17 ต.ค. 2021 เวลา 12:02 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
Leap คำตอบที่เคยสงสัยมานาน
หนังเรื่องนี้ฉายไปตั้งแต่ปีที่แล้ว เข้าโรงอยู่ไม่กี่วันก็ออก โชคดีว่าบังเอิญไปเห็นโปรแกรมนี้ก่อนเข้าฉาย จึงจ้องเอาไว้แล้วว่าจะไปดูวันแรกที่เข้าโรง เพราะประเมินจากที่ไม่ค่อยโปรโมทแล้ว น่าจะมาฉายแบบเงียบ ๆ แล้วออกจากโรงไปเงียบ ๆ
ก็พอเข้าใจได้ว่าสำหรับคนดูทั่วไป อาจไม่รู้สึกว่าน่าสนใจสักเท่าไหร่ เพราะเป็นเรื่องราวในวงการวอลเล่ย์บอลของจีน
เผอิญว่าผู้เขียนเป็นแฟนวอลเล่ย์บอลมาตั้งแต่ทีมชาติไทยยังเป็นรองไต้หวัน ถึงจะไม่ได้เป็นแฟนทีมวอลเล่ย์บอลจีน แต่เนื่องจากแทบไม่เคยพลาดการแข่งขันวอลเล่ย์ของทีมชาติไทยเลย จึงพลอยรู้จักทีมชาติจีนที่เอ่ยถึงในเรื่องเกือบทุกคน โดยเฉพาะหลางผิง นักกีฬาทีมชาติจีนที่ได้เหรียญทองโอลิมปิก( 1984) และโค้ชทีมชาติจีนที่เหรียญทองโอลิมปิก (2016)
1
Leap เป็นเรื่องราวชีวประวัติของหลางผิง ตั้งแต่มาเป็นนักวอลเล่ย์บอล ในยุคที่ทีมจีนยังไม่ชนะทีมจากยุโรป ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความทุ่มเท ฝึกหนักกันปางตาย กว่าที่จะค่อย ๆ ชนะทีมยุโรปไปทีละทีม จนกลายเป็นหนึ่งในทีมวอลเล่ย์ชั้นนำของโลก
และการฝึกฝนอย่างหนักนี่เอง ที่ทำให้นักกีฬาทีมชาติส่วนใหญ่ร่างกายทรุดโทรม บางคนจากไปก่อนวัยอันควร แม้แต่หลางผิงเอง ก็ถึงได้กับบัตรผู้พิการตอนที่ใช้ชีวิตอยู่ที่สหรัฐอเมริกา
การดูหนังเรื่องนี้ เหมือนได้รู้คำตอบที่เคยสงสัยหลายเรื่อง ๆ เกี่ยวกับทีมชาติจีนในอดีต (เมื่อก่อนยังไม่ค่อยมีข่าวอะไรมากนักในออนไลน์)
เรื่องแรกคือการที่หลางผิงเป็นโค้ชทีมชาติสหรัฐอเมริกา แล้วทีมสหรัฐอเมริกาชนะทีมชาติจีน หลางผิงจะไม่รู้สึกอะไรเลยหรือทั้งที่เคยเป็นนักกีฬาทีมชาติจีนมาก่อนเลย ซึ่งก็เป็นไปอย่างที่คิด หลางผิง ถูกกดดันไม่น้อยระหว่างคำว่า “มืออาชีพ” กับ “ ความเป็นคนจีน”
หลังจากแมทช์นั้นหลางผิงลาออกจากโค้ชทีมชาติสหรัฐอเมริกา แล้วกลับมาเป็นโค้ชทีมชาติจีน ซึ่งก็ไม่ง่ายเลย เพราะต้องต่อสู้กับความคิดแบบเดิม ๆ ของคนในองค์กรที่เกี่ยวข้องกับวงการวอลเลย์บอลจีน
การจะเปลี่ยนแปลงอะไรมันจะเป็นแบบนี้เสมอ
หากมองในอีกมุมหนึ่ง การที่หลางผิงมีโอกาสไปเรียนต่อและเป็นโค้ชทีมชาติอเมริกา คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ต่อมาทีมชาติจีนในมือของหลางผิงยิ่งใหญ่ขึ้นมาจนถึงปัจจุบัน
อีกเรื่องที่ได้คำตอบจากหนังเรื่องนี้คือ เคยสงสัยว่าทำไมนักกีฬาทีมชาติจีนบางคนถึงถูกตัดออกจากทีมชาติ ไม่ให้ไปร่วมแข่งขันโอลิมปิก 2016 จำชื่อนักกีฬาไม่ได้ แต่รู้ว่าเป็นมือหนึ่งของทีมชาติจีนเลย แล้วฝีมือก็ไม่ได้ตกด้วย
คำตอบเป็นเรื่องแสนจะเจ็บปวดสำหรับนักกีฬา นั่นคือ เพราะเธอเก่งเกินไป ลงแข่งมากเกินไป ทำให้ทีมคู่แข่งรู้จักแทคติกของเธอหมดแล้ว จึงต้องแทนที่เธอด้วยนักกีฬาหน้าใหม่ที่คู่แข่งยังไม่รู้ฝีมือ โอกาสชนะจะมีมากกว่า แล้วก็เป็นจริงตามนั้น
ฉากที่แฟนวอลเล่ย์ชาวไทยอย่างเรารอดู คือ การแข่งขันที่จีนแพ้ไทยในการชิงแชมเอเชีย ที่เวียดนาม แมทช์นั้นจำได้แม่นว่านั่งทำงานไป ดูถ่ายทอดไปเงียบ ๆ คนเดียว ไม่ได้คาดหวังว่าไทยจะชนะ เพราะไทยไม่เคยชนะจีน การเข้ามาถึงรอบชิงชนะเลิศ นับว่าน่าพอใจแล้ว
ปรากฏว่าพอจบลูกสุดท้ายไทยชนะจีนไป 3-1 เซท กรี๊ดคนเดียวลั่นบ้าน แล้วก็อึ้งไปเป็นนาที ถามตัวเองว่า จริงหรือนี่ ไทยชนะจริง ๆ หรือ รีบเข้าพันทิปเพื่อหาคนกรี๊ดด้วย
สำหรับคนที่เชียร์ทีมชาติไทยที่แพ้ครั้งแล้วครั้งเล่ามาหลายปี การชนะจีนในครั้งนั้นจึงเหมือนสิ่งที่รอคอย
นั่นเป็นมุมมองของคนที่ชนะ แต่สำหรับคนแพ้อย่างจีน ตอนนั้นทีมชาติจีนโดนคนจีนถล่มอย่างหนัก ว่าตกต่ำเพราะแพ้แม้กระทั่งไทย
แหม ก็นะ ไทยก็เก่งขึ้นบ้างไม่ได้หรือไง แล้วจริง ๆ ก็ไม่ใช่ชนะจีนครั้งเดียวด้วย
แต่นับแต่นั้นมาหลางผิงจัดเต็มกับทีมไทยทุกครั้ง ไม่เคยอ่อนข้อให้เลย เพราะ
ถ้าไม่เต็มที่กับไทยก็มีโอกาสแพ้ได้
ตอนที่ไทยชนะครั้งนั้น มีคนไทยไม่น้อยแซะว่าจีนส่งทีม b c d มาหรือเปล่า หนังเรื่องนี้ยืนยันว่าก็ส่งทีมชาติตัวจริงมานั่นแหละ สาเหตุที่แพ้ก็เพราะไม่ได้พัฒนาระบบการเล่นต่างหาก
เรื่องที่น่าทึ่งคือตอนแรกคิดว่า หนังจะไปเอาภาพการแข่งขันจริงมาใส่ แต่มารู้ทีหลังว่าคือถ่ายขึ้นมาใหม่หมด โดยให้นักกีฬาทีมชาติไทยที่ลงแข่งในแมทช์นั้นบางคนไปถ่ายด้วย (เท่าที่จำได้คือบะหมี่ ฐาปไพพรรณ )
หนังเรื่องนี้ในแง่หนังชีวประวัติ นักกีฬาแล้ว หากข้ามความชาตินิยมของจีนไป ก็ไม่ได้ด้อยกว่าหนังฮอลิวู๊ด (จะว่าไปฮอลิวู๊ดก็ propagada ไม่ได้น้อยไปกว่ากันสักเท่าไหร่หรอก) เพราะได้นำเสนอมุมมองของการเป็นนักกีฬาในมุมอื่น ๆ เช่นชีวิตส่วนตัวด้วย
อย่างที่บอกว่าสนใจเรื่องนี้เพราะเป็นแฟนวอลเล่ย์บอล จึงไม่ได้มองประเด็นเหล่านั้นอย่างลึกซึ้งหรือประทับใจอะไร แต่ตื่นเต้นที่ได้เห็นภาพการแข่งขันเก่า ๆ มากกว่า
หนังเก็บรายละเอียดดีมาก แม้กระทั่งวิธีเสิร์ฟด้วยการตีจากใต้ลูกบอลก็มีให้เห็น (การกระโดดเสิร์ฟของทีมวอลเล่ย์หญิงเพิ่งมาใช้กันในระยะหลัง )
อีกสาเหตุที่สนใจเรื่องนี้เพราะคนที่เล่นเป็นหลางผิง คือกงลี่ รับประกันฝีมือ ไม่ต้องพูดอะไรเยอะ
ดาราที่แสดงเป็นนักกีฬาก็ล้วนแต่น่าสนใจ อย่างลูกสาวของหลางผิง มาเล่นเป็นหลางผิงตอนสาว นักกีฬาทีมชาติจีนหลายคนก็มาเล่นเป็นตัวเอง อย่าง จูถิง เป็นต้น
โอลิมปิกครั้งล่าสุดที่ญี่ปุ่น แม้ว่าทีมชาติจีนทำผลงานไม่น่าพอใจนัก แต่หลังการแข่งขันสิ้นสุดลง หลางผิงก็ประกาศลาออกจากโค้ชทีมชาติอย่างเป็นทางการ หลังจากรับใช้ทีมชาติจีนมาอย่างยาวนานทั้งในฐานะนักวอลเลย์บอลและโค้ช
คงไม่ผิดนักหากจะบอกว่า เธอคือตำนาน คนหนึ่งของวงการวอลเล่ย์บอลโลกนั่นเอง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา