30 ต.ค. 2021 เวลา 08:03 • บันเทิง

แด่ความกล้าหาญและมุ่งมั่นของผู้หญิง

โมงยามที่ผ่านมาเริ่มว่าง ลูกๆปิดเทอมแถมท้ายด้วยญาติทางแฟนพากันไปเที่ยว แฟนกับลูกๆเลยพลอยฟ้าพลอยฝนได้ไปกับเขาด้วย
ผมอยู่โยงคนเดียว
เหมือนๆจะได้พักเต็มที่แต่รายการที่ต้องทำก็ยังมีอยู่ รวมถึงกิจกรรมไล่ดูหนังครับ
คลิกไปคลิกมาก็เจอเรื่องนี้เข้า
จำได้ลางๆว่ามีหนังสือแปลแล้วเคยอ่านจบมาแล้วด้วย
เลยต้องฟื้นความจำกันหน่อย
หนังสือชื่อเดียวกับหนังครับ ฉบับแปลไทยใช้ชื่ออารยชนคนเถื่อน(ชื่อเดิม ยอดคนจริง) ประพันธ์โดยCharles Portis แปลโดยเชน จรัสเวียง(แดนอรัญ แสงทอง)
cr. google ฉบับภาษาอังกฤษและฉบับแปลไทย2รุ่น
ผมชอบสำนวนแปลในหนังสือมากเพราะอ่านแล้วได้ฟีลเล่นกับคำพูดแบบโบราณ อ่านแล้วนึกถึงงานของไม้ เมืองเดิมกับครูมาลัย ชูพินิจ
เปิดเรื่องมาก็เป็นการเล่าเรื่องแฟลชแบ็คเหตุการณ์ในอดีตของMattie Rossตอนที่เธออายุ14
พ่อของMattieถูกTom Chaneyโจรที่หนีมาแฝงตัวเป็นลูกจ้างในไร่ยิงตาย มันปล้นเงิน ทองคำและของมีค่าอื่นๆได้หลายอย่างแล้วหนีไป
Mattieแค้นมากถึงกับลั่นวาจาว่าจะตามไปจัดการ Tom Chaneyให้จงได้
พอไปคุยนายอำเภอก็ได้ชื่อคนมีฝีมือมา2-3คน
หนึ่งในนั้นคือReuben J. Rooster Cogburn ทำหน้าที่เป็นU.S. Marshal และนักล่าค่าหัวที่ได้ชื่อว่าเป็นมือดี เสียแต่ขี้เมาและสูงอายุแล้ว แถมยังมีตาข้างเดียวด้วย
หะแรกCogburnปฏิเสธแต่ด้วยการตื๊อของMattie บวกรางวัลค่าหัวที่ให้มาสูงอยู่จึงตอบตกลง Mattie ยื่นข้อเสนอต่อไปว่าเธอจะติดตามไปด้วยเพื่อดูผลงาน
Cogburnบอกปัดทันที ไม่ยอมให้ตามไป
แต่ด้วยความดื้อรั้นและลูกตื้อของ Mattie ทำให้ Cogburnใจอ่อนยอมตามที่ขอ และมี Texas Ranger ชื่อLaBoeuf ที่ตามตัวโจรคนนี้มาจากเท็กซัสติดตามไปด้วย
หลังจากที่ทรหดอดทนมานาน Mattieก็จัดการTom Chaneyได้สำเร็จแต่มันแลกมาด้วยการต้องถูกตัดแขน1ข้างเพื่อช่วยชีวิตเธอเพราะถูกงูกัด
หลังจากนั้น25ปี Mattieที่ครองตัวเป็นโสดว่างเว้นจากงานกลับมาหาCogburnอีกแต่กลับพบว่า Cogburn เสียชีวิตไปก่อนที่เธอจะมาถึง
MattieนำศพCogburnไปฝังที่สุสานประจำบ้านเธอ
เป็นอันจบเรื่องราวในหนังสือ
ส่วนภาพยนตร์มีการสร้างอยู่2ครั้งครับ
ครั้งแรกแสดงนำโดยJohn Wayneในปี1969 อันนี้ไม่เคยดูครับ
ครั้งล่าสุดก็ปี2010ครับ เขียนบทและกำกับโดย2พี่น้อง JoelกับEthan Coen นำแสดงโดย Jeff Bridges เล่นเป็น Cogburn, Matt Damon เล่นเป็น LaBoeuf ,Hailee Steinfeld เล่นเป็น Mattie Ross และ Josh Brolin เล่นเป็น Tom Chaney
ได้ดูครับและชอบด้วย
cr. google True Grit ทั้ง2เวอร์ชั่น
การเดินเรื่องเดินตามหนังสือเป๊ะๆครับ มีสอดแทรกบทสนทนาจิกกัดตามสไตล์ของพี่น้องคู่นี้ซึ่งถือว่าน้อยที่สุดแล้วเท่าที่เคยดูหนังของพี่น้องคู่นี้ รวมไปถึงฉากแสดงการเหยียดพวกอินเดียนแดงในสมัยนั้นไปพร้อมกันด้วย
ไม่ค่อยชอบใจฉากนี้นักแต่มันสะท้อนความคิดของคนสมัยนั้นจนถึงสมัยนี้ออกมาได้ตรงดี
ตัวภาพยนตร์ถ่ายทอดบรรยากาศในยุคนั้นได้อย่างดูจริงจัง ดินแดนบุกเบิกใหม่ที่แม้จะเต็มไปความหวังแต่ก็มีเรื่องเลวร้ายต่างๆ ปล้นฆ่าสารพัด มีการเฝ้าชมการแขวนคอคนร้ายราวกับเป็นมหรสพชั้นเลิศ โลกที่ผู้หญิงต้องอยู่ใต้เงาของผู้ชายเป็นใหญ่ในสังคม โลกที่ผู้รักษากฎหมายดูแล้วก็ไม่ใช่คนดิบดีอะไรนัก เผลอๆก็เคยเป็นโจรมาก่อนแล้วผันตัวมาจับโจรเสียเองเอาค่าหัวมากกว่า
ดูแล้วก็ไม่ค่อยน่าไว้ใจอะไรนัก
CogburnกับLaboeufก็ไม่พ้นข่ายนี้
True Grit คืออะไร
ถ้าเอาความหมายตรงๆน่าจะแปลได้ว่าความกล้าหาญที่แท้จริง
CogburnกับLaBoeufคงไม่ต้องพูดถึง ทำงานพวกนี้มานาน ความกล้าย่อมต้องมี
เด็กผู้หญิงอายุ14น่าจะอยู่บ้านเล่นตุ๊กตามากกว่านะหนู นี่คือคำกล่าวของทั้งคู่
แต่ใช้ไม่ได้กับMattie
ฉันไม่ต่อรองอะไรกับเธอหรอกนะ เอาไปแค่นั้น คนรับซื้อม้าบอกปัดเสียงเข้มเมื่อตอนเจรจาขายม้า
แต่ใช้ไม่ได้กับMattie
Mattieคือเด็กผู้หญิงอายุ14ที่โตเกินวัย ทำงานกับพ่อของเธอในกิจการงานต่างๆ ขณะที่แม่กับน้องๆอยู่บ้าน
Matttieถูกเคี่ยวกรำสารพัดจนเจนจัด ฝีปากจัดจ้าน รู้จักใช้คำพูดทั้งขู่ทั้งปลอบ ต่อรองสารพัดกับทุกคนเพื่อให้ได้อย่างที่เธอต้องการ
ไม่เว้นแม้กระทั่งออกไปตามล่าโจรที่ฆ่าพ่อ เธอก็เจรจากับCogburnและLaBoeufจนต้องพาเธอไปด้วย
แต่สิ่งที่น่าจะเป็นเหตุให้ผู้ชาย2คนยอมทำตามเด็กผู้หญิงอายุ14นั่นคือความกล้าหาญมุ่งมั่นของเธอเองมากกว่า ไม่ใช่โวหารของเธอ
เริ่มด้วยการขี่ม้าตัวเล็กข้ามแม่น้ำเชี่ยวกรากในตอนแรกเพื่อจะตามทั้งคู่ไปให้ได้ นอนกลางดินกินกลางทราย เดินทางทรหดอดทน กล้าที่จะยิงโจรคนร้ายที่อยู่ต่อหน้า(อาจมีหลุดเหวอบ้าง) หรือตอนที่ถูกพวกโจรจับก็ยังใช้ฝีปากเจรจาจนพวกโจรคล้อยตามทิ้งTom Chaneyไว้และทำให้เธอจัดการTom Chaneyได้สำเร็จ
แต่นั่นก็แลกมาด้วยความเจ็บปวดทางกายและใจมากโขอยู่เหมือนกัน
ถูกตัดแขนเพื่อรักษาชีวิต
ชีวิตที่เหลือแม้จะสงบสุขแต่เธอก็คงจำฝังใจเรื่องนี้อยู่ไปตลอด
ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ...
2พี่น้องตระกูลCoenบอกเราไว้ตั้งแต่แรกตอนเริ่มเรื่อง
พอดูเรื่องนี้จบ เห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆอายุน้อยทำงาน เดินทาง ต่อรองเรื่องต่างๆกับผู้ชายที่สูงกว่าทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิก็อดนึกถึงเรื่องนี้ไม่ได้
The Silence of The Lambs (1991)
Clarice Starling FBIหญิงเพิ่งจบมาหมาดๆต้องมารับงานเจรจากับDr. Hannibal Lecterเพื่อสืบหาข้อมูลต่างๆเอาไปจับคนร้ายที่ถูกตั้งสมญานามไว้ว่าBuffalo Bill
สมญานามนี้มีที่มาจากWilliam Frederick Codyที่เป็นนายพรานล่าสัตว์โดยเฉพาะพวกควายป่าไบซันที่อเมริกาถลกหนังเอาเนื้อมาขาย
ตามท้องเรื่อง คนร้ายรายนี้ฆ่าผู้หญิงและถลกหนังด้วยครับ
เหยียดเพศแม่กันเห็นๆ
มีอยู่ฉากหนึ่งที่แสดงให้เห็นได้ชัดเจนคล้ายกับแมทตี้คือตอนที่Clarice Starlingเดินเข้าลิฟท์แล้วปรากฎว่าทั้งลิฟท์มีแต่ผู้ชายตัวใหญ่ๆท่าทางผ่านงานมานาน มีแต่เธอคนเดียวเท่านั้นที่เป็นผู้หญิงแถมยังเพิ่งจบด้วย
มีแค่Dr.Hannibal Lecterซึ่งติดอยู่ในที่คุมขังเท่านั้นที่ร่วมมือกับเธออย่างจริงจัง หากไม่นับว่าเขาสนใจStarlingเป็นการส่วนตัวด้วยแล้วก็เป็นเพราะเขาเองก็เห็นว่าเธอมีความกล้าหาญและมุ่งมั่นอย่างแท้จริง
เหมือนที่CogburnกับLaBoeufเห็นความกล้าหาญและมุ่งมั่นในตัวMattieครับ
ความกล้าหาญประกอบความมุ่งมั่นนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่เราต้องการ การประกอบการงานใดๆหรือการกระทำใดๆต้องมีทั้งสองนี้เป็นองค์ประกอบด้วย
เมื่อทำไปก็ต้องมีความอดทน
รอคอย
ดูผลงานที่ออกมาอย่างใจจดจ่อ
ผลลัพธ์จะดีหรือไม่นั้นก็ต้องมีการปรับแก้ แล้วก็วนกลับมาที่ความกล้าหาญและมุ่งมั่น เพื่อไปสู่ความสำเร็จที่ตั้งใจไว้
อีกประการหนึ่งที่ยังอยากฝากไว้นั่นคือพลังหญิงอย่าหมิ่นแคลนกันนัก
ทั้ง2เรื่องที่ยกมาทำให้เราเห็นได้อย่างชัดเจนว่าหลายครั้งที่ผู้ชายก็ไม่อาจทำอะไรได้มาก ความมุ่งมั่น กล้าหาญและอดทนนั้นเทียบไม่ได้เลยกับผู้หญิง
ไม่ต้องเอาภารกิจแบบทั้ง2เรื่องนี้ก็ได้ครับ แค่ภารกิจตั้งท้อง คลอดลูกไม่ว่าวิธีธรรมขาติหรือวิธีผ่าคลอด
ร้อยทั้งร้อย ผู้ชายไม่มีทางยืนหยัดได้เหนือกว่าผู้หญิงหรอกนะครับ ซึ่งหมายถึงผมด้วย
จึงอยากจะให้พึงระลึกเสมอไว้ด้วยครับว่า ผู้หญิงก็คืออีกครึ่งของท้องฟ้า
อย่าดูแคลน...
ขอให้สุภาพและให้เกียรติกับพวกเธอด้วยครับ
โฆษณา