21 ต.ค. 2021 เวลา 00:44 • ไลฟ์สไตล์
ของกินใน Squid Game(2)
ในตอนที่แล้วเราได้พูดถึงของกินในภาพยนตร์เรื่อง Squid Game กันแต่ยังไม่จบ ในตอนนี้เราจะพูดกันต่อถึงของกินที่มีในภาพยนตร์และมื้อสุดท้ายซึ่งเอิกเกริกมาก
1
ภาพแฟน ๆ ภาพยนตร์ชาวฝรั่งเศสถ่ายรูปกับตัวแสดงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ระหว่างรอคิวเข้าร้านเฉพาะกิจ Squid Game ซึ่งเปิดเพียง 2 วันในกรุงปารีส ขอบคุณภาพประกอบจาก kbizoom
ตอนที่แล้วของเราจบลงด้วยขนม Dalgona เมื่อเอ่ยถึงขนม Dalgona แล้วก็อดที่จะกล่าวถึงกาแฟที่ชื่อ Dalgona Coffee ไม่ได้ กาแฟ Dalgona Coffee เพิ่งเกิดขึ้นตอนที่ผู้คนกักตัวเองอยู่กับบ้านในช่วงการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 เมื่อตอนต้นปีนี้เอง
กาแฟ Dalgona Coffee เป็นกาแฟใส่นมที่มีกรรมวิธีในการชงเป็นพิเศษ เริ่มจากใช้กาแฟ 2 ช้อน น้ำตาล 2 ช้อนแล้วเติมน้ำร้อน จากนั้นใช้ช้อนหรือเครื่องมืออย่างอื่นในการคนทำการคนให้เข้ากันประมาณ 5 นาที หรือจนกว่าได้เนื้อของกาแฟที่เริ่มหนืด จากนั้นก็เติมนมใส่แก้วประมาณ 3/4 ของแก้ว แล้วเทกาแฟที่คนไว้ลงไปก็เป็นอันเสร็จพิธี ก็จะได้กาแฟใส่นมที่มีเนื้อเหนียวให้รสสัมผัสแปลกใหม่ไปอีกแบบ
กาแฟนี้คิดค้นขึ้นมาโดย Leong Kam Hon เป็นเจ้าของร้านกาแฟ Hon Kee ในมาเก๊า เขาทำกาแฟนี้ขึ้นมาตามคำร้องขอของลูกค้าชายหญิงที่เป็นนักท่องเที่ยวคู่หนึ่งในปี 1997 แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากจนกระทั่งดาราดังโจวเหวินฟะ มาเยือนร้านกาแฟของเขาในปี 2004 เขาจึงนำเสนอกาแฟนี้ให้แก่โจวเหวินฟะในฐานะเครื่องดื่มพิเศษของร้าน โจวเหวินฟะชอบใจในกาแฟนี้มาก ข่าวนี้แพร่ออกไปทำให้ผู้คนที่มาร้านกาแฟ Hon Kee ต่างพากันฟังกาแฟแบบโจวเหวินฟะ
แต่ชื่อ Dalgona Coffee นั้นได้มาจากจองอิลอู ดาราภาพยนตร์เกาหลีที่มาทานกาแฟที่ร้านเมื่อปี 2020 จองอิลอูชอบกาแฟนี้มากและบอกว่ารสชาติเหมือนขนม Dalgona
ขอบคุณภาพประกอบจาก sarakadeelite
ช่วงที่อยู่บ้านไม่ออกไปไหนเพราะโควิด-19 ในโลกโซเชียลก็มีไวรัลที่คนทั้งโลกทำตามกันคือ Dalgona Coffee ที่มีโฟมกาแฟอยู่ด้านบนของนมสด ยิ่งเมื่อพบความจริงที่ว่ากาแฟสำเร็จรูปทำ Dalgona Coffee ได้ดีกว่ากาแฟสด คราวนี้ก็ไม่ต้องไปพึ่งร้านกาแฟกัน ก็เลยเกิดการทำ Dalgona Coffee ทั้งกินทั้งโชว์กันขนานใหญ่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เรียกว่าดังมาก่อนที่ภาพยนตร์เรื่อง Squid Game จะฉายเสียอีก
คราวนี้เรามากลับดูของกินใน Squid Game ของเราต่อ การแข่งขันในวันที่สามทางผู้จัดได้ให้ผู้เข้าแข่งขันกินแต่น้ำกับไข่ต้ม 1 ลูก ไข่ต้มก็คงเป็นไข่ต้มทั่วไป เข้าใจว่าชาวเกาหลีคงไม่มีวิธีพิเศษอะไรในการทำไข่ต้มนะครับ
ส่วนน้ำอีกขวดหนึ่งที่ให้มานั่นไม่ใช่น้ำเปล่านะครับ แต่เป็นเครื่องดื่มประเภทซอฟท์ดริ้งค์ที่คนเกาหลีเรียก cider รสชาติเป็นน้ำใส ๆ หวาน ๆ มีกลิ่นเลมอนหรือมะนาวเล็กน้อยคล้ายกับเครื่องดื่มสไปร์ทบ้านเรา
ขอบคุณภาพประกอบจาก lifestyleasia
cider ของเกาหลีจะแตกต่างกับ cider ของฝรั่งลิบลับ เพราะ cider ของฝรั่งจะเป็นเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ หมักจากลูกแอปเปิ้ล นิยมดื่มกันในประเทศอังกฤษและไอร์แลนด์
ในประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ก็จะมี cider อีกแบบหนึ่งเรียกว่า apple cider หรือ cider เฉย ๆ cider แบบอเมริกันนี้ผลิตจากแอปเปิ้ลและไม่มีแอลกอฮอล์ และมีสีเข้มเพราะผลิตจากแอปเปิ้ลทั้งลูก หรือบางทีก็รวมเศษเล็กเศษน้อยอย่างอื่นเข้าไปด้วย
cider แบบอเมริกันนี้มักจะทำกันในช่วงฤดูใบไม้ร่วง และเสิร์ฟกันในเทศกาลต่างๆของช่วงปลายปีอย่างเช่น วันฮัลโลวีน วันขอบคุณพระเจ้า หรือวันคริสต์มาส
ขอบคุณภาพประกอบจาก gea
อีกชื่อหนึ่งที่เราจะคุ้นเคยกันก็คือ apple cider vinegar ซึ่งเป็นน้ำส้มสายชูที่ทำจาก apple cider ดังนั้น จึงจะเป็นน้ำส้มสีคล้ำแล้วบางทีก็มีกากของแอปเปิ้ลลอยอยู่ในขวด แต่ผู้คนก็เชื่อกันว่า apple cider vinegar มีสรรพคุณทางยาและช่วยบำรุงสุขภาพ ดังนั้น ผู้ที่รักสุขภาพก็จะดื่ม apple cider vinegar กันทุกวัน
2
ส่วนน้ำที่อยู่ในขวดสีเขียวในภาพยนตร์นั้นเป็นซอฟท์ดริ้งค์ cider ยี่ห้อ Chilsung ผลิตมาตั้งแต่ปี 1950 จนถึงปัจจุบันก็มีอายุร่วม 71 ปี นับเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมมายาวนานในประเทศเกาหลี
พอเล่นเกมมาถึงรอบสุดท้าย เหลือผู้เข้าแข่งขันอยู่ 3 คน ทางผู้จัดก็เลยเลี้ยงอาหารอย่างดี โดยผู้เข้าแข่งขันต้องสวมชุดทักซิโด้ไปกินเลี้ยงด้วย อาหารที่เลี้ยงในวันนั้นคือ Ribeye Steak
Ribeye Steak เป็นเนื้อส่วนกระดูกซี่โครงอยู่กลางหลังของวัว เนื้อส่วนนี้จะมีไขมันค่อนข้างมากแทรกเป็นลายหินอ่อนอยู่บนเนื้อ ทำให้เนื้อส่วนนี้ค่อนข้างนิ่มและให้รสสัมผัสที่ดี
ขอบคุณภาพประกอบจาก giaallana
การปรุง Ribeye Steak ทำได้ทั้งวิธีการปิ้งและอบแล้วแต่ความชอบ พอปรุงได้ที่ก็จะใส่เนยลงไปชิ้นใหญ่ ๆ ให้เนยละลายซึมซาบเข้าไปในเนื้อสเต็กให้รสชาติและความหอมแต่เนื้อ บางท่านก็ใส่กระเทียม ใบ rosemary ใบ thyme เข้าไปเพื่อเพิ่มความหอมเข้าไปอีก
ในภาพยนตร์เรื่อง Squid Game เขาเสิร์ฟ Ribeye มาพร้อมกระดูกเรียกว่า Bone-In Ribeye Steak แต่ถ้าไปทาม Ribeye Steak ในบ้านเราส่วนใหญ่เขาจะเอากระดูกออก การเอากระดูกออกหรือปล่อยติดกระดูกนี้ พวกพ่อครัวก็ยังถกเถียงกันว่าแบบไหนทำให้เนื้ออร่อยมากกว่ากัน พวกที่สนับสนุนการไม่เอากระดูกออกก็บอกว่าไขกระดูก(marrow)จะซึมซับเข้าไปในเนื้อด้วย แต่พวกสนับสนุนการเอากระดูกออกก็บอกว่ากระดูกวัวนั้นแข็งมาก ไม่มีทางที่ไขกระดูกจะซึมซับเข้าไปในเนื้อได้ ก็ไม่รู้ว่าจะเชื่อฝ่ายไหนดี
ในคราวที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ไปพบปะเจรจากับนายคิมจองอิล ผู้นำประเทศเกาหลีเหนือที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนามเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2019 อาหารเย็นที่ผู้นำทั้งสองรับประทานเป็นจานหลักก็คือ สเต็กกับลูกแพร์ยัดไส้กิมจิ เป็นการผสมผสานระหว่างตะวันตกกับตะวันออก
ทางเชฟได้ใช้เนื้อส่วนที่ที่เรียกว่า Sirloin ซึ่งเป็นเนื้อส่วนที่มีเนื้อมากหน่อยแต่ก็ยังติดมันทำให้เนื้อมีความนุ่มเหมือนกัน เหตุที่ไม่ใช้ Ribeye ก็คงเพราะเนื้อส่วน Ribeye อาจจะมีไขมันมากเกินไปไม่เหมาะกับการเลี้ยงแขก ทั้งนี้ ท่านผู้นําคิมได้นำเนื้อสเต็กพร้อมด้วยเชฟจากเกาหลีเหนือมาเพื่อปรุงอาหารจานนี้เลยทีเดียว
1
ขอบคุณภาพประกอบจาก businessinsider
ครั้นถึงเดือนมิถุนายนปีเดียวกัน ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ไปเยือนเกาหลีใต้ก่อนจะไปพบกับท่านผู้นำคิมอีกรอบ อาหารเย็นที่ประธานาธิบดีมุน แจ อิน แห่งเกาหลีใต้จัดเลี้ยงต้อนรับก็เป็นสเต็กเนื้อเช่นเดียวกัน แต่คราวนี้เป็นเนื้ออเมริกัน(U.S. Sirloin) ทานกับซอสบูลโกกิ(bulgogi) ซึ่งเป็นซอสสำหรับเนื้อย่างเกาหลี เป็นการผสมผสานระหว่างตะวันตกกับตะวันออกอีกเหมือนกัน
ไม่รู้ว่าระหว่างเนื้อเกาหลีเหนือกับเนื้ออเมริกันอันไหนจะอร่อยกว่ากัน แต่มีคนบอกว่า ท่านประธานาธิบดีทรัมป์ทำผิดกฎหมายอเมริกันเพราะไปบริโภคเนื้อของเกาหลีเหนือในขณะที่รัฐบาลอเมริกันยังคว่ำบาตรสินค้าของเกาหลีเหนืออยู่ โดนท่านผู้นำคิมเล่นซะแล้ว!!!
เรื่องตอนที่แล้ว “ของกินใน Squid Game(1)” อ่านได้ที่
1
Gourmet Story - เรื่องราวเกี่ยวกับอาหารที่เป็นเกร็ดความรู้ เล่าสู่กันฟัง เพิ่มความอร่อยของอาหารที่เรารับประทาน ติดตามได้ที่
โฆษณา