17 ต.ค. 2021 เวลา 04:04 • หนังสือ
“หากต้องการเป็นแบบไหนแสดงว่าเราเป็นตรงข้ามกับแบบนั้น เพราะไม่ได้เป็น. . .จึงต้องการจะเป็น”
นี่เราใช้ชีวิตยากเกินไปหรือเปล่านะ?
หนังสือที่คอยตั้งคำถามกับการใช้ชีวิตของคนในปัจจุบันท่ามกลางสังคมที่บีบบังคับให้ผู้คนต้องมีฝัน และจงทำตามความฝัน แต่การเติบโตโดยเห็นโลกที่ไม่เอื้อให้สานฝันก็ล้วนทำให้เราเลิกฝันกันได้ง่าย
และคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหากจะเกิดปรากฏการณ์การใช้ชีวิตแบบ “ซาโทริเจอนเรชั่น ของหนุ่มสาวชาวญี่ปุ่น กับ เอ็นโพเจเนอเรชั่น ของหนุ่มสาวชาวเกาหลี ซึ่งเป็นรูปแบบการใช้ชีวิตอย่างนักปลงจากชีวิต และกิเลสทั้งปวง
คือ “ไม่มีไฟฝัน ไม่มีกิเลส ไม่สูญเวลา ณ ปัจจุบันเพื่ออนาคต งดความทะเยอทะยาน
ไม่อยากได้อยากมี เป็นผู้ถือธรรมอโลภะ” เหล่านี้ล้วนเป็นเพียงความหวังที่จะหาหนทางการใช้ชีวิตให้อยู่รอดในยุคสมัยอันโหดร้าย
ฮาวันจึง “อยากให้โลกนี้เป็นโลกอันเอื้อต่อการสานฝันได้สุดแรงใจที่สำคัญกว่าคือ ขอใฝ่ฝันถึงโลกที่เรายังสามารถมีชีวิตได้อย่างสุขสันต์ แม้. . . ปราศจากฝันใด ๆ ก็ตาม
การหยิบยกประเด็นนี้มาพูดถึงเป็นเพียงบทย่อย ๆ จากหนึ่งในสี่บทใหญ่ของหนังสือเท่านั้น ฮาวันเองคงไม่ได้ต้องการเขียนเพื่อให้ผู้อ่านอ่านแล้วรู้สึกยอมแพ้กับชีวิตเพียงแต่ต้องการตั้งคำถามกับการใช้ชีวิตไปพร้อม ๆ กับการสะกิดเพื่อเตือนสติพวกเราเหล่ามนุษย์สู้ชีวิตทุกคนว่า “จงมีสมดุลชีวิต”
การรักษาสมดุลชีวิตให้ดีล้วนเป็นเรื่องที่ทุกคนใฝ่ฝันถึง เราล้วนอยากใช้ชีวิตให้พอดีโดยไม่ล้มเอียงไปทางทางหนึ่งมากเกินไป
หากเปรียบการใช้ชีวิตเป็นตุ๊กตาล้มลุก ใครหลายคนคงใช้ชีวิตแบบมนุษย์สุดโต่งมากเกินไป ทั้ง มนุษย์ที่สุดแสนจะขี้เกียจ หรือ มนุษย์ยอดขยันขันแข็ง คงเป็นตุ๊กตาล้มลุกที่ล้มเอียงไปทางใดทางหนึ่ง ซึ่งล้วนเป็นลักษณะสมดุลที่คงจะไม่เข้าท่าสักเท่าไหร่
ฉะนั้นแล้วหาก “อยากปรับชีวิตที่เคยเอนเอียงไปทางหนึ่งมากเกินไปก็ต้องเปลี่ยนมาเอียงทางตรงข้าม พลังแห่งความสมดุลจึงจะก่อเกิด”
อ่านจบบทนี้แล้วก็อยากจะหยิบ TINY HABITS เปลี่ยนน้อยนิดเพื่อพิชิตทุกเป้าหมาย
ขึ้นมาอ่านเพื่อเริ่มปรับให้ตุ๊กตาชีวิตล้มลุกกลับมาตั้งตรงได้
รีวิวหนังสือ นี่เราใช้ชีวิตยากเกินไปหรือเปล่านะ
เขียนโดย ฮาวัน
ตรองสิริ ทองคำใส แปล
บทความโดย แมรว.
โฆษณา