20 ต.ค. 2021 เวลา 15:06 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
The Forgotten Battle (2020)
ดูได้ทาง Netflix
ยังพูดได้ไม่เต็มปากถ้าจะให้บอกว่าหนังมันสนุก แต่ถ้าให้เทียบกับหนังสงครามหลายๆ เรื่อง The Forgotten Battle สำหรับเราก็ถือว่าสอบผ่านในแง่ของการเล่าเรื่อง ที่ถึงแม้จะเนิบช้าแต่ดูมีอะไรให้สำรวจอยู่เต็มไปหมด ด้วยความที่เป็นหนังสัญชาติเนเธอร์แลนด์ทำให้เสน่ห์เฉพาะตัวค่อนข้างโดดออกมาอยู่พอสมควร จะบอกว่าหลักๆ ที่ชอบเลยก็จะเป็นโทนสีกับงานภาพนี่แหละ ที่ให้บรรยากาศความรู้สึกถึงช่วงเวลาที่สูญเสียของสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ดีจริงๆ เรียกว่าโทนดราม่าปกคลุมโครงสร้างของหนังเอาไว้อย่างชัดเจน
หนังแบ่งการเล่าออกเป็น 3 เหตุการณ์หลักของตัวละครชาวดัตช์, อังกฤษ และเยอรมัน ที่มีสิ่งเชื่อมโยงถึงกันอย่างน่าสนใจ คือไม่ว่าจะเชื้อชาติไหน ตำแหน่งอะไร ทุกฝ่ายก็ล้วนมีความเจ็บปวดที่อยู่ในใจกันทั้งสิ้น การถ่ายทำตัดสลับไปมาระหว่างทั้งสามฝ่ายเลยเป็นการที่หนังตั้งใจจะสะท้อนถึงบาดแผลลึกๆ ในช่วงเวลาอันเลวร้ายของสงครามที่เป็นสิ่งไม่อาจเลี่ยง ที่มีทั้งมุมมองของฝ่ายที่อยากแต่จะปกครอง ครอบครองอำนาจ และฝ่ายที่อยากให้เรื่องพวกนี้มันจบๆ ไปเสียที ดึงความเป็นมนุษย์แท้ๆ ที่ต้องตกอยู่ในผลของสงครามออกมาให้เห็นอย่างตรงไปตรงมา ทั้งนี้ไม่ได้เล่าถึงฝั่งของทหารรบเพียงอย่างเดียว ยังมีตัวละครฝ่ายหญิงชาวดัตช์ทำงานราชการที่ถูกปกครองโดยนาซีเป็นใจกลางสำคัญที่คอยเดินเรื่องและสร้างคอนฟลิกต์หลักที่พูดถึงการได้มาและเสียไปของ ‘อิสรภาพ’ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นความหวังเดียวที่มีอยู่ในยุคสงคราม
ฉากตอนสู้รบทำออกมาดูดีมาก (ถึงแม้จะมีน้อยก็เถอะ) ไม่รู้ว่าคิดไปเองคนเดียวรึเปล่า แต่หลายองค์ประกอบทำให้นึกถึง Dunkirk ของโนแลนขึ้นมาเลย ฉากขับเครื่องบินยิงกันกลางอากาศท้าทายดี ฉากบุกยึดฐานทัพก็สุดอยู่เหมือนกัน ความดิบหรือสมจริงของสงครามที่คอหนังสงครามอยากเห็นมีครบถ้วนและได้มาตรฐานไม่แพ้เรื่องไหนๆ เลย
เดาว่าส่วนที่ทำให้ใครหลายคนมองข้ามอาจจะเป็นไลน์อัพของนักแสดงที่ไม่คุ้นหน้าคุ้นตารวมถึงตัวผู้กำกับเองด้วย ได้คนที่เคยทำผลงานสร้างชื่อหนังสยองขวัญไซไฟเรื่อง The Thing (2011) อย่าง Matthijs van Heijningen Jr. (แมทไธส์ วาน ไฮจ์นิงเก้น) มากำกับ ตามด้วยแคสต์ที่พอจะรู้จักอยู่ไม่กี่คนอย่าง ทอม เฟลตัน และ ซูซาน รัดเดอร์ นอกนั้นก็ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ความจริงยังไม่ถึงกับเชียร์ให้ต้องดู แต่ก็ไม่ได้แย่ขนาดที่ดูแล้วเสียเวลาเปล่า ในส่วนของหัวใจสำคัญที่หนังตั้งใจจะสร้างความสะเทือนอารมณ์คนดูก็ทำได้เข้าขั้นทีเดียว หนังสร้างเพื่อโครงการของรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ ก็แน่นอนแหละที่ภาพรวมจะออกมาเป็นการปลุกใจหรือระลึกถึงเหตุการณ์เหล่านั้นซะมากกว่าไปในทางบู๊แอ็คชั่น แต่ส่วนตัวมองว่ามันเอพิคระดับนึงเลยนะ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา