ามตัดผมม้า ผมยาวห้ามเกินใบหู และให้หวีผมแสกข้าง ติดกิ๊บ จนกว่าจะถึง ม4 ที่สามารถไว้ผมยาวได้ แต่ต้องรวมผม หรือถักเปีย และห้ามไว้ผมม้า “ ถ้าใครไว้ผมยาว ไว้ผมม้า จะมีครูมาตัดผมให้จนเลยขึ้นไปเหนือหู กลายเป็นทรงกะลาครอบและโดนหักคะแนนความประพฤติ แน่นอนว่ามีคนแหกกฎ และมีคำถามในใจสำหรับเด็กผู้หญิงที่เริ่มโตเป็นวัยรุ่น แต่โดยรวมแล้วนักเรียนส่วนใหญ่ยังอยู่ในกฎระเบียบเป็นปกติดี
จนครั้งหนึ่งในวันปัจฉิมนิเทศ ครูคนหนึ่งได้มาพูดเหตุผลที่นักเรียนเฝ้าสงสัยถึงกฎทรงผมข้อนี้ ครูบอกว่าในวัยเรียน ก็ขอให้มีสมาธิกับการเรียน ความสวยความงามเป็นเรื่องที่จะมาดึงความสนใจของนักเรียนไปจากการเรียน แต่ที่สำคัญคือวัยเยาว์เป็นวัยแห่งความสดใส เป็นวัยที่จะสามารถไว้ทรงผมตามกฎนี้ได้อย่างน่ารักสมวัย เมื่อเวลาผ่านไป ไม่มีวัยไหนที่จะทำผมทรงนี้ได้น่ารักเท่ากับวัยนี้อีกแล้ว ซึ่งส่วนตัวยอมรับในเหตุผลของครู ผ่านไปอีกไม่กี่ปีก็สามารถไว้ทรงผมตามที่ต้องการได้แล้ว
* การแยกห้องเรียน
เคยอยู่ในโรงเรียนที่มีการแยกห้องเด็กเรียนดีเป็นลำดับขั้น ห้องคิง / ห้องควีน / ห้องแจ๊ค / ห้องธรรมดา ในเวลานั้น ก็แค่รู้สึกว่ามีห้องเด็กเก่งมากๆอยู่ก็เท่านั้น แต่ไม่ได้รู้สึกว่าเราด้อยกว่าเค้า เรามีหน้าที่เรียนก็คือเรียน ทำหน้าที่ของเราไปให้ดีที่สุด และก็สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้เหมือนๆกับเด็กเก่งเหล่านั้น ซึ่งมันอาจจะเปรียบเทียบกันลำบากกับสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เพราะเวลาเปลี่ยน เงื่อนไขต่างๆเปลี่ยน ตัวแปรต่างๆเปลี่ยน แต่อยากบอกว่าสิ่งสำคัญคือตัวเรา ทำให้ดีที่สุดในสิ่งที่เราทำได้ เป็นได้ เราไม่สามารถควบคุมคนอื่นให้ทำอย่างใจเราคิดได้ แต่มันจะง่ายกว่ามากถ้าเราปรับที่ตัวเอง ปรับที่ใจเราแล้วเราจะไม่ทุกข์ค่ะ
คุณพูดถูกแล้วที่เด็กแต่ละคน มีความสามารถต่างกัน เด็กเรียนอาจไม่เก่งกีฬา เด็กเก่งกีฬาอาจไม่เก่งเรียน คนทุกคนมีความสามารถเฉพาะตัวเมื่อโลกเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว การศึกษาในศตวรรษที่21 นี้จึงไม่สามารถใช้วิธีการสอนแบบเดิมมาใช้ได้อีกต่อไป เพราะเป็นการศึกษาที่ไม่ได้เน้นการเรียนในห้องเรียน ความรู้ที่หลากหลายไม่ได้อยู่ในห้องเรียนอีกแล้ว การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วแบบนี้ คิดว่าระบบการศึกษาแบบประเทศเรายังปรับตัวไม่ทัน ด้วยเหตุผลในเชิงระบบมากมาย จนส่งผลต่อเยาวชนในปัจจุบัน
และในเมื่อมันเป็นปัญหาในเชิงระบบที่สะสมมายาวนาน มันย่อมต้องใช้เวลาในการแก้ แต่อย่างที่บอกไปวิธีแก้ที่ทำได้เลยทันที คือทำให้ดี ทำให้เต็มที่เท่าที่เราจะทำได้ ปรับที่ตัวเราง่ายกว่าหวังจากคนอื่นมากค่ะ
โฆษณา