Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
nothing but movie
•
ติดตาม
21 ต.ค. 2021 เวลา 13:50 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
DUNE
เกมอำนาจ
การเอานิยายเรื่อง DUNE มาแปลงเป็นหนังนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายทั้งตัวเรื่องที่ยาวมากๆ ตัวละครมหาศาล เรื่องย่อยรายละเอียดแต่ละตระกูลก็มาก ศัพท์เทคนิคศัพท์เฉพาะที่ไม่คุ้นก็เพียบ มิหนำซ้ำเนื้อหาในเรื่องยังเป็นเนื้อหาเชิงปรัชญาการเมือง เศรษฐกิจ สังคมการปกครองที่หนักอึ้งอีก
แฟรงค์ เฮอร์เบิร์ตเขียนนิยาย DUNE เล่มแรกตีพิมพ์ในปี 1965 จากนั้นเขาก็เขียนนิยายชุดนี้ออกมาเป็นซีรีย์รวมกันทั้งหมด 6 เล่มด้วยกันก่อนที่แฟรงค์ เฮอร์เบิร์ตจะเสียชีวิตในปี 1986 หลังจากนั้นลูกชายก็ได้นำเอาซีรีย์เรื่อง DUNE มาเขียนต่อออกไปอีก มีการผลิตออกเป็นซีรีย์ เกมคอมพิวเตอร์มากมายกลายเป็นจักรวาลของ DUNE ที่ได้รับความนิยมต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
ที่จริงแล้วผมไม่อยากเรียก DUNE ว่าเป็นนิยายวิทยาศาสตร์เพราะเอาเข้าจริงแล้วแฟรงค์ เฮอร์เบิร์ตไม่ได้เน้นในเรื่องวิทยาศาสตร์สักเท่าไหร่ แต่งานของเขามันคือการจำลองโลกของมนุษย์ทั้งการเมือง การปกครอง การเศรษฐกิจ แนวคิดปรัชญาทางสังคมและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ ในโลก ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยก่อนประวัติศาสตร์ไล่มาจนถึงจักรวรรดิโรมันมาจนถึงการยึดครองล่าเมืองขึ้น สิ่งเหล่านี้ถูกมาจำลองในโลกของ DUNE ความยิ่งใหญ่ของหนังสือนั้นสร้างแรงบันดาลใจสร้างวัฒนธรรมร่วมสมัยให้เกิดขึ้นมากมาย หนังวิทยาศาสตร์ที่เราดูกันอยู่จนถึงทุกวันนี้ยังมีร่องรอยของดูนปรากฏให้เห็นอยู่มาก
เนื้อหาใน DUNE นั้นค่อนข้างที่จะเล่าเรื่องย่อให้เข้าใจได้ยากลำบาก เอาเป็นว่ามันคือการคานอำนาจทางการเมืองและเศรษฐกิจของสามเส้าที่มีอำนาจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน นั่นคือจักรพรรดิปาร์ติซาห์ผู้นำของสหพันธ์อวกาศผู้มีอำนาจของจักรพรรดิอยู่ในมือ กับตระกูลขุนนางอีก 2 นั่นก็คือดยุคเลโต้ผู้ที่ได้รับความนิยมในหมู่นักการเมืองขุนนางรุ่นใหม่ นอกจากนั้นดยุคเลโต้ซึ่งปกครองตระกูลอาร์ทีดิสก็มีกองกำลังทหารที่เข้มแข็งเป็นที่อิจฉาแก่จักรพรรดิ์อย่างยิ่ง ในขณะที่ตระกูลฮาร์กอนแนนที่นำโดยบารอนฮาร์กอนแนนเป็นฝ่ายพยายามรักษาอำนาจและแสวงหาความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ ทั้งสามเป็นสามตระกูลใหญ่ที่คานอำนาจระหว่างกัน
แต่ขั้วอำนาจก็ผิดเพี้ยนไปเมื่อจักรพรรดิอาศัยอำนาจของตนเองทำให้ตระกูลฮาร์กอนแนนกลืนกินตระกูลอาร์ทีดิสเสีย รวมไปถึงการตายของดยุคเลโต้ ผู้นำของตระกูลอาร์ทีดิสด้วยการที่จักรพรรดิสั่งให้ตระกูลฮาร์กอนแนนถอนกำลังออกจากดาวอาร์ราคิสซึ่งเป็นดาวทะเลทราบสำคัญ อาราคิสมีแหล่งทรัพยากรนั่นก็คือเครื่องเทศหรือ Spice ที่เปรียบเสมือนสารเสพติดสำคัญในการสร้างอำนาจทั้งทางเศรษฐกิจและการเมือง จริงๆ ในส่วนนี้ผมว่าแฟรงค์ เฮอร์เบิร์ตก็นำเอาสิ่งที่เราเห็นจากการล่าอาณานิคมโดยเฉพาะในพื้นที่ตะวันออกกลางที่เต็มไปด้วยทรัพยากรน้ำมันและพลังงานมันก็ไม่ต่างอะไรกับสารเครื่องเทศ
คำสั่งจักรพรรดิจึงสร้างความขัดแย้งและในขณะเดียวกันจักรพรรดิก็จับมือกับบารอนฮาร์กอนแนนส่งกองกำลังมาถล่มดยุคเลโต้จนราบคาบลงเหลือเพียงเลดี้เจสสิก้าผู้เป็นภรรยาของดยุคเลโต้และพอล อาร์ทิดิสลูกชายของเขาหนีเอาชีวิตรอดจนได้เข้าไปอยู่กับชนพื้นเมืองของดาวทะเลทรายที่ชื่อว่าพวกเฟรแมน
สองแม่ลูกต้องผจญภัยในทะเลทรายที่เต็มไปด้วยหนอนทราย ในขณะเดียวกันชาวพื้นเมืองเฟรแมนก็เฝ้ารอวันถึงการมาของคนในนิมิต คนในคำทำนายว่าจะมาเป็นผู้ปลดปล่อย ระหว่างที่พอลและเลดี้เจสสิก้าได้ไปอาศัยอยู่กับพวกเฟรแมนพอลได้รู้จักกับชีน่าหญิงสาวชาวพื้นเมืองผู้เป็นลูกสาวของ ดร.ไคลย์นักนิเวศวิทยาของจักรพรรดิที่ส่งมาสังเกตการณ์ในดาวดวงนี้
เนื้อหาในหนัง DUNE ฉบับปี 2021 เล่าเรื่องเพียงแค่นี้ แต่จริงๆ แล้วเนื้อหาส่วนนี้มันกินความประมาณแค่ครึ่งเรื่องแรกของหนังสือเล่มหนึ่งเท่านั้น หลายๆ ตัวละคร หลายเรื่องราวยังไม่ได้ปรากฏให้เห็น
ตรงนี้จะแตกต่างจากหนังเรื่องในปี 1984 ที่มีเดวิด ลินช์กำกับ โดยมีดิโน เดิน รอเลนติสเป็นคนสร้าง หนังปี 1984 มีความยาว 2 ชั่วโมง 17 นาทีแต่กินความในหนังสือของแฟรงค์ เฮอร์เบิร์ตประมาณ 2 เล่มแรก จะเห็นได้ว่า DUNE ทั้ง 2 ฉบับนั้นต่างกันมาก ฉบับหนึ่งก็เนื้อหามากเกินไปจนดูยาก ไม่รู้เรื่อง ฉบับล่าสุดก็มีเนื้อหาที่รู้สึกว่าน้อยเกินไปกับเวลา 2 ชั่วโมง 35 นาที ถึงแม้ตัวหนังจะพยายามสร้างความรู้สึกมั่นคงตอกย้ำเล่าเรื่องแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยเฉพาะความพยายามในการอธิบายการเปลี่ยนแปลงของตัวละครอย่างพอล อาร์ทิดิสที่พัฒนาการจากเด็กหนุ่มธรรมดาต้องประสบชะตากรรมถูกล้มล้างตระกูลกลายเป็นผู้ใหญ่ในชั่วข้ามคืน และให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างพอลกับแม่ที่ลึกซึ้งขึ้นมาก แต่หลายๆเรื่องโดยเฉพาะศัพท์เฉพาะในหนังที่มีค่อนข้างเยอะ
ถ้าคนที่ไม่มีพื้นในเรื่องของดูนมาก่อนก็อาจจะงงได้ แต่หนังก็พยายามหาทางอธิบายหลายเรื่องเหล่านี้ผ่านทางเรื่องเล่าที่เป็นเหมือนสารคดีที่พอลทำความเข้าใจดาวทะเลทราย หรือบางทีก็อธิบายผ่านการสนทนาถาม-ตอบของตัวละครอย่างดื้อๆ
มีบางอย่างที่ตัวหนังละเอาไว้บ้าง แล้วถ้าไม่เข้าใจมันจะทำให้ตามเรื่องได้ลำบาก โดยเฉพาะเลดี้เจสสิก้าแม่ของพอลและเป็นภรรยาของดยุคเลโต้ ที่จริงแล้วในพื้นเรื่องของ DUNE นั้นเธอจะเหมือนกับเป็นผู้สืบทอดผู้ที่มีอำนาจทางเวทมนต์ พวกนี้เป็นหญิงล้วนจะคล้ายๆ กับแม่ชีในคอนแวนต์ พวกสาวกสตรีนี้จะถูกส่งตัวไปแต่งงานกับขุนนางผู้ใหญ่เพื่อกำเนิดทายาท หากทายาทเป็นผู้หญิงก็จะส่งไปฝึกฝนตนเองแล้วแต่งงานพยายามมีทายาทตามคำทำนาย โดยหวังว่าในยุคสมัยใดสมัยหนึ่งจะมีเด็กชายคนหนึ่งเกิดมาเขาจะมีพลังในการหยั่งรู้จักรวาล
เลดี้เจสสิก้าควรจะมีลูกสาวกับดยุคเลโต้ ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนั้นจะถูกวางไว้ให้แต่งงานกับไฟธ์รอธาหลานชายของบารอนฮาร์กอนแนน(ในหนังฉบับปี 1984 นำแสดงโดยสติง แต่ในฉบับ 2021 ตัวละครนี้ยังไม่ได้รับการแนะนำออกมา)แล้วจะทำให้ลูกของคนทั้งคู่กลายเป็นเด็กที่ทุกคนรอคอยมาอย่างยาวนานกว่า 90 ชั่วอายุคน ซึ่งจะเรียกว่าควีซาลซ์ ฮาเดอลาซ แต่เลดี้เจสสิก้าไม่เชื่อฟังให้กำเนิดบุตรชาย ดังนั้นพอลจึงเหมือนกับเป็นศัตรูคู่แค้นที่เกิดมาเพื่อต่อสู้กับไฟธ์รอธา
คิดว่าในภาคต่อไปถ้ามีการสร้างออกมาคงเล่าเรื่องในช่วงนี้โดยเฉพาะความสัมพันธ์ของพอลกับชีน่าซึ่งถือได้ว่าเป็นคู่ความสัมพันธ์ที่น่าสงสารที่สุดในเรื่องคู่หนึ่งแล้ว เพราะในอนาคตพอลก็ต้องเล่นเกมการเมืองรักษาอำนาจ แล้วอำนาจกับหัวใจมักจะไปด้วยกันไม่ได้
แม้จะใช้เวลา 2 ชั่วโมง 35 นาทีเพื่อเล่าเรื่องเพียงครึ่งเล่มแรกของดูน แต่ผมก็ยังรู้สึกว่าตัวหนังเดินเรื่องค่อนข้างอืดและละหลายอย่างไว้อย่างให้ตีความกันเอาเอง โดยเฉพาะสารเครื่องเทศหรือสไปค์ที่เป็นต้นเหตุข้อขัดแย้งของตระกูลต่างๆ นั้นถูกนำเสนอแบบผ่านเลย จนแทบจะไม่รู้สึกถึงความสำคัญของมันเลย
ที่จริงแล้วหนังสืออย่าง DUNE มันเป็นงานที่ยากมากในการนำมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ถึงแม้จะสร้างออกมาหลายภาคก็ตาม เพราะมันต้องอาศัยการทำความเข้าใจกับเรื่องค่อนข้างมาก โดยเฉพาะข้อขัดแย้งต่างๆ ของตระกูลและเกมการเมือง เกมอำนาจ มีหลายสิ่งหลายอย่างโดยเฉพาะคำศัพท์แปลกๆ ที่ต้องตีความและคนดูก็ต้องพยายามทำความเข้าใจตัวหนังในระดับหนึ่ง มันไม่ใช่หนังที่ย่อยทุกอย่างให้ง่ายเพื่อเสพได้อย่างสบายๆ อยู่แล้ว
ถึงแม้ว่าตัวหนังในปี 1984 จะเป็นหนึ่งในงานที่น่าผิดหวังเพราะตอนนั้นผมตั้งความหวังไว้กับหนังเรื่องดูนค่อนข้างมาก แต่เมื่อดูเทียบกับฉบับปี 2021 แล้ว ก็อยากเอาหนังฉบับปี 1984 มาดูอีกที โดยเฉพาะฉบับความยาวเต็มที่ 3 ชั่วโมงกว่า ส่วนหนังฉบับล่าสุดนี้มีความรู้สึกว่าตลอดทั้งเรื่องภาพมันมืดเกินไป
โดยรวมแล้ว DUNE ฉบับปี 2021 ไม่ผิดหวัง แต่ไม่ใช่หนังที่ย่อยทุกอย่างมาแล้วให้คนดู จะสนุกกับการได้คิดตามเกมอำนาจของตัวละคร เหมือนกับเราได้อ่านมหากายพ์ของพวกกรีก
7 เต็ม 10
1 บันทึก
1
1
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย