18 ต.ค. 2021 เวลา 04:26 • หนังสือ
✴️ ความในใจของผู้แปล ✴️
สารรักจากสวรรค์
“เราไม่ได้เลือกหนังสือ_แต่หนังสือต่างหากที่เลือกเรา” คือประโยคที่เหมาะเจาะที่สุดสำหรับการค้นพบ 𝗠𝗲𝘀𝘀𝗮𝗴𝗲𝘀 𝗳𝗿𝗼𝗺 𝘁𝗵𝗲 𝗠𝗮𝘀𝘁𝗲𝗿𝘀 เล่มนี้
1
ในเบื้องแรกมีแต่คนถามว่างานเขียนของ ดร.ไวส์ เล่มต่อไปที่ล่าสุดกว่า “𝗢𝗻𝗹𝘆 𝗟𝗼𝘃𝗲 𝗜𝘀 𝗥𝗲𝗮𝗹 - เราจะข้ามเวลามาพบกัน” มีไหม คำตอบในตอนนั้นคือไม่อีกแล้ว เพราะ 𝗢𝗻𝗹𝘆 𝗟𝗼𝘃𝗲 𝗜𝘀 𝗥𝗲𝗮𝗹 เขียนไว้ตั้งแต่ปี 𝟴𝟬 ยุคทองของกระแสนิวเอจในอเมริกา ซึ่งล่วงเลยมาถึงตอนนี้ก็เป็นผลงานสิบกว่าปีมาแล้ว
2
ในปี 𝟮𝟱𝟰𝟰 ดิฉันอยู่ในระหว่างมองหางานเขียนเล่มใหม่ที่ “โดนใจ” ก็ไม่เจอเลย และแล้วฟ้าก็มาโปรด ที่สุดก็เจองานเขียนที่ยอดเยี่ยมมาก คนเขียนเขียนจากชีวิตจริงของเขาเองชื่อเรื่อง 𝗧𝗵𝗲 𝗟𝗼𝘀𝘁 𝗕𝗼𝘆 เป็นเรื่องของแม่แท้ ๆ ที่ทรมานทารุณลูกในไส้ของตัวเองอย่างแสนสาหัสผิดมนุษย์ แต่เด็กคนนั้นก็เติบโตพ้นจากความขมขื่นทรมานและเป็นผู้ชายเต็มตัว เป็นคนดีของโลก เป็นพ่อที่ดีของลูก และได้รับเลือกให้เป็นบุคคลตัวอย่างของอเมริกาในสมัยประธานาธิบดีบุชคนพ่อ
1
ปรากฏว่าหนังสือเล่มนี้มีสำนักพิมพ์กวาดซื้อลิขสิทธิ์แบบเหมารวมแพ็คไปแล้วเรียบร้อย (หมายถึงว่าสำนักพิมพ์ใหญ่ ๆ จะเหมาซื้อลิขสิทธิ์ทีละหลายเล่มต่อการเจรจาหนึ่งล็อตจากเอเยนต์เมืองนอก) สำนักพิมพ์ที่อยากให้ดิฉันแปลงานออกมาก็พยายามทุกวิถีทาง (ทุกวิถีทางจริงๆ) ที่จะขอแบ่งลิขสิทธิ์เล่มนี้ออกมาแค่เล่มเดียว
การยื้อไปยื้อมาดำเนินอยู่นับเดือนอย่างไม่น่าเชื่อ ค่าลิขสิทธิ์ยิ่งพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนดิฉันที่เป็นคนเลือกหนังสือด้วยตัวเองบอกผู้ติดต่อลิขสิทธิ์ไปเลยว่า...เลิกเถอะ มันเกินเหตุกันไปใหญ่แล้ว และตัดใจจากหนังสือเล่มนี้ไปเลย
ที่เลือกตัดใจก็เพราะดิฉันชอบประโยคอมตะจากหนังสือเรื่อง 𝗜𝗻𝗱𝗲𝗰𝗲𝗻𝘁 𝗣𝗿𝗼𝗽𝗼𝘀𝗮𝗹 มาก ตอนที่เดมี มัวร์นางเอกบอก กับสามี วู้ดดี้ ฮาเรลสัน เรื่องบ้านในฝันราคาล้านเหรียญที่หลุดลอยไปว่า “อะไรที่ไม่ใช่ของของเราก็จะไม่มีวันเป็นของเรา แต่ถ้าใช่ ของนั้นจะกลับมา” หนังสือเล่มนี้ถ้ามันไม่กลับ... ก็แสดงว่ามันไม่ใช่ของเราจริง ๆ ของชิ้นนั้นหรือคนคนนั้นอาจต้องไปอยู่ในมือคนอื่นที่เหมาะสมกว่าเรา หรืออีกสาเหตุหนึ่งที่ดิฉันไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะเป็นไปได้...คือ... มีของชิ้นอื่นที่เหมาะสมกับเราที่สุดรออยู่แล้ว❗
ช่วงอาทิตย์ที่ดิฉันเหี่ยวไปพักหนึ่งและตัดใจ ผู้ช่วยของดิฉันก็เข้าอินเทอร์เน็ตเล่น ๆ แล้วไปเจอของดีใน 𝗮𝗺𝗮𝘇𝗼𝗻.𝗰𝗼𝗺 โดยมิได้ตั้งใจ “พี่โจ ดร.ไวส์เขียนหนังสือใหม่ออกมาแล้ว❗” ดิฉันตะลึงไปพักหนึ่งเพราะคิดไม่ถึงว่า ดร.ไวส์จะมีงานใหม่ล่าสุดออกขายในปี 𝟮𝟬𝟬𝟬
ดิฉันใจเต้นขณะดูหน้าปก อดวูบขึ้นมาในใจไม่ได้ว่า ตอนนี้ ดร.ไวส์มีคนรู้จักในเมืองไทยมากแล้ว เล่มใหม่ล่าสุดนี้จะมีใครกวาดลิขสิทธิ์เอาไปอีกแล้วหรือยังหนอ โอกาสรอดมาถึงเราตอนเข้าเน็ตไปเจอนี่...มันลูกผีลูกคนมากเลยนะ... แต่ถ้าเราได้แปลงานของ ดร.ไวส์อีก...โอ้โห... มันไม่ธรรมดาแล้วละนี่ ในโลกนี้ไม่มีคำว่าบังเอิญจริง ๆ แต่โอกาสมันน้อยมากเลยนะ... คิดไปคิดมาในหัวและลุ้นตลอดเวลาที่ส่งให้สำนักพิมพ์ขอลิขสิทธิ์
แล้วดิฉันก็สงบใจได้เพราะประโยคว่า “อะไรที่เป็นของของเรามันจะกลับมา”
เพียงสองอาทิตย์เศษผ่านไป ไวเหมือนโกหก คำตอบที่ได้รับคือ ยังไม่มีใครติดต่อลิขสิทธิ์ไปเลย เราเป็นเจ้าแรก (โอ...เหลือเชื่อ) ค่าลิขสิทธิ์ที่คิดว่าอาจจะแพงระยับหรือมีการแข่งกันเหมือน 𝗧𝗵𝗲 𝗟𝗼𝘀𝘁 𝗕𝗼𝘆 ปรากฏว่าไม่ใช่เลย ติดต่อกันแบบเรียบง่ายปกติที่สุดทั้งที่ผู้เขียนคือนักเขียนระดับโลก และผลงานในเมืองไทยก็พิมพ์ครั้งแล้วครั้งเล่าจนน่าจะโก่งราคาจนตัวงอได้ (เหลือเชื่อคำรบสอง❗)
ยิ่งกว่านั้น การค้นหาอะไรเล่น ๆ ของผู้ช่วยดิฉันแล้วไปเจอโดยบังเอิญในขณะที่ 𝗠𝗲𝘀𝘀𝗮𝗴𝗲𝘀 𝗳𝗿𝗼𝗺 𝘁𝗵𝗲 𝗠𝗮𝘀𝘁𝗲𝗿𝘀 เพิ่งพิมพ์ออกมาวางขายหมาด ๆ เมืองไทยยังไม่มีมาขายในตอนเราไปเจออีกเช่นกัน...เหลือเชื่อเป็นคำรบสาม❗
คำรบที่สี่คือ...ดิฉันไม่ได้เป็นคนเลือก 𝗠𝗲𝘀𝘀𝗮𝗴𝗲𝘀 𝗳𝗿𝗼𝗺 𝘁𝗵𝗲 𝗠𝗮𝘀𝘁𝗲𝗿𝘀 หรอกค่ะ หนังสือเล่มนี้หาหนทางมาเจอดิฉันเองต่างหาก เหมือนกับรุ่นพี่ของเขา 𝗢𝗻𝗹𝘆 𝗟𝗼𝘃𝗲 𝗜𝘀 𝗥𝗲𝗮𝗹 ที่หาทางหล่นใส่ตักดิฉันมาก่อนหน้านี้เมื่อเกือบสามปีที่แล้ว
เพราะว่าขณะที่ดิฉันได้ลิขสิทธิ์มาอย่างง่ายดายน่างุนงง ดิฉันก็แทบไม่มีเวลาแปลเล่มนี้ที่ยากกว่า “เราจะข้ามเวลามาพบกัน” หลายเท่า 𝗠𝗲𝘀𝘀𝗮𝗴𝗲𝘀 𝗳𝗿𝗼𝗺 𝘁𝗵𝗲 𝗠𝗮𝘀𝘁𝗲𝗿𝘀 คือคำตอบต่อคำถามที่ค้างคาใจคนอ่านว่าทำอย่างไรจึงจะรู้เรื่องคู่แท้ และหลักการของชาติภพได้ลึกซึ้งกว่านี้อีก คนที่เราพบเจอในชาตินี้คือคนที่เราเคยมีกรรมผูกพันกันมาแต่ชาติปางก่อนอย่างไร❓ การจำได้–เป็นอย่างไร❓ คนธรรมดาทำได้ไหม❓ เดฌาวู–ความฝัน–ลางสังหรณ์มีจริง ๆ แต่...เราจะรู้ได้อย่างไรว่าตอนไหนเราได้รับรู้จริง ตอนไหนเป็นแค่เราคิดไปเอง❓ และคำถามที่สำคัญที่สุด ถามกันมากและตลอดเวลาคือ อยากสะกดจิตระลึกชาติทำได้ไหม และไปทำได้ที่ไหน❓
ทุกคำถามที่ค้างคาจาก “เราจะข้ามเวลามาพบกัน” คุณสามารถหาคำตอบได้แล้วอย่างครบถ้วนมากที่สุดจากหนังสือเล่มนี้ ดังนั้นเนื้อหาใน 𝗠𝗲𝘀𝘀𝗮𝗴𝗲𝘀 𝗳𝗿𝗼𝗺 𝘁𝗵𝗲 𝗠𝗮𝘀𝘁𝗲𝗿𝘀 จึงเป็นธรรมะจาก ดร.ไวส์ ภาษายากเย็นกว่าที่เคยแปลเล่มไหนมา และการถ่ายทอดความหมายให้ “กินใจ” แฟนนักอ่าน เป็นงานที่ยากอย่างยิ่ง...ดิฉันแปลกใจตัวเองมากว่าธรรมดาดิฉันเป็นคนทำงานรวดเร็วมาก แต่ทำไมกับ 𝗠𝗲𝘀𝘀𝗮𝗴𝗲𝘀 𝗳𝗿𝗼𝗺 𝘁𝗵𝗲 𝗠𝗮𝘀𝘁𝗲𝗿𝘀 แปลมากว่าครึ่งปีแล้วยังได้ทีละบท ๆ อยู่อย่างนี้ หงุดหงิดสงสัยใจตัวเองเป็นอย่างยิ่ง
จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงในชีวิตดิฉัน ถือว่าร้ายแรงที่สุดที่เคยเจอมาก็ว่าได้...
คือหลังวันเกิดเดือนกันยายนเพียงไม่กี่วัน บ้านก็ ถูกไฟไหม้เสียหายเกือบทั้งหมด ตลอดเวลาหนึ่งปีหลังที่ดิฉันใช้ชีวิตอย่างสงบสุข สร้างสันติภายในบ้านหลังนี้ที่ดิฉันไม่เคยรักชอบเลย เพราะมีเหตุการณ์ความหลังที่ปวดร้าวขมขึ้นมากมายแฝงอยู่ในบ้าน กลับกลายเป็นว่าตลอดปี 𝟮𝟱𝟰𝟰 ที่ผ่านมา ดิฉันเริ่มสร้าง “สายสัมพันธ์เปี่ยมรัก” กับบ้านหลังนี้ ดิฉันใส่ “พลังงานแห่งความรัก” ลงไปในทุก ๆ ที่ในบ้าน หลังจากที่เขาเคยเป็นแค่ที่ซุกหัวนอน ขาดการดูแลใส่ใจจากเจ้าของมาแสนนาน
วินาทีที่ดิฉันยืนงงดูซากบ้านที่เหลือแต่ตอตะโกทุกหย่อมย่าง กระแสแห่ง “ความรักสุดจิตสุดใจ” โถมเข้ามาในหัวอกของดิฉันอย่างลึกล้ำรุนแรง ความรักอย่างนี้ดิฉันไม่เคยได้รับมาก่อนในชีวิต กระแสแห่งความรักที่ท่วมท้นไหลบ่าเข้าสู่ตัวดิฉันจากทุกทิศทาง เติมเต็มทุกอณูแห่งภายในตัวและปลุกให้ดิฉันตื่นขึ้นรับรู้ว่า “นี่แหละคือความรู้สึกแห่งรักที่แท้จริง❗” มันเป็นความผูกพันลึกซึ้ง เหนียวแน่นจนสุดที่จะบรรยายได้ มันคือพลังงานแห่งชีวิตที่ดิฉันใส่เข้าไปในที่ที่ตัวเองกิน อยู่ นอนหลับ จนสร้างให้บรรยากาศรอบตัวอบอวลไปด้วยกระแสแห่งรักทะนุถนอมอ่อนโยน ที่ตัวเองไม่เคยทำได้และไม่เคยทำเป็น ในหนึ่งปีที่ผ่านมาดิฉันเปลี่ยนไปสิ้นเชิง ดิฉัน “รักเป็น” แล้ว
แล้วที่น่าอัศจรรย์ใจอย่างยิ่งคือ วิกฤติที่ดูโหดร้ายที่สุดในชีวิต มันกระแทกกำแพงแห่งการปกป้องตัวเองของดิฉัน ที่ไม่เคยปล่อยให้ใครมารัก มาดูแล มาช่วยเหลือ ที่ดิฉันสร้างขึ้นเป็นปราการป้องกันตัวเองตลอดมา ให้ทลายลงราบคาบสิ้นเชิง
พลังแห่งความรักความช่วยเหลือไหลมาหาดิฉันจากทุก ๆ ที่ จากเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ที่ช่วยเป็นกำลังใจให้ในยามหมดเนื้อหมดตัว คนธรรมดา ๆ ที่รู้จักดิฉันเพียงผิวเผินแต่กลับเข้ามาช่วยเหลือห่วงใยราวกับดิฉันเป็นญาติมิตรสนิทรักแท้ ๆ อย่างไม่เกี่ยงงอน และเพื่อนใหม่ ๆ อีกมากหน้าหลายตาที่พร้อมอ้าแขนรับดิฉันเข้าไปในชีวิต และให้ความชื่นชมศรัทธา ให้ความรักความอาทรและให้แรงสนับสนุน ทางจิตใจอย่างที่ดิฉันไม่เคยเชื่อตัวเองจะมีได้เพียงเพราะเมื่อก่อนนี้ดิฉันปิดหัวใจไม่ให้รับความรักจากจักรวาลนี้
ดังนั้นจึงไม่เคยกล้าเชื่อ และเมื่อไม่เชื่อดิฉันก็จะปิดใจ สู้ชีวิตเพียงเดียวดาย ทั้งที่จักรวาลนี้พร้อมอยู่แล้วที่จะส่งคนดี ๆ มาช่วยเหลือเกื้อกูลดิฉันอยู่แล้วตามรายทาง ดังนั้นวิกฤติของชีวิตทุกอย่างแท้จริงแล้วคือ 𝗕𝗹𝗲𝘀𝘀𝗶𝗻𝗴 𝗶𝗻 𝗗𝗶𝘀𝗴𝘂𝗶𝘀𝗲 — พรยิ่งใหญ่ที่ปลอมตัวเองมาช่วยกระแทกกำแพงดิฉันให้ทลาย เปลี่ยนแปลงจิตวิญญาณของตัวเองใหม่ ดังดักแด้ที่ต้องผ่านความมืดมนจนกลายเป็นผีเสื้อกระนั้น
ตั้งแต่นั้นมา ดิฉันก็ได้พบผู้อ่านมากมายที่เดินเข้ามาในชีวิตเพื่อตบบ่าให้กำลังใจ บ้างก็ขอบคุณดิฉันที่มอบคุณค่าจากหนังสือดี ๆ ให้อ่าน และมีท่านหนึ่งที่ดิฉันพบโดยบังเอิญที่ภัทราวดีเธียเตอร์เมื่อไม่นานนี้ เธอเป็นทีมงานของคุณช่อผกา วิริยานนท์ เธอบอกดิฉันว่า “มีเพื่อนคนหนึ่งที่เป็นคนไม่ชอบอ่านหนังสือเลยค่ะ แต่เขามีปัญหากับสามีที่มีผู้หญิงคนอื่น เขาเสียใจโกรธแค้นสามีมาก พี่ซื้อ ‘เราจะข้ามเวลามาพบกัน’ ไปให้เขาอ่าน แว้บเดียวเขาอ่านจบเลยค่ะ แล้วเขามาบอกว่า เขาขอให้อภัยสามีเขาหมดทุกอย่างแล้ว เขาเข้าใจแล้ว ก็เลยมาบอกคุณโจว่าขอบคุณมากเลย”...
พี่ผู้หญิงท่านนั้นไม่ทราบเลยค่ะว่า วันนั้นเป็นวันที่ดิฉันต้องสู้รบกับตำรวจเรื่องบ้านที่ไฟไหม้ เรื่องชีวิตที่อยากสู้ต่อแต่ท้อถอยหมดกำลังใจ ตอนเช้าวันนั้นดิฉันจุดธูปไหว้พระขอท่านว่า ดิฉันเหนื่อยล้าอ่อนแรงเหลือเกินแล้ว หากดิฉันจะมีแรงสู้ต่อได้ ขอวันนี้เลย...ขอท่านส่งสัญญาณมาบอกด้วยว่าชีวิตต่อไปข้างหน้า คุ้มค่าที่จะสู้ต่อ ขอท่านส่งสัญญาณมาในรูปของกำลังใจ อะไรก็ได้ แบบไหนก็ได้มาให้ดิฉันที วันนี้เลย
✨𝗚𝗼𝗱 𝘄𝗼𝗿𝗸𝘀 𝗶𝗻 𝘁𝗵𝗲 𝗺𝗼𝘀𝘁 𝗺𝘆𝘀𝘁𝗲𝗿𝗶𝗼𝘂𝘀 𝘄𝗮𝘆 — พระเจ้าท่านทำหน้าที่ได้ลึกลับสุดคาดเดาเสมอ❗✨
หลังจากนั้นไม่นานดิฉันก็แปลบทท้าย ๆ เสร็จและได้ปรู๊ฟแรกมาตรวจ งานแปลที่แปลไว้ตั้งแต่ก่อนกลางปี 𝟮𝟱𝟰𝟰 ปรู๊ฟที่ดิฉันถืออ่านอยู่ในมือ มันเหมือนกระแทกเข้าไปในหัวใจ ปลุกดิฉันให้ตื่นและทำให้ดิฉันเกิดพุทธิปัญญาสว่างวาบขึ้นทันที บทตอนที่ดิฉันยังไม่เคยเปิดใจรับ มันกลับสัมผัสลึกเข้าไปถึงจิตวิญญาณภายใน เช่นบทที่ ดร.ไวส์เล่าเรื่องคุณแม่ของ ดร.เอลิซาเบธ คูเบลอร์-รอสส์ ที่ต้องเป็นอัมพาตเพื่อเปิดโอกาสให้คนอื่นได้ช่วยดูแลเธอบ้าง มันเตือนให้ดิฉันนึกถึงวิกฤติไฟไหม้ หมดตัวของตัวเอง❗
บทที่ 𝟯 ที่ว่าด้วยเรื่องที่ คนเราจะเติบโตทางจิตวิญญาณได้ต้องผ่านสายสัมพันธ์กับผู้คน_มิใช่แยกตัวเพียงโดดเดี่ยวเดียวดาย... ดิฉันเพิ่งผ่านการเปิดใจรับและให้สายสัมพันธ์แก่ผู้คนในชีวิตมาหมาด ๆ และบทที่ ดร.ไวส์ บอกว่า รักคือพลังงานที่รายล้อมรอบตัวเรากับจักรวาล รักคือคำตอบ คือสิ่งสูงสุดสมบูรณ์ในตัวมันเอง...ดิฉันเองก็เพิ่งสัมผัส รับรู้ เต็มตื้นกับประสบการณ์นั้น วินาทีนั้น กลางซากปรักหักพังนั่นเอง❗
ถึงจุดนั้นดิฉันเข้าใจแล้ว 𝗠𝗲𝘀𝘀𝗮𝗴𝗲𝘀 𝗳𝗿𝗼𝗺 𝘁𝗵𝗲 𝗠𝗮𝘀𝘁𝗲𝗿𝘀 จะไม่มีวันเสร็จสิ้นวางตลาดก่อนหน้านี้ได้เป็นอันขาด จนกว่าผู้ถ่ายทอดมันจะเข้าใจถ่องแท้ด้วยตัวเองแล้วว่า “รักคืออะไร” เพราะนี่คือหนังสือที่บอกให้มนุษย์ทุกรูปนามรู้จักรัก และคนถ่ายทอดก็ต้องเติบโตอย่างเต็มที่ผ่านบทเรียนแห่งจิตวิญญาณอย่างไม่หลีกเลี่ยง ไม่ตัดพ้อ ไม่เรียกร้องเงื่อนไขใด ๆ ก่อน จึงจะเข้าใจว่าทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ล้วนมีจังหวะเวลาของมันในการเกิดและการดับ และมีเหตุผลในตัวเองอย่างยิ่ง ซึ่งมักจะเป็นเหตุผลที่ดีที่สุดเสียด้วย
ดร.ไวส์เป็นผู้รับสารนี้จาก 🆃🅷🅴 ​ 🅼🅰🆂🆃🅴🆁🆂 พระเบื้องบน ผู้เป็น “พระเจ้า” ในศาสนาคริสต์ อิสลาม ฮินดู ฯลฯ เป็น “ธรรมชาติผู้เป็นธาตุแท้ของทุกสรรพสิ่ง” ในศาสนาพุทธ แล้วถ่ายทอดสู่คนอ่านนับล้านทั่วโลก ดิฉันขอส่งมอบสารอันเปี่ยมล้นด้วยแสงสว่าง ด้วยปัญญา ด้วยสันติสุขภายในให้แก่คุณผู้อ่านชาวไทยทุกท่าน
ขอพรอันประเสริฐเลิศยิ่งทั้งหลายในโลกจงส่งผ่าน 𝗠𝗲𝘀𝘀𝗮𝗴𝗲𝘀 𝗳𝗿𝗼𝗺 𝘁𝗵𝗲 𝗠𝗮𝘀𝘁𝗲𝗿𝘀 ไปสู่คุณผู้อ่านที่รักทุกท่าน แม้แต่เพียงแค่พลิกหน้าหนังสือก็ขอให้ได้รับพรนี้ไปด้วย ให้คุณได้พบหนทางแห่งชีวิตที่ถูกต้องงดงาม และเป็นหนทางที่นำคุณไปสู่ความสุข และความรักในที่สุดค่ะ
รักอย่างยิ่ง
𝟮𝟬 กุมภาพันธ์ 𝟮𝟱𝟰𝟱
มณฑานี
โฆษณา