Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ซึมเศร้าพอสังเขป
•
ติดตาม
23 ต.ค. 2021 เวลา 05:00 • สุขภาพ
❗️ชีวิตกับเงินคุณเลือกอะไร❗️
❗️นั่นภาพหลอนหรือคนจริงๆ❗️
จากบทความที่แล้วเราได้ทำการรักษาโรคซึมเศร้า แพทย์ส่วนใหญ่จะเรียกว่า MDD ( Major Depressive Disorder) เเละได้มีการนัดเพื่อดูอาการว่าดีขึ้นหรือแย่ลงอย่างไร
เราพูดถึงปัญหาเดิมๆของเราที่ไม่สามารถแก้ไขได้เลยในเรื่องเวลาการทำงาน เพราะไม่มีใครทำและเราก็รักลูกน้องมาก เราเคยสัญญาไว้ว่าในช่วงวิกฤตแบบนี้เราจะผ่านไปด้วยกัน คงจะไม่ดีแน่ๆถ้าลูกน้องเห็นเราไม่สู้ เห็นเราไม่พยายามในการผ่านวิกฤตนี้ไป ลูกน้องก็จะรู้สึกไม่มีกำลังใจ เพราะอย่างนั้นเองเราต้องแสดงให้เห็นว่า เราเข้มแข็ง ซึ่งในภาวะจิตใจแบบนี้ ยังต้องใช้แรงใจมากมายในการยิ้มสู้และแสดงออกว่าเราเข้มแข็ง
** คำว่าใช้แรงใจยังไงมันก็หมด**
หมดจริงๆพอกลับมาถึงที่พัก เราร้องไห้โดยไม่มีสาเหตุ ไม่มีความอยากทานอาหาร เราได้แต่ออกไปซื้อไวน์ เป็นขวดๆกลับมาดื่มหลังเลิกงาน และทานยานอนหลับให้หลับไป ( ตอนนี้รู้แล้วว่าต้องทานประมาณไหน ยานอนหลับกับแอลกอฮอล์ , แต่ขอบอกก่อนเลยว่า อย่าทำ!!)
ยานอนหลับที่เริ่มไม่ได้ผลแล้ว จากทานยา Lorazepam 2 เม็ดตามแพทย์สั่ง เราก็เพิ่มเป็น 4 - 6 เม็ดในคราวเดียวกัน ( นี่คือการเพิ่มยาโดยไม่ปรึกษาแพทย์, ย้ำว่าอย่าทำ!! ) เราทานจนหมด
ในวันหนึ่งเราได้ลากสังขารที่ทานยานอนหลับไป สภาพสลึมสลือเล็กน้อยแต่ยังได้สติ คล้ายๆกับอาการเมานั่นแหละ เดินไปยังร้านขายยา เพื่อไปขอซื้อยานอนหลับ
แต่ก็อย่างที่รู้ คือ ไม่มีร้านไหนขายให้ และไม่มีขายด้วย
เราเดินไปบนฟุตบาทข้างทางด้วยเหตุผลใดก็ไม่อาจทราบได้ เพราะเราแค่รู้ว่าอยากเดินไปเรื่อยๆโดยไม่สนเลยว่าผลของฤทธิ์ยานอนหลับ กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
❗️❗️แต่มีเหตุการณ์นึงที่ทำให้เราต้องปลุกสติเท่าที่มีอยู่หาทางกลับที่พัก❗️❗️
รู้ตัวอีกทีก็มีคนมาสะกิดและเข้ามาทักทาย จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าน่าจะเป็นคนญี่ปุ่น และเค้าพูดอะไรต่อซึ่งเราก็จับใจความไม่ได้ เราก็เดินต่อไปเรื่อยๆ ด้วยสติที่เลื่อนลอย ภาพที่ไม่ค่อยชัด และความง่วงที่ครอบงำ เราพยายามอย่างหนัก ในการลากตัวเองกลับไปยังที่พัก ในขณะนั้นแม่ผู้ที่ห่วงใยอย่างสุดซึ้งได้โทรมา เรารับสายอย่างรวดเร็ว
“กำลังเดินกลับหอค่ะ เจอคนแปลกๆด้วย “
แม่ที่ไม่รู้ว่าเราทานยานอนหลับแล้วออกมาเดิน ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็พยายามคุยเป็นเพื่อน
ขณะเดินทางกลับใกล้จะถึงที่พัก ก็มีความรู้สึกว่ามีบางอย่างอยู่ใกล้ๆ เราหันไปเห็นชายคนเดิมที่ทักเรา ก่อนหน้านั้น เรารู้สึกตกใจมาก นี่เราโดนตามหรือ เป็นคนไม่ดีแน่ๆ เค้าพยายามจะพูดบางอย่าง
“ แม่มีคนตามแม่ ใครไม่รู้ เค้าพูดด้วยแม่ได้ยินไหม”
“ใครแม่ไม่ได้ยินนะ แถวนั้นมืดไหม”
เรารีบเดินให้เร็วที่สุดและยอมรับว่าแถวนั้นมืดและพอหันหลังกลับไปดูอีกที กลับพบความว่างเปล่า ไม่มีใครเลย เราก็ตะเกียกตะกายขึ้นบันไดกลับที่พัก สภาพตอนนั้นคือเหมือนคนเมานั่นแหละ เดินไม่ตรงแล้ว
เราถึงห้องพักก็หลับไปเลยโดยตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้นก็พบว่าแม้แต่รองเท้าก็ไม่ถอดและที่สำคัญประตูก็ไม่ได้ ถูกล๊อคอีก ในใจคิดว่ามันอันตรายมากๆ และเหตุการณ์นี้ไม่ควรเกิดขึ้นอีก จากเหตุการเมื่อคืนเราแทบไม่มั่นใจเลยว่า ที่เห็นนั้นเป็นภาพหลอน หรือ เหตุการณ์จริง
เราเลือกที่จะไม่เล่าเหตุการณ์นี้ให้จิตแพทย์ฟังเพราะมันฟังแล้วดูเหมือนเรื่องเหลือเชื่อและต้องโดนแพทย์ดุแน่ๆ ที่ออกไปข้างนอกทั้งอย่างนั้น
ในการพบหมอครั้งนี้หมอเปลี่ยนยานอนหลับเป็นอีกตัวนึง คือ Mirtazapine 15mg. ซึ่งแพทย์ให้ทานครึ่งเม็ดก่อน แต่อยากจะบอกว่ายาเปราะมากแตกง่าย และทานง่ายเช่นกัน มีรสหวาน เคี้ยวทานยังได้เลย
และเพิ่มปริมาณยาต้านเศร้าขึ้น
🔆 จิตแพทย์ก็ย้ำเสมอว่าต้องแก้ที่ต้นเหตุให้ได้ก่อนยานั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ช่วยปรับสมดุลแต่จิตใจเราต้องแข็งแรงด้วย 🔆
เราเข้าใจดีว่าหมอจะสื่อถึงอะไร เพราะเหตุการณ์เหล่านี้เราไม่สามารถอยู่คนเดียวได้เลย เพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไรบ้างไม่รู้อีกเหมือนกันว่าสมองจะสั่งให้เราทำร้ายตัวเองอีกเมื่อไหร่และถ้ามันถึงขั้นนั้นแล้ว อาจไม่มีใครช่วยได้เลย
“กลับบ้านเถอะลูก กลับมาดูแลตัวเองก่อน อย่าเอาชีวิตไปเสี่ยงกับเงินเลย “
คำพูดของแม่ที่ขอร้องให้เรากลับบ้าน เพราะเป็นแม่ ความห่วงใยจึงสัมผัสจิตใจเรา ในวันก่อนสิ้นเดือน ก่อนที่โควิดระรอก3จะมา เราได้ทำการตัดสินใจลาออก เพื่อไปรักษาตัวเองให้มั่นคง
โดนส่วนตัวแล้วโชคดีมากที่ได้หัวหน้าที่เข้าใจและเป็นห่วงเรามาก โดยปกติแล้วต้องทำการแจ้งล่วงหน้าเพื่อออกจากงาน 30วันตามระเบียบ แต่หัวหน้า ให้เราเคลียร์งาน ส่งมอบงานต่างๆและให้เราออกได้เลย เพราะสุขภาพเป็นสิ่งที่สำคัญ นึกย้อนไปถึงวันนั้นต้องขอบคุณหัวหน้างานและที่ทำงานแห่งนี้มากที่เข้าใจและขอบคุณเพื่อนร่วมงานทุกคนที่ช่วยกันยันวันสุดท้าย เราจากกันด้วยรอยยิ้ม และทุกวันนี้ก็ยังติดต่อถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันอยู่ นั่นนับเป็นน้ำใจที่เกิดขึ้นในที่ทำงาน
🪴 เหตุการณ์หลายๆครั้งที่เกิดขึ้นนับเป็นบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ที่ให้เราเติบโต ในหลายครั้งเราไม่รู้ว่าเราจะได้เจอวิกฤตของชีวิตเมื่อไหร่ และไม่รู้เลยว่าเราจะสามารถใช้ชีวิตนี้ได้ยาวนานสักเพียงใด เเต่เราก็พร้อมที่จะเติบโต และบำรุงจิตใจ ที่อ่อนแอให้กลับมาเข้มแข็งได้ เหมือนเดิม🪴
🔆🔆สุดท้ายเรื่องราวมากมายในกรุงเทพก็มีจุดให้จบลงแต่การรักษายังคงต้องดำเนินต่อไป ในบทความหน้าเรามาดูกันว่า การรักษาจะไปที่ไหน กลับบ้านแล้วดีขึ้นหรือไม่ ขอฝากบทความไว้ให้ทุกคนติดตามนะคะ🔆🔆
ซึมเศร้า
กำลังใจ
1 บันทึก
2
1
1
2
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย