16 ต.ค. 2021 เวลา 02:00 • ธุรกิจ
วันนี้ #CareerTalk จะมาพูดคุยกับ ‘คุณโบ๊ท’ ไผท ผดุงถิ่น CEO แห่ง Builk One Group ที่มีความฝันในวัยเด็กว่าอยากเป็นวิศวะและเรียนสายตรงมา แต่อีกฝันหนึ่งของเขาคือการเปิดบริษัทของตัวเอง ชายผู้ผ่านด่านทดสอบที่ยากลำบากมานับครั้งไม่ถ้วนเพื่อพิสูจน์เส้นทางที่ต้อง “เหยียบขี้ไก่ให้ฝ่อ”
.
ปัจจุบันเขาคือหนึ่งในคนที่มีชื่อเสียงของวงการธุรกิจสตาร์ทอัพที่ครอบครองรางวัลการันตีมากมาย และเคยไปเยือนถิ่นสตาร์ทอัพระดับโลกอย่างซิลิคอน วัลเลย์ (Silicon Valley) แต่ทำไมเขาถึงปฏิเสธข้อเสนอลงทุนจาก 500 Startup?
.
ติดตามเรื่องราวและเส้นทางสายสตาร์ทอัพที่คุณโบ๊ทอยากส่งต่อให้ทุกคนไปกับได้ที่นี่
.
.
#เลือกเรียนวิศวะโยธา
.
คุณโบ๊ทเป็นลูกชายคนสุดท้องของครอบครัว เป็นลูกหลงซึ่งอายุห่างจากพี่มาก และเห็นพี่ๆ โตเป็นผู้ใหญ่กันหมด หลายครั้งจึงคิดและอยากเป็นตามอย่างพี่ๆ บ้าง เขาเล่าว่าแม้คุณพ่อทำงานรัฐวิสาหกิจและไม่ได้ส่งเสริมให้ทำธุรกิจ แต่เห็นพี่สาวแต่งงานออกไป และมีโอกาสทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในช่วงมัธยมความฝันแบบเด็กๆ จึงเกิดขึ้นว่าการเป็นเจ้าของธุรกิจบ้างก็น่าจะดี
.
แม้จะอยากทำธุรกิจส่วนตัวและสนใจด้านออกแบบ แต่ที่บ้านสนับสนุนให้เรียนวิศวะมากกว่า คุณโบ๊ทจึงตัดสินใจเรียนต่อสาขาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพราะเห็นภาพวงการนี้จากบริษัทของพี่สาวมาแล้ว เขาเล่าเสริมว่ายังสนใจงานดีไซน์และออกแบบอยู่ ในช่วงเรียนมหาวิทยาลัยจึงเป็นเด็กกิจกรรมที่ทำงานสายออกแบบให้กับคณะมาเรื่อยๆ
.
.
#เหยียบขี้ไก่ให้ฝ่อ
.
ไม่เลือกงาน ไม่ยากจน อาจเป็นวลีคุ้นหู และพี่โบ๊ทก็เคยผ่านช่วงเวลานั้นเช่นกัน เพราะช่วงที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยเขาอยู่ในรุ่นที่เรียนท่ามกลางวิกฤตต้มยำกุ้งพอดี เมื่อเรียนจบจึงหางานทำทันทีในบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างเล็กๆ คุณโบ๊ทเล่าว่าตอนนั้นอุตส่าห์เรียนมา จึงอยากทำงานให้ได้เร็วๆ และแบกความกดดันที่ติดอยู่ในใจจากคำพูดรุ่นพี่ว่า วิศวะจุฬาเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ แต่เมื่อลองแล้วไม่ใช่ทาง เขาก็ตัดสินใจเปลี่ยนไปทำงาน Management Trainee ที่บริษัทเกี่ยวกับวัสดุก่อสร้างคอนกรีตผสมเสร็จ จากต่างประเทศ แทน
.
เป็นประสบการณ์ที่ดีในการทำงานบริษัทขนาดใหญ่ จากคนที่เรียนจบวิศวะ แต่วันหนึ่งมีโอกาสได้เรียนรู้งานขาย งานที่เคยมองว่าไม่คูล ทำให้เขาได้รู้ว่า “ฝืนทำสิ่งที่ตัวเองคิดว่าทำไม่ได้ ไม่อยากทำ แล้วทำมันจนสำเร็จ คือการเติบโต เลยคิดว่าตัวเองยังทำอะไรได้หลายอย่างถ้าไม่ปิดโอกาส และตั้งใจกับเรื่องนั้นจริงๆ” หลังจากนั้นเลยขออาสาออกไปทำงานเดินสายต่างจังหวัด เพราะอยากแกร่งขึ้น จนได้รับโปรโมทตำแหน่งเป็น Business Development Manager ทำให้เขาสนุกกับการทำงานมากขึ้น
.
.
1
#ออกมาทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างด้วยตัวเอง
.
ตอนแรกเขาเตรียมไปเรียนต่อหลังจากเก็บประสบการณ์ทำงานมาสักระยะ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจไม่ไปเพราะอยากลงมือพิสูจน์ตัวเองกับไอเดียธุรกิจที่ค้างคงมาจากบริษัทเก่า จึงลาออกมาทำบริษัทนำเข้าวัสดุก่อสร้าง/ตกแต่งของตัวเอง คุณโบ๊ทเล่าว่าช่วงนั้นปัญหารุมเร้ากับธุรกิจแรกและไม่ประสบความสำเร็จเลย เพราะความมั่นใจในตัวเองแต่ไม่เข้าใจการทำธุรกิจจริงๆ
.
คุณโบ๊ทบอกว่าเขาเชื่อคำแนะนำของพี่ๆ ที่เคยมีประสบการณ์ผ่านวิกฤตมาก่อนที่สอนให้เขาใจเย็นๆ ค่อยๆ แก้ปัญหาทีละเรื่องจนผ่านมาได้ เมื่อมองย้อนกลับไปตอนนั้นเขาเปรียบเทียบตัวเองกับคนรอบข้างที่ก้าวหน้าที่อาชีพ จนทำให้กดดันตัวเองในการทำงาน เมื่อคลายปมปัญหาทุกอย่างได้จึงคิดเริ่มต้นใหม่
.
.
#ขายซอฟแวร์
.
เมื่อธุรกิจแรกไปไม่รอด หลังจากนั้นไม่นานคุณโบ๊ทก็ตั้งบริษัทซอฟแวร์สำหรับผู้รับเหมากับเพื่อนๆ โดยเป็นซอฟท์แวร์สำหรับการวางแผนการจัดการธุรกิจก่อสร้าง (Enterprise Resource Planning หรือ ERP) ในชื่อ ‘พจมาน’ แต่ก็ยังมีความท้าทายแบบธุรกิจซอฟท์แวร์ขนาดเล็ก เมื่อปัจจัยภายนอกสภาวะเศรษฐกิจผันผวน คู่แข่งรายใหม่เกิดขึ้น การตัดราคา ธุรกิจก็เลยยังไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจ
.
.
1
#จุดเริ่มต้นของBuilk
.
การที่ธุรกิจจะไปได้ดีต้องมีโมเดลธุรกิจ คุณโบ๊ทจึงได้ร่วมประกวดแผนธุรกิจที่บัญชีจุฬาซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของ ‘Builk.com (บิลค์ดอทคอม)’ แพลตฟอร์มเว็บแอปพลิเคชั่นคุมค่าใช้จ่ายสำหรับผู้รับเหมา SME ที่ให้บริการฟรีรายแรกในเอเชีย
.
คุณโบ๊ทในวัย 29 เป็นที่ปรึกษาของบริษัท Builk ระหว่างทำที่พจมาน โดยมีรุ่นน้องที่รู้จักเป็นซีอีโอทำงานร่วมกับโปรแกรมเมอร์ จนในปี 2553 พี่โบ๊ทเข้ามาเป็นซีอีโอของ Builk เต็มตัว โดยช่วงแรกธุรกิจเริ่มต้นจากการให้ใช้ฟรีและเก็บแค่ค่าโฆษณา แต่ทำไปสักพักก็ยังไม่มีคนใช้ ไม่มีคนมาลงโฆษณา แต่ก็พยายามหาทางสร้างความน่าเชื่อถือให้แพลตฟอร์ม Builk เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เขาจึงไปลงประกวดแผนธุรกิจอีกครั้ง จนได้ Asia Pacific ICT award มาเป็นรางวัล
.
หลังจากนั้นในปี 2555 เขาตัดสินใจเดินทางไปประกวดสตาร์ทอัพรอบคัดเลือกที่เวียดนามคุณโบ้ทบอกว่าวันที่ได้ประกวดเป็นวันที่ได้เริ่มนับหนึ่งทำความรู้จักกับวงการสตาร์ทอัพจริงๆ ครั้งแรกในชีวิต พอมีโอกาสครั้งนั้นก็ได้เป็นตัวแทนจากเวียดนามไปประกวดที่สิงคโปร์ต่อ ทำให้เขาได้ประสบการณ์และได้เรียนรู้จากเมนเทอร์ที่งานประกวดหลายเรื่อง เช่น การพิทช์งานอย่างไรให้น่าสนใจ โดนใจกรรมการ และเข้าใจข้อมูลพื้นฐานของธุรกิจสตาร์ทอัพ .
.
#เรียนรู้จากซิลิคอนวัลเลย์
.
ปีถัดมาคุณโบ๊ทเดินทางไปอยู่ที่ Silicon Valley ผ่านโครงการของ 500 Startups Accelerator ในฐานะที่ได้รางวัล Most Promising Startups ในเอเชีย โดยคุณโบ๊ทเล่าว่านอกจากเรียนรู้การทำธุรกิจสตาร์ทอัพแล้ว ทักษะสำคัญที่เขาได้รับจากประสบการณ์ในครั้งนั้นคือ ทักษะคัดกรองความรู้จากเมนเทอร์และการลงมือทำ หมายถึงไม่ได้เชื่อทุกคนและทุกคำพูด แต่หาทางปรับใช้ให้เหมาะกับธุรกิจที่เติบโตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
.
1
แม้จะได้รับโอกาสให้อยู่ทำสตาร์ทอัพที่ซิลิคอนวัลเลย์โดยมีข้อเสนอให้จดทะเบียนอยู่ที่สหรัฐฯ แต่คุณโบ้ทเล่าว่าโอกาสสตาร์ทอัพสายก่อสร้างในตลาดอเมริกายังไม่เปิดกว้างสำหรับเขาและบริษัทจากประเทศไทย รวมถึงระยะทางที่ไกลจากครอบครัวก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เขาบอกปัดโอกาสครั้งนั้นไป ก่อนจะตัดสินใจกลับมาเมืองไทยโดยตั้งใจระดมทุนกับบริษัทในไทยเป็นหลัก
.
.
#Builkในวันนี้และวันหน้า
.
คุณโบ๊ทนิยามธุรกิจของตัวเองว่าเป็น Construction Ecosystem Builder ที่มีศักยภาพพอที่จะพัฒนาวงการธุรกิจนี้ได้ด้วยประสบการณ์ เงินทุน เทคโนโลยีและความคิดสร้างสรรค์ ทำให้ BUILK ONE GROUP เป็นส่วนหนึ่งของสตาร์ทอัพสายก่อสร้างใหม่ๆ ในกลุ่มที่ดูแลในฐานะคล้ายๆ Venture Builder ด้วย
.
“เราเคยอยากเป็นสตาร์ทอัพ และรู้ว่าเส้นทางเป็นยังไง วันนี้เราก็พยายามทำให้คนรุ่นใหม่ๆ ที่เชื่อแบบเราทำแบบนี้ได้เหมือนกัน”
.
เป้าหมายของคุณโบ๊ทในวันนี้คือ การทำให้ Builk ในฐานะธุรกิจสตาร์ทอัพให้เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เป็นหุ้นที่มีคุณภาพในตลาดหุ้นไทยให้ได้ เขาเชื่อว่าวิถีทางของ Builk ยังไม่ใช่การ Exit (การควบรวมหรือถูกซื้อกิจการ) แต่ต้องลองก้าวไปให้สุดด้วยตัวเองก่อน และเมื่อต้นปีที่ผ่านมา BUILK ONE GROUP ก็ได้รับระดุมทุนจากร่วมลงทุนจาก Beacon VC ใน ระดับ Series B เพื่อตั้งเป้าเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ mai ในปี 2023
.
.
#อนาคตสตาร์ทอัพกับการExit
.
เมื่อถามคุณโบ๊ทว่ามีความคิดเห็นยังไงกับการ Exit ของสตาร์ทอัพในปัจจุบัน โดยเฉพาะในประเทศไทยที่อาจจะไม่ได้มีตัวอย่างให้เห็นเยอะนัก เขาก็ให้คำตอบว่าเป็นสิ่งที่กำลังพัฒนาในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอนในอนาคต เพราะตอนนี้การสร้างระบบนิเวศของธุรกิจสตาร์ทอัพที่ทุกคนที่เกี่ยวข้อง ทั้งนักลงทุน เจ้าของสตาร์ทอัพ หรือบริษัทต่างชาติ ให้เห็นศักยภาพของสตาร์ทอัพในไทยคือสิ่งสำคัญที่สุด
.
แต่ไม่ใช่ว่าทุกสตาร์ทอัพจะมีการ Exit เป็นคำตอบ เพราะทุกบริษัทแตกต่างกันในตลาดที่แข่งขันอยู่ รวมถึงบางบริษัทก็อาจจะเหมาะกับตลาดทุนเช่นกัน
.
.
#ดีลกับความรู้สึกที่อยากยอมแพ้
.
คุณโบ๊ทเป็นชายคนหนึ่งที่ผ่านความล้มเหลวและผิดพลาดมาหลายช่วง เขาเล่าว่าในวัย 25 ที่บริษัทแรกเกือบเจ๊ง ถึงแม้อายุยังไม่มาก ภาระยังไม่เยอะ แต่เหมือนโลกทั้งใบหนักมาก
.
แต่บทเรียนที่เขาเห็นจากผู้ประกอบการที่ผ่านวิกฤตต้มยำกุ้งคือสิ่งที่เป็นแรงบันดาลในให้ไม่ยอมแพ้กับความผิดพลาดและความล้มเหลวเพื่อที่จะกลับมาสู้อีกครั้งเสมอ รวมถึงคำแนะนำจากรุ่นพี่ที่ได้รับมาตลอดเส้นทางการทำธุรกิจก็เป็นภูมิคุ้มกันให้กับเขามาตลอด
.
“พี่ผ่านช่วงเลวร้ายมากๆ ของชีวิตไปแล้ว หลังจากนั้นมาเลยรู้ว่าไม่มีอะไรยากเท่าวันนั้น แล้ววันนี้ต่อให้มีสะดุดบ้าง แต่มันยังมีด้านอื่นให้เรามอง”
.
.
#สิ่งที่ฝากถึงสตาร์ทอัพ
.
คนที่กำลังเริ่มต้นสตาร์ทอัพและคนรุ่นใหม่ๆ หลายคนก็คงมีช่วงเวลาที่เผลอเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น หรือกำลัง Burnout สิ่งที่คุณโบ๊ทอยากแนะนำคนเหล่านี้คือทุกคนมีตัวชี้วัดที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้น “การเป็นตัวของตัวเองดีที่สุด” และเมื่อผ่านช่วงเวลานั้นได้ก็พบว่าไม่ต้องวิ่งแข่งกับใครเพราะตลอดเส้นทางคือการแข่งกับตัวเองและทุกคนมีเส้นทางของตัวเอง
.
“อดทนเพียงพอ ไม่หวังเห็นความสำเร็จในเวลาสั้นๆ” คือสิ่งที่คุณโบ๊ทเชื่อว่าถ้าเราทำเต็มที่แล้วความสำเร็จจะมาเอง
.
“บางคนโชคดีเดินได้เร็ว คนส่วนใหญ่อาจเดินได้ช้า พี่ก็เป็นคนนึงที่ใช้ความพยายามเดินต่อไปเรื่อยๆ และคิดว่ามันจะไปถึงสักวัน” คุณโบ๊ทกล่าวทิ้งท้าย
.
1
#careerfact #cariber
………………
Career Fact เพราะทุกอาชีพ... มีเรื่องราว
ติดตาม Career Fact ทุกช่องทางได้ที่ https://linktr.ee/careerfact
.
เรียนรู้จากคนที่ประสบความสำเร็จในแต่ละแวดวงได้ที่ https://www.cariber.co/
แพลตฟอร์มการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงความรู้และประสบการณ์จากผู้นำองค์กรและผู้เชี่ยวชาญในทุกแวดวง ไร้ข้อจำกัดด้านสถานที่และเวลา
โฆษณา