Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
3kokstartup
•
ติดตาม
22 ต.ค. 2021 เวลา 13:40 • ธุรกิจ
ฮวงจุ้ย ฟ้า ดิน คน สัมพันธ์ เพื่อธุรกิจ การค้า
(การออกแบบร้านค้าให้รวยและการเลือกเครื่องประดับเพื่อเสริมพลังฮวงจุ้ยในส่วนท้ายครับ)
📞ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม บูชาปี่เซียะแตะลิ้งด้านล่างครับ 😊
https://lin.ee/uA3pomZ
line : @jew_shop
ig : jew_318i
https://instagram.com/jew_318i?utm_medium=copy_link
FB : jew_318i (inbox)
ลิ้งอัลบัมตัวอย่างงานจัดส่งแล้วครับ
https://www.facebook.com/media/set/?set=a.151209899617477&type=3
ร้านโชปี้
https://shopee.co.th/sudarat1688?smtt=0.0.9
เว็บไซต์ทางร้านครับ
www.JewLuxuryStone.com
วันนี้แอดอยากมาเขียนเล่า อธิบายศาสตร์ ฮวงจุ้ย ในแบบของแอดที่ผสมผสานหลักการตลาดและกลยุทธ์ธุรกิจการค้าครับ
ฮวงจุ้ย เป็นศาสตร์โบราณที่กำเนิดขึ้นในจีนมานานมากๆเป็นพันปี เป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างลมกับน้ำ ดูการเคลื่อนไหวการหยุดนิ่งของซี่ ซึ่งคนจีนจะใช้ศาสตร์นี้ในการมองหาทำเลที่ตั้งในการจะสร้างบ้าน ที่อยู่อาศัย เปิดร้านค้า สร้างเมือง วางผังเมือง สร้างวัง ตลอดจนตำแหน่งในการวางค่ายทหาร ถือเป็นศาสตร์ที่สำคัญที่ต้องใช้ผู้มีประสบการณ์ความรู้ทางด้านนี้มาคิดวิเคราะห์กันอย่างดีครับ
จนถึงปัจจุบันศาสตร์ฮวงจุ้ย ก็ยังได้รับความนิยมเรื่อยมา ทั้งชาวจีนชาวเอเชียตลอดไปจนถึงซีกโลกตะวันตก ก็มีการศึกษาและประยุคใช้กันอย่างจริงจัง และยังอยู่รอบตัวเราอย่างคาดไม่ถึงครับ
คนที่ไม่ได้ศึกษาหรือเข้าใจผ่านๆอาจจะคิดว่าฮวงจุ้ยเป็นเรื่องงมงายอย่างหนึ่ง เป็นไสยศาตร์ เป็นเรื่องของโชคลางของขลัง แอดก็จะบอกว่าก็มีทั้งจริงทั้งไม่จริงทั้งสองด้านครับ
ฮวงจุ้ยในส่วนที่เป็นมืดๆเทาๆก็มีอยู่เช่นเดียวกับศาสตร์ความเชื่อต่างๆทั่วๆไปครับ แต่ส่วนที่เป็นวิทยาศาสตร์ เป็นเหตุเป็นผล ที่สว่างๆก็มีอยู่ ซึ่งแอดจะมาเล่าอธิบายในส่วนนี้ครับ
เกริ่นซะเยอะจะเริ่มแล้วนะครับ
ฮวงจุ้ยนั้น แปลตามคำเลยก็คือ ลม กับ น้ำ เป็นศาสตร์ที่ใช้การสังเกตุ ลม กับ น้ำ เพื่อมองหาซี่ เพื่อกำหนด position ครับ ว่าตำแหน่งไหนดี ตำแหน่งไหนเหมาะ ในการที่จะอยู่อาศัย ทำการค้า หรือทำสงคราม ทำการรบให้ได้เปรียบคู่แข่งครับ
รูปภูเขาและแม่น้ำ โอชิโนะฮักไค ญี่ปุ่น
ผู้ที่เคยศึกษามาบ้างอาจจะเคยได้ยินว่าตามหลักฮวงจุ้ย ที่อยู่อาศัยตำแหน่งที่ดีนั้น ทิศเหนือต้องมีภูเขา ทิศใต้ต้องมีแม่น้ำครับ ทั้งนี้เพื่อว่า จะได้มีแนวเขาไว้บังลมหนาว บังพายุฝน ก็จะอยู่สบายตลอดปี มีแม่น้ำก็จะ มีน้ำดื่มมีแหล่งอาหาร เดินทางสะดวก ทำการเกษตรง่าย ทำการค้าก็ได้เพราะใกล้แหล่งน้ำ นี่จึงเป็นสาเหตุแท้ๆของ ทิศเหนือมีภูเขา ทิศใต้มีแม่น้ำครับ เพราะที่จีนลมหนาวจากทางเหนือหนาวมาก มีภูเขากั้นไว้ ก็จะอยู่สบายกว่ามาก ยิ่งถ้าทิศใต้มีแม่น้ำด้วยก็จะอยู่สบายเยี่ยมไปเลยครับ
แต่กาลเวลาเปลี่ยน สังคมเปลี่ยน และที่นี่ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศจีน ฮวงจุ้ยยังใช้ได้อยู่มั้ย แอดขอยืนยันว่าใช้ได้ครับ แล้วยังต้องทิศเหนือมีภูเขา ทิศใต้มีแม่น้ำถึงจะดีอยู่มั้ย
ก็ต้องบอกว่าไม่จำเป็นแล้วครับ เพราะว่า
1 ประเทศไทยไม่ต้องระวังลมหนาวเหมือนชาวจีนครับ
2 ปัจจุบันเราไม่ได้ใช้แม่น้ำในการคมนาคมและค้าขายเป็นหลักแล้วครับ เราใช้ถนนในการคมนาคมเดินทางติดต่อทำการค้า และเรามีระบบสาธารนูปโภคแล้วครับ ชีวิตความเป็นอยู่ของคนยุคเราๆนั้นมีความสะดวกสบายกว่าคนจีนยุคโบราณมากครับ
(อยู่ไทยให้ระวังพื้นที่น้ำท่วมเข้าไว้นะครับ)
1
รูปน้ำท่วมใหญ่ 2554
แล้วแบบนี้ฮวงจุ้ยยังจำเป็นอยู่มั้ย??
เพราะว่าฮวงจุ้ยเป็นศาสตร์ในการมองหาสมดุลระหว่างลมกับน้ำ เพื่อกำหนด position เพื่อหาความสมดุลหาความพอดีครับ แม้นโลกจะเปลี่ยนไปอย่างไร เราไม่ต้องการภูเขาไม่ต้องการแม่น้ำจริงๆในการดำรงชีพแล้ว แต่เรายังต้องการความสมดุลครับ เราต้องการความสมดุลให้กับตัวเรา ต้องการความสมดุลให้กับที่อยู่อาศัยของเรา ต้องการความสมดุลให้กับร้านค้าของเรา ด้วยเหตุนี้ฮวงจุ้ยจึงยังสำคัญครับ
นอกจากลมกับน้ำแล้ว ฮวงจุ้ยก็ยังพูดถึงหยินกับหยางครับ
รูปหยินหยางจาก internet
หยินกับหยาง คือสองสิ่งที่ตรงข้ามกัน
หยางเคลื่อนไหว หยินหยุดนิ่ง
หยางสว่าง หยินมืด
หยางร้อน หยินเย็น
ชาวจีนเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีคู่ตรงข้ามเสมอครับ
สมัยโบราณ ทิศเหนือมีภูเขาคือเป็นหยินหยุดนิ่งป้องกันลม ทิศใต้มีน้ำเป็นหยางเคลื่อนไหว สำหรับเดินทาง กินดื่มทำการค้า เมื่อทั้งสองอย่างสมดุล ตรงตำแหน่งนั้นก็จะสามารถอยู่อาศัยได้อย่างสมดุลและสุขสบายครับ
กลับมาที่ปัจจุบัน เราไม่ได้ต้องการภูเขาแม่น้ำจริงๆแล้ว แต่เรายังต้องการสมดุลอยู่ หลักการคือ สำหรับที่อยู่อาศัยเราต้องการหยินสูงเพื่อการพักผ่อน และต้องการหยางสูงเพื่อทำการค้า
เช่น ถ้าเราซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยหลับนอน เราก็ควรซื้อบ้านที่อยู่ในซอย ห่างไกลถนนใหญ่ มีความมั่นคงปลอดภัย เงียบสงบ เวลาเรานอนเราก็จะหลับได้อย่างสบายครับ หรือถ้าเราจะซื้อที่เพื่อทำการค้า เราก็ควรซื้อให้มันติดถนน คนผ่านไปมาเยอะๆ จึงจะสามารถทำการค้าได้ดีครับ
ทีนี้ก็จะเห็นแล้วว่าบ้านแต่ละหลังที่แต่ละที่ตำแหน่งแต่ละตำแหน่งนั้น ความเหมาะสมในการใช้งานไม่เหมือนกัน ถ้าเราจะทำการค้าแต่เรามีที่อยู่ในซอยลึกๆเราก็ยังจะอุตส่าลงทุนสร้างตึกทำเซเว่นอยู่ข้างในทั้งๆที่ไม่มีคนผ่านมาแบบนี่ก็ไม่ถูกหลักครับ(จริงๆแล้วเซเว่นเค้าก็ไม่ยอมให้เปิดครับ เซเว่นเค้าต้องการสถานที่หยางสูงจึงจะยอมให้เปิดครับ) หรือถ้าเรามีที่ดีมากๆติดถนนใหญ่ติดรถไฟฟ้า แต่เราไม่ทำการค้าใช้อาศัยหลับนอนก็เสียประโยชน์เสียโอกาสครับแถมยังนอนหลับไม่สบายเพราะเสียงดังจากรถบนถนนและผู้คนผ่านไปมาก็ทำให้ไม่เป็นส่วนตัวและไม่ค่อยปลอดภัยอีกด้วยครับ
เพียงเฉพาะเรื่องนี้เวลาจะเลือกซื้อที่หรือเลือกซื้อบ้านเราก็ต้องพิจารณาแล้วพิจารณาอีกว่าเราต้องการบ้านที่เป็นหยินหรือเป็นหยาง เราต้องการอยู่อาศัยใช้พักผ่อนหรือเราต้องการใช้ทำการค้า
ซึ่งเรื่องบ้านสำหรับอยู่อาศัยแอดจะไม่ขออธิบายเยอะ เนื่องจากปัจจุบันโครงการบ้านต่างๆก็ออกแบบมาให้เหมาะแก่การอยู่อาศัยแล้วครับ จะต่างกันก็ในส่วนปลีกย่อยเล็กๆน้อยๆเช่นทำเล ทางเข้า หรือรายละเอียดของแบบบ้านครับ
การพิจารณาบ้านเพื่ออยู่อาศัยนั้นแอดขอแนะนำให้เลือกบ้านที่มีลักษณะหยินสูงคือ เงียบสงบ สะอาด ปลอดภัย อยู่แล้วเย็นสบาย เจ้าของบ้านถูกใจ ใกล้ที่ทำงานทำเงิน เดินทางสะดวก ที่สำคัญน้ำไม่ท่วมก็ใช้ได้แล้วครับ
แต่สำหรับที่ทำการค้านั่นเราต้องพิจารณาปัจจัยเพิ่มอีกหลายอย่างครับ แอดจึงจะเน้นในส่วนวิเคราะห์ฮวงจุ้ยเพื่อการทำการค้านะครับ
1
ชินจูกุ ทำเลทองการค้าของญี่ปุ่น พลังซี่ไหลเวียนมหาศาล
การค้านั้นเป็นเรื่องที่ว่าด้วย ทำเล ทำเล ทำเล และก็ทำเลครับ แต่ไม่ได้แปลว่าทำเลดีแล้วขายอะไรก็ดีครับ ไม่ใช่เลย เช่นคุณมีตึกอยู่หน้าโรงเรียน คุณเลยเปิดร้านขายเหล้า แบบนี้ใช้ไม่ได้นะครับ ถึงอาจจะขายดีแต่กฏหมายเค้าห้ามครับ หรือถ้าคุณมีที่ติดถนนเห็นร้านขายก๊วยเตียวขายดีมากเลย คุณเลยไปเปิดร้านขายก๊วยเตียวข้างๆเค้า ต่อมาขายสู้เค้าไม่ได้ เจ๊งขึ้นมา แบบนี้ก็ใช้ไม่ได้ครับ
ตลาดซึกิจิ อีกทำเลทองของญี่ปุ่น ที่มีผู้คนนักท่องเที่ยวมาหาของกิน
จากตัวอย่างเล็กๆน้อยๆก็พอสังเกตุได้นะครับว่า ทำเลดี ไม่ได้ดีสำหรับทุกอย่าง หรือดีกับทุกธุรกิจการค้าครับ
จึงเป็นที่มาของ ฮวงจุ้ย ฟ้า ดิน คน สัมพันธ์ ของแอดครับ
ก่อนจะทำธุรกิจการค้าใดๆ แอดอยากให้ทุกคนพิจารณาทำเล และปัจจัยเพิ่มอีก 3 องค์ประกอบครับ
1 ฟ้า คือปัจจัยภายนอก ว่า ทำเลตรงนั้นเป็นอย่างไร ฟ้าเปิดเหมาะแก่การทำการค้ามั้ย เดินทางสะดวกรึเปล่า มีที่จอดรถมั้ย สกปรกมีกลิ่นเหม็นมั้ย ใกล้กับอะไรบ้าง มีปัจจัยใดที่ส่งเสริมธุรกิจการค้าใดเป็นพิเศษรึเปล่า
2 ดิน คือปัจจัยภายใน ว่า เรามีความสามารถพิเศษอะไร มีทุนเท่าไหร่ มีความพร้อมในการทำธุรกิจการค้านั้นๆมั้ย ถ้าเรามีที่เหมาะทำเลดี แต่เราไม่พร้อมทำไม่เป็นก็ย่อมทำไม่ได้
เช่น เรามีที่ในย่านชุมชม เหมาะทำอาหารขายแต่เราทำไม่เป็นเราก็สามารถจ้างคนทำได้แต่ถ้าไม่มีทุนจ้างด้วย ก็ต้องคิดใหม่แล้วครับ
3 คน คือ ผู้คน ขายของก็ต้องมีลูกค้า ถ้าของที่เราจะขายไม่มีคนอยากได้ เราย่อมขายไม่ได้ครับ และสิ่งนี้เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการวิเคราะห์ครับ ธุรกิจการค้า กิจการของเราจะรอดไม่รอด ปัจจัยนี้สำคัญที่สุดครับ ยิ่งวิเคราะได้ละเอียดเท่าไหร่โอกาสรวยยิ่งมากครับ สิ่งที่ต้องวิเคราะห์มีตั้งแต่ ใครบ้างที่พบเจอเดินผ่านธุรกิจร้านค้าของเรา ใครบ้างที่เป็นลูกค้าของเรา ใครบ้างต้องการสินค้าบริการของเรา เพศ ช่วงอายุ ผ่านเวลากี่โมง ส่วนใหญ่ทำอาชีพอะไร มีรายได้ประมาณเท่าไหร่ กำลังซื้อมากน้อย เป็นต้นครับ
และสุดท้ายทั้งสามสิ่งนี้ต้องสัมพันธ์กัน จึงจะสามารถทำการค้าได้สำเร็จราบลื่นครับ เช่นจากทำเลเดิมที่เรามีในชุมชน หยางสูงเหมาะทำการค้า เราคิดแล้วว่าเหมาะกับขายอาหาร มองดูแล้วมีร้านส้มตำ คนส่วนใหญ่ที่ผ่านเป็นจะผ่านช่วงเช้ากับช่วงเย็น ตอนเช้าเหมาะขายอาหารด่วนๆกับกาแฟ มีร้านอาหารด่วนๆแล้วแต่ยังขาดกาแฟ เรามีความสามารถชงกาแฟ หรือไม่มีแต่เราสามารถไปเรียนไปฝึกได้ ก็สามารถเปิดได้ ต่อมาขายดี มีผู้เข้ามาขายกาแฟแข่งขัน ทุกอย่างเหมือนร้านเราเลย แต่เราขายมาก่อน เรารู้จักลูกค้าดี เราจึงวิเคราะห์ลูกค้าได้ว่าลูกค้าส่วนใหญ่ชอบอะไร เราจึงสามารถทำ taget segment แบ่งประเภทลูกค้า และมองออกว่ากลุ่มไหนคือลูกค้าหลัก เราจึงทำเมนู ทำ product ที่เหมาะสม กำหนดราคาที่เหมาะสมได้มากกว่าคู่แข่งเราจึงขายได้ดีกว่า เป็นต้นครับ
แอดจะสรุปนะครับ รายละเอียดที่เราจะวิเคราะห์ในการทำการค้า แบบฟ้าดินคนสัมพันธ์
1 ฟ้า ปัจจัยภายนอก ทำเล ตำแหน่งที่ตั้ง ใกล้ไกลชุมชน ห้างร้าน โรงงาน ติดถนนไม่ติดถนน มีที่จอดรถไม่มีที่จอดรถ สิ่งเหล่านี้แยกประเภทลูกค้าของเราครับ
2 ดิน ปัจจัยภายใน ความพร้อมของเรา ทักษะ ความรู้ เงินทุน สิ่งที่จำเป็นในการทำการค้าของเรา
3 คน พฤติกรรมลูกค้า สำคัญที่สุด คือ taget segment คือการวิเคราะห์ เลือกกลุ่มลูกค้าที่เหมาะสมกับเราที่สุด
พึงสังเกตุว่า ฟ้านั้นควบคุมไม่ได้ ดินนั้นปรับปรุงได้ และคนนั้นสำคัญที่สุดครับ และทั้งสามสิ่งนี้นั้นจะต้องสัมพันธ์สอดคล้องไปในทางเดียวกันจึงจะดีครับ
หลังจากวิเคราะห์ได้แล้วจะเปิดร้านแล้ว สิ่งที่ต้องวิเคราะห์เกี่ยวกับฮวงจุ้ยยังมีอีกนะครับ สำหรับร้านค้าไม่ว่าจะทำธุรกิจการค้าใดๆต้องแบ่งส่วนหยินส่วนหยางในร้านครับ
เช่น 1 ส่วนหน้าร้านที่ต้องต้อนรับลูกค้าจะต้องตกแต่งให้หยางสูง สว่าง สะอาด โล่งโปร่ง เชิญชวน ต้อนรับลูกค้า ต้องตกแต่งให้เหมาะสมกับลูกค้าเป้าหมายของเราที่จะเข้ามา
2 ส่วนหลังร้าน เป็นส่วนสำหรับบริหาร จัดการ ผลิต สต็อก ประชุม งานเอกสาร โซนนี้จะต้องตกแต่งจัดเตรียมแบบหยินสูง คือ มีความเงียบ สงบ มิดชิด ปลอดภัยเข้าไว้จึงจะดีครับ
บางธุรกิจต้องการพื้นที่ต้อนรับลูกค้าที่มีหยางสูง เช่นร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ ต้องการผู้คนที่สัญจรไปมา แต่บางธุรกิจการค้าก็ต้องการพื้นที่ต้อนรับลูกค้าที่มีหยินสูง เช่น สปาร์ ร้านนวด สำนักงานต่างๆเพื่อความเงียบสงบ แต่ละธุรกิจการค้าก็ต้องการความสมดุลของหยินและหยางที่เหมาะสมครับ
ที่นี้เราจะมาพูดถึงเรื่องซี่ครับ จะเข้าใจฮวงจุ้ยมากขึ้นเราต้องเข้าใจเรื่องซี่ครับ ซี่นั้นคือพลังงานที่มองไม่เห็นที่ไหลผ่านหยุดนิ่งเพื่อปรับความสมดุลครับ
เช่น น้ำ ย่อมไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ เป็นการปรับสมดุล
ลม พัดจากที่เย็นไปที่ร้อน เป็นการปรับสมดุลครับ
ธรรมชาตินั้นจะคอยปรับสิ่งที่ไม่สมดุลให้สมดุลอยู่เสมอครับ
แล้วซี่เกี่ยวกับธุรกิจการค้ายังไง?
ธุรกิจการค้านั้นขายไม่ดีไม่มีลูกค้าก็เจ๊ง ขายดีเกินไปทำไม่ทันดูแลลูกค้าได้ไม่ดี ก็เจ๊งได้เหมือนกันครับ เราจึงต้องการขายดีอย่างสมดุลๆ คือขายดีแบบพอดีๆจึงจะดีที่สุดครับ
ซึ่งศาสตร์ที่พูดถึงการค้าและสมดุลอีกศาสตร์นึงที่แอดจะนำเสนอเพื่อความเข้าใจที่มากขึ้นนั้นก็คือเศรษฐศาสตร์ครับ
ฮวงจุ้ยมีหยิน หยาง มีพลังซี่ มองหาจุดสมดุล
เศรษฐศาสตร์ มีดีมานด์ ซัพพลาย มีมือที่มองไม่เห็น มองหาจุดดุลยภาพ
The invisible hand หลักเศรษฐศาสตร์ จาก Adam smith
แหม่!! นี่มันเรื่องเดียวกันเลยนะครับ จนอาจจะกล่าวได้ว่า ฮวงจุ้ยก็คือเศรษฐศาสตร์ของจีนโบราณก็ว่าได้
เราจึงสามารถปรับสมดุลของธุรกิจการค้าของเราไม่ให้ขายได้มากไป หรือขายได้น้อยไป ได้ด้วยกลไกราคา หรือกลยุทธ์การกำหนดราคาให้สมดุลเหมาะสมกับธุรกิจเราครับ
เช่น ถ้าเรากำหนดราคาสินค้าของเราต่ำไป เราก็อาจจะขายได้มาก แต่ก็อาจจะได้กำไรน้อย หรือขาดทุน
แต่ถ้าเรากำหนดราคาสินค้าสูงไปถึงจะกำไรมาก แต่เราก็อาจจะขายไม่ได้เลย
การกำหนดราคาให้พอดีนั้นจึงมีความสำคัญมากในการสร้างความสมดุลให้ยอดขายครับ
ราคาที่พอดี คือราคาที่ ความต้องการซื้อ กับความต้องการขายมาบรรจบกัน (จุดดุลยภาพ)
กลยุทธ์ในการตั้งราคานั้น คนไม่เคยทำการค้าก็มักจะคิดง่ายๆว่า ราคาขายก็คือ ต้นทุน+กำไร
เช่น แอดอยากเปิดร้านขายซาลาเปาออนไลน์ ต้นทุนซาลาเปา 1 ลูก 10 บาท แอดขาย 15 บาท กำไร 5 บาท ง่ายๆแบบนี้ได้มั้ย ก็ได้ครับ แต่อาจจะขายดีหรือขายไม่ได้เลยก็ได้ครับ เพราะถ้าเรามีเจ้าอื่น ขาย 12 บาท เราขาย 15 บาท เราก็ขายไม่ได้แล้ว หรือ ถ้าเจ้าอื่นขาย 20 บาท เราก็อาจจะขายดีทำไม่ทันเหนื่อยมากแต่ก็ได้กำไรน้อยกว่าเค้าครับ
เพราะว่าไม่ได้มีเราที่ขายของอยู่แต่เพียงเจ้าเดียวครับ เราจึงไม่สามารถที่จะกำหนดราคาเองได้ การจะกำหนดราคานั้นจะต้องอิงราคาตลาดเสมอครับ
จะเห็นได้ว่าการกำหนดราคาให้สมดุลนั้นต้องอิงสภาพตลาดของสินค้าที่เราขาย จะขายอะไรก็ต้องดูก่อนว่าของที่เราจะขายนั่น เจ้าอื่นขายอยู่เท่าไหร่ เราเข้าไปแข่งขันได้มั้ย เจ้าอื่นขาย 10 บาท ยังมีกำไรอยู่รึเปล่า ถ้าไปขายถูกกว่าเค้าไม่ได้ไม่มีกำไรแล้วก็ไม่ควรเข้าไปขายแต่แรกครับ ตลาดไหนที่กำไรน้อยแปลว่าแข่งขันสูงมีเจ้าใหญ่ที่สามารถขายได้ถูกมากอยู่แล้วครับ ให้มองหาธุรกิจอื่นดีกว่าครับผม
ทั้งนี้ราคาไม่ใช่ปัจจัยเดียวในการตัดสินว่าเจ้าไหนจะขายดีนะครับ สิ่งสำคัญอีกอย่างก็คือคุณภาพที่เหมาะสมกับราคา สินค้าคล้ายๆกันเจ้าที่คุณภาพดีกว่าภาพลักษณ์ดีกว่าก็กำหนดขายได้ราคาสูงกว่าครับ
เช่น เสื้อเหมือนกัน ตัวนึงไม่มียี่ห้อ อีกตัวนึงมีตราไนกี้ เสื้อไนกี้ก็กำหนดราคาสูงกว่าได้ ด้วยคุณภาพและภาพลักษณ์ครับ
กลยุทธ์การกำหนดราคาจึงมี ง่ายๆ 3 ทางครับ
1 ขายถูกกว่าตลาด (สามารถทำได้เฉพาะเราเป็นเจ้าใหญ่มีทุนที่มากกว่าเท่านั้น) จะทำได้เมื่อเราขายเยอะเน้นขายปริมาณมาก ทำให้เราได้ประหยัดต่อขนาด แม้เราจะกำไรต่อชิ้นน้อยแต่ถ้าขายจำนวนมากๆก็เป็นกำไรที่เยอะขึ้นมาได้ครับ เข่นธุรกิจขายส่ง แมคโคร
2 ขายแพงกว่าตลาด ขายแพงกว่าทำได้ด้วยเหรอ? ทำได้ครับ แต่จะทำได้เมื่อ สินเค้าเราต้องเป็นที่ต้องการของตลาดมากกว่าเจ้าอื่น เช่นมีคุณภาพสูงกว่าเจ้าอื่น มีภาพลักษณ์เหนือกว่าเข้าอื่น มีความแตกต่างจากเจ้าอื่น หรือเป็นที่ต้องการของลูกค้าเฉพาะกลุ่มที่มีกำลังซื้อ กลุ่มนี้เช่น สินค้าแบรนด์เนมนะครับ
3 ขายเท่ากับตลาด อันนี้ก็คือการทำธุรกิจแบบ me too ครับ ใครทำไรชั้นก็ทำบ้าง ขายเท่าไหร่ก็ขายเท่ากันครับ แพ้ชนะจะตัดสินกันที่ว่าในราคาที่เท่ากันนั้นใครสามารถนำเสนอคุณภาพที่มากกว่าให้ลูกค้าได้ และสามารถคุมต้นทุนให้น้อยกว่าเจ้าอื่นได้ ก็จะได้กำไรมากกว่าครับ
เหมือนจะออกทะเลมาไกล กลับมาที่เรื่องฮวงจุ้ยของเราดีกว่าครับ สรุปฮวงจุ้ยก็คือการมองหาความสมดุล การค้าที่ดีคือการค้าที่เริ่มต้นด้วยการมองหาความสมดุล ที่สัมพันธ์กับพลังซี่และผู้คนโดยรอบครับ ดังนั้นก่อนจะเริ่มต้นทำการค้าที่ใด จะต้องอย่าลืมพิจารณา ถึงทำเล ความพร้อมความถนัดของเรา และผู้คนที่จะมาเป็นลูกค้าของเรานะครับ ให้ทั้งสามปัจจัยนี้สัมพันธ์กัน ด้วยการเลือกทำเล ออกแบบตกแต่งร้าน กำหนดราคาและคุณภาพสินค้า ให้ไปในทิศทางเดียวกัน ให้สมดุลเหมาะสมกับผู้คนและสถานที่ การค้าของเราก็จะประสบความสำเร็จและเจริญก้าวหน้าครับ
เสริม ปัจจุบันการค้าออนไลน์ได้รับความนิยมอย่างมาก ไม่ว่าจะอยู่ไหนก็ขายของได้ แล้วฮวงจุ้ยยังสำคัญอยู่มั้ย ก็ต้องบอกว่าฮวงจุ้ยยังสำคัญนะครับ เราจะเปิดร้านค้าออนไลน์ไม่ใช่ว่าไม่ต้องพิจารณาที่ทางหรือทำเลเลย เราจะขายของออนไลน์ เราต้องมาหาพื้นที่หยินสูงคือ สงบปลอดภัย เพราะเราไม่ต้องต้อนรับลูกค้า walk in แต่เราก็ยังต้องการสถานที่ๆเดินทางสะดวก เพราะเราต้องรับของส่งของ stock ของ internet ต้องเข้าถึง เราจะไปขายของออนไลน์อยู่ในป่าในที่ไกลปืนเที่ยงก็ไม่ได้จริงมั้ยครับ และถ้าเราอยู่ใกล้ๆสถานที่ขนส่งด้วยก็จะทำให้ได้เปรียบในเรื่องของความสะดวกในการจัดส่งครับ
ขายออนไลน์ ถ้าอยู่ใกล้บริษัทจัดส่งก็ได้เปรียบนะครับ (ภาพจาก internet)
สุดท้าย ไม่ว่าจะทำการค้าอะไร สิ่งนำคัญที่สุดก็คือลูกค้า แอดไม่ได้แนะนำว่าให้ยึดลูกค้าเป็นพระเจ้า ลูกค้าทำอะไรก็ถูกหมด ต้องตามใจลูกค้าทุกอย่างนะครับ ลูกค้าก็คือลูกค้าครับ ไม่มากไปไม่น้อยไปกว่านั้น สิ่งสำคัญคือไม่ดูถูกลูกค้า ส่งมอบสินค้าหรือบริการที่คุณภาพเหนือกว่าบริการให้ลูกค้าเสมอครับ ความหมายของแอดก็คือ ไม่โกงไม่เอาเปรียบลูกค้านะครับ ค้าขายด้วยความตรงไปตรงมา เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้การค้าเจริญก้าวหน้าครับ
1
ต่อไปแอดจะขอพูดถึงการเลือกเครื่องประดับการออกแบบร้านค้านให้รวยนะครับ เพราะว่าต้องอธิบายถึงเรื่องธาตุและสีก่อนครับ
ส่วนต่อไปนี้ขายของแล้วนะครับ ไหนๆก็พูดถึงฮวงจุ้ยมาขนาดนี้ แอดจะขอแนะนำวิธีการเลือกเครื่องประดับเพื่อเสริมพลังฮวงจุ้ยครับ
พักเรื่องวิชาการแล้วมาดูวิถีในการพิจารณาเลือกเครื่องประดับให้เหมาะสมเสริมพลังฮวงจุ้ยครับ
ในฮวงจุ้ยจะมีเรื่องธาตุมาเกี่ยวข้อง ได้แก่ ไฟ ดิน ทอง น้ำ ไม้ครับ
เรียงตามลำดับการส่งเสริมก่อเกิดดังนี้เลยครับ
ไฟ ก่อเกิด ดิน
ดิน ก่อเกิด ทอง
ทอง ก่อเกิด น้ำ
น้ำ ก่อเกิด ไม้
ไม้ ก่อเกิด ไฟ
เป็นวัฒจักรส่งเสริมก่อเกิดครับ
เรียงตามลำดับพิฆาตกันดังนี้ครับ
ไฟ ทำลาย ไม้
ไม้ ทำลาย ดิน
ดิน ทำลาย น้ำ
น้ำ ทำลาย ไฟ
ไฟ ทำลาย ทอง
เป็นวัฒจักรพิฆาตทำลายครับ
วัฒจักร ธาตุ ก่อเกิด พิฆาต (รูปจาก internet ครับ)
ซึ่งคนเราแต่ละคนจะมีธาตุปีเกิดเป็นของตนเองครับ อาจจะเคยอ่านเจอหรือได้ยินมาบ้างว่า ปีนี้เป็นปีวัวทอง ปีนี้เป็นปีหนูไฟ ปีนี้เป็นปีไก่ทอง อะไรแบบนี้ใช่มั้ยครับ
วิธีดู ดูแบบนี้ครับ ให้ดูจากเลขท้ายของปี พศ นะครับ
ลงท้าย
9,0 ดับสูญ เริ่มต้น ธาตุไฟ
1,2 พื้นฐาน ก่อเกิด ธาตุ ดิน
3,4 มั่งคั่ง มั่นคง ธาตุ ทอง
5,6 ปรับเปลี่ยน ก้าวหน้า ธาตุ น้ำ
7,8 เติมโต เข้มแข็ง ธาตุ ไม้
เช่น ถ้าเกิดปีนี้ 2564 ลงท้าย 4 ก็เป็นปีวัวทองครับ พอปีหน้า 2565 ก็จะเป็นเสือน้ำครับ อันนี้คือปีธาตุจีน ซึ่งไม่ใช่ดิถีธาตุจีนที่มีการคำนวนซับซ้อนครับ
เมื่อเราทราบว่าเรานั้นเกิดปีธาตุอะไร การเลือกเครื่องประดับใส่เราก็เลือกธาตุเครื่องประดับให้ส่งเสริมปีเกิดของเราครับ
เช่นถ้าเราเกิดปีนี้ 2564 ธาตุทอง ก็ควรใส่เครื่องประดับธาตุทอง หรือธาตุที่เสริมทองคือ ธาตุ ดิน ไม่ควรใส่เครื่องประดับธาตุไฟที่ทำลายธาตุทองครับ
ส่วนวิธีดูเครื่องประดับว่าธาตุใดนั้นให้ดูที่สีครับ
โดยเราจะแบ่งธาตุตามสีดังนี้ครับ
1 ธาตุ ไฟ
สีแดง คุณสมบัติเด่น เสริมดวงการเงินการค้า การเงิน ปลุกพลัง
สีม่วง คุณสมบัติเด่น เสริมดวงการลงทุนการทำธุรกิจ สติปัญญา จิตใจ เร่งความสำเร็จ
2 ธาตุ ดิน
สีเหลือง คุณสมบัติเด่น ดึงดูดโชคลาภ ลาภลอยต่างๆ เสี่ยงโชค อำนาจวาสนา
สีเทา คุณสมบัติเด่น เติมความเข้มแข็ง แข็งแรง กระตุ้นความคิดการทำงาน ให้สำเร็จชนะคู่แข่ง
3 ธาตุ ทอง
สีขาว คุณสมบัติเด่น เสริมพลังซี่ เสริมบารมี สุขภาพแข็งแรง มีกำลังในการทำสิ่งต่างๆให้สำเร็จ
4 ธาตุน้ำ
สีฟ้า คุณสมบัติเด่น เสริมความคิด สมาธิ การเรียน การเจรจา ติดต่อสื่อสารค้าขาย การงานการค้าก้าวหน้า
สีดำ คุณสมบัติ ปกป้องคุ้มครอง ป้องกันสิ่งไม่ดีต่างๆ ห่างไกลจากคนไม่ดี สิ่งไม่ดี ให้มีแต่สิ่งดีๆเข้ามา
5 ธาตุไม้
สีเขียว คุณสมบัติเด่น เสริมลาภหลัก ก็คือการงาน การงานเจริญก้าวหน้ามั่นคง ร่ำรวยจากการทำงาน
รวมธาตุ หลายสี เสริมรอบด้าน ครอบคลุม อุดมสมบูรณ์ บริบูรณ์ เพียบพร้อม เงินทอง โชคลาภ วาสนา สุขภาพ ป้องกันภัย (เลือกให้ไม่มีสีพิฆาตธาตุตัว)
แต่ละสีก็มีความหมายและข้อดีในตัวเองนะครับ สิ่งสำคัญคือเลือกให้เหมาะกับตัว ให้ตรงธาตุ หรือเสริมธาตุ ก็จะเฮงๆปังๆครับ
📞ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม บูชาปี่เซียะแตะลิ้งด้านล่างครับ 😊
https://lin.ee/uA3pomZ
line : @jew_shop
ig : jew_318i
https://instagram.com/jew_318i?utm_medium=copy_link
FB : jew_318i (inbox)
ลิ้งอัลบัมตัวอย่างงานจัดส่งแล้วครับ
https://www.facebook.com/media/set/?set=a.151209899617477&type=3
ร้านโชปี้
https://shopee.co.th/sudarat1688?smtt=0.0.9
เว็บไซต์ทางร้านครับ
www.JewLuxuryStone.com
ต่อไปแอดจะพูดถึงการออกแบบร้านยังไงให้รวยนะครับ
รูปออกแบบร้านจาก internet (wongnai)
วิธีออกแบบร้านให้รวยในแบบฮวงจุ้ย ฟ้า ดิน คน สัมพันธ์ นั้นแอดจะไม่ได้ให้ผู้อ่านเนี่ย บูชาอะไรมาตั้ง เอากระดิ่งมาแขวน หรือเอากระจกยันต์แปดทิศมาติดนะครับ ส่วนนี้ไม่มีเรื่องนั้นเสียใจด้วยนะครับ ฮา
เรื่อง ของบูชา กระจก ยันต์ กระดิ่ง พวกนี้เป็นของคนถือเคล็ดครับ การใช้เคล็ดแก้ปัญหาทางฮวงจุ้ยนั้นแก้ง่าย ใครๆก็แก้ได้ แต่ได้ผลหรือไม่อันนี้แอดไม่รับประกันครับ แต่วิธีของแอดทำยากกว่า ต้องใช้ความเข้าใจมากกว่า โอกาสประสบความสำเร็จก็มากกว่าครับ
ชื่อเรื่องก็บอกอยู่ว่า ฟ้า ดิน คน สัมพันธ์ ก็ออกแบบให้สามสิ่งนี้มันสัมพันธ์กันซะสิครับ อยากตรงไหน แอดบอกเหมือนกำปั้นทุบดินนะครับ ฮา
การออกแบบให้สามสิ่งนี้สัมพันธ์กันนั้นพูดง่ายแต่ทำยากครับ เพราะเวลาเราจะทำร้านออกแบบตกแต่งร้านซักร้านนึงเนี่ย เรามักจะตามใจเจ้าของร้านครับ ใช่ ย้ำอีกครั้งนะครับ เรามักจะตามใจเจ้าของร้าน
แล้วตามใจเจ้าของร้านแล้วมันยังไง? ไม่ดียังไง?
ก็เพราะเจ้าของร้านไม่ใช่ลูกค้านะสิครับ
เคยเห็นมั้ยครับ ร้านสวยมาก แต่ลูกค้าไม่เข้า ร้านอาหารนะครับ แอดเจอมาเยอะมาก ลงทุนตกแต่งร้านเยอะมาก มากที่สุด แต่ลูกค้าไม่เข้า
ที่ลูกค้าไม่เข้าไม่ใช่ว่าร้านไม่สวยนะครับ แต่มันมีหลายสาเหตุปัจจัย ง่ายๆเลย ลูกค้ามักคิดว่าร้านยิ่งสวยยิ่งแพง ทั้งๆที่แแพงจริงมั้ยไม่รู้
ดังนั้นนั้นนะครับ ก่อนจะออกแบบร้าน สิ่งที่ต้องคำนึงถึงก่อนอย่างแรกก็คือลูกค้า ว่าลูกค้าเราเป็นใครครับ เราเริ่มที่จุดนี้ก่อน ซึ่งเราจะรู้ว่าลูกค้าเราเป็นใครได้นั้น เราต้องมองปัจจัยภายนอกกับปัจจัยภายในให้สอดคล้องกันว่า ที่นี่นั้นเหมาะจะทำร้านอะไร ทำมาเพื่อขายใคร
เช่นได้ที่ว่าง ในซอย คนไม่พลุกพล่านมาก มองไปรอบๆ ไม่มีธุรกิจอะไรแต่อยู่ใกล้สนามกีฬาเป็นทางผ่านคนกลับจากเล่นกีฬา เห็นตอนเย็นมีคนมาออกกำลังกายกันเยอะ อยากจะขายอาหารกับเครื่องดื่ม ให้คนออกกำลังกาย เมื่อคิดได้แบบนี้ลูกค้าเป้าหมายเราก็แคบลงมาเยอะ เป็นร้านเครื่องดื่ม เปิดตอนเย็น 15.00-20.00 น ก็จะขายเน้นเครื่องดื่ม มีของกินด้วย เป็นอาหารคลีนเพื่อสุขภาพ ทีนี้เราก็พิจารณาอีกว่า คนที่มาออกกำลังกายนี่วัยไหน ผู้ชายผู้หญิง มีรายได้มากน้อย ถ้าเป็นวัยรุ่น รายได้น้อยๆ เน้นขายถูกๆปริมาณเยอะๆ ร้านไม่ต้องอลังมาก เป็น โอเพ่นแอร ที่นั่งเยอะหน่อย กำไรน้อยหน่อย เน้นโวลลุ่ม (หรือจริงๆปิ้งย่าง หมูกระทะ เสต็กนี่ของชอบวัยรุ่นออกกำลังกายเลยนะครับ ฮา)
หรือถ้าเป็นกลุ่มแม่บ้านแอโรบิกแทน ก็ควรจะเป็น เครื่องดื่มน้ำผลไม้ สลัด (แต่จริงๆแล้วเหล่าแม่บ้านน่าจะชอบ ของทอด มากกว่านะครับ ฮา)
ก็ขึ้นอยู่กับการทำการบ้านของเรานะครับ ว่าใครเป็นลูกค้าของเรา และลูกค้าของเรานั้นต้องการอะไร ร้านขายอะไร ขายแบบไหนถึงจะเหมาะกับลูกค้าเราที่สุด แล้วเราจึงออกแบบให้เหมาะสมโดยใช้หลักฮวงจุ้ย
สิ่งที่สำคัญสำหรับฮวงจุ้ยร้านค้า มี 3 สิ่งครับ
1 โถงกระจ่างหน้าร้าน
2 ประตูร้าน
3 โถงกระจ่างในร้าน
1 โถงกระจ่างหน้าร้าน หรือพื้นที่หน้าร้าน เราต้องดูว่าหน้าร้านเราเป็นอย่างไร มีอะไรมาปิดกั้นขวางทิศทางของซี่ ขัดใจลูกค้า ปิดทางเข้า ทำให้ลูกค้าไม่ผ่าน ไม่เข้ารึเปล่า เช่น ตรงกับเสาไฟ มีกองขยะ ตรงกับเหลี่ยมมุมต่างๆ ภาษาฮวงจุ้ยจะเรียกว่ามีดาบแทงเข้าหาร้าน ก็จะให้ติดกระจก สะท้อนพลังไม่ดีครับ … หยอกๆนะครับ ถ้ามีอะไรไม่ดีขัดขวางพื้นที่หน้าร้าน กระจกก็ไม่ได้ช่วยอะไรครับ สิ่งที่เราควรทำคือ อะไรไม่ดีถ้าเอาออกได้เอาออกครับ ถ้าหน้าร้านเรามีกองขยะ มีอะไรรกๆ ไม่เจริญหูเจริญตา ถ้าเอาออกได้เอาออกครับ ถ้าอะไรเอาออกไม่ได้ เช่นมีเสาไฟ ก็ไม่ต้องเอาออก แต่เลี่ยงตำแหน่งประตูร้านทางเข้าไม่ให้ชนเสาไฟปรับแก้กันไปครับ
พื้นที่หน้าร้านเนี่ยสำคัญครับ ถ้าหน้าร้านไม่น่ามองไม่น่าผ่านลูกค้าก็ไม่เข้าร้านครับ และเจ้าของร้านส่วนใหญ่มักจะปล่อยปละละเลย เผลอๆขยะของร้านก็วางกองหน้าร้านครับ เพราะส่วนมากพื้นที่หน้าร้านจะเป็นของส่วนกลาง สาธารณะประโยชน์ แต่คิดแบบนั้นผิดครับ ถึงจะเป็นส่วนกลางหรือสาธารณะ แต่มันคือหน้าร้านของเรา เป็นที่ๆกระแสซี่ไหลผ่านมาเข้าร้าน เป็นที่ๆลูกค้าต้องผ่านมาเพื่อเข้าร้าน เราจึงต้องดูแลให้ดีเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของร้านครับ
2 ประตูร้าน เป็นจุดเชื่อมภายในภายนอกร้าน เป็นที่พลังซี่ไหลผ่าน ลูกค้าเดินผ่าน สิ่งสำคัญของประตูคือ มีขนาดเหมาะสมกับร้านครับ ร้านใหญ่ประตูใหญ่ ร้านเล็กประตูเล็ก สำคัญว่าให้ใช้งานได้ เดินเข้าเดินออก ผ่านได้โดยง่าย ร้านที่ลูกค้าเดินเข้าออกบ่อยๆ ประตูควรใหญ่กว่าร้านที่ลูกค้านานๆจะเข้าออกที เพราะประตูใหญ่ ให้หยาง เข้าง่าย ออกง่าย วุ่นวาย ประตูเล็ก ให้หยิน สงบเป็นส่วนตัว ก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบร้านของเราและลูกค้าของเราครับ
ทริคเล็กๆคือการดักซี่ครับ จะทำอย่างไรถึงจะใช้ประตูดักซี่ดักลูกค้าให้เข้าร้าน ทริคคือ ให้ลูกค้าเดินผ่านร้านเรานานที่สุด ก่อนถึงประตูครับ เช่นถ้าถนนทางเดินหรือทิศทางเดินของลูกค้าเราเดินจาก ซ้ายไปขวา ประตูควรอยู่ทางขวา เพื่อให้ลูกค้ามองเห็นตัวร้านเราก่อนให้เกิดความสนใจแล้วจึงเห็นประตูครับ ถ้าเราวางประตูไว้ซ้ายเลย ลูกค้าเดินผ่านประตูไปแล้ว ค่อยมามองเห็นตัวร้าน แม้ลูกค้าจะเกิดความสนใจแล้วแต่ก็ไม่อยากจะเดินย้อนกลับมาเข้าร้านครับ
3 โถงกระจ่างภายในร้าน คือจุดถัดจากประตูเข้ามาครับ จุดนี้ก็คือจุดต้อนรับลูกค้านั่นเอง การออกแบบโถงกระจ่างภายในร้านนั้นก็ควรเหมาะสมกับร้านและลูกค้าครับ ปรับสมดุลของร้านให้ดี ด้วยสีและความสว่างของแสง อย่างที่บอกไปก่อนนี้ว่าสีนั้นมีผลต่อควาทรู้สึก มีผลต่อซี่ ต่อธาตุ เราจะควรเลือกสีที่เหมาะสมกับธุรกิจของร้านเราและลูกค้า เราจะเลือกตามใจที่เจ้าของชอบอย่างเดียวไม่ได้นะครับ อย่าลืมว่าเราไม่ได้เปิดร้านขายให้เจ้าของร้านนะครับ
เช่นถ้าเป็นร้านสะดวกซื้อ ก็ต้องการหยางสูง แสงสีโทนหยางสูง สว่างมากๆหน่อย กระตุ้นการเข้าร้าน ร้านสะดวกซื้อมืดๆไม่น่าเข้านะครับ
หรือถ้าร้านอาหาร ก็ต้องดูว่าอาหารแบบไหน ลูกค้าเป็นใคร เน้นโวลุ่ม เข้าออกเยอะๆ ก็หยางสูงๆไว้ครับ สว่างๆ เน้นส่วนตัว เงียบสงบก็ หยินๆหน่อยครับ ทริคคือร้านอาหารมักจะใช้โทนเหลืองแดงเพื่อกระตุ้นความอยากหารหารครับ เช่นร้านอาหารจะเห็นกันชัดๆเลย ถ้าป้ายร้านเหลืองแดงละก็ร้านอาหารแน่นอนครับ เห็นชัดๆเลยเช่นชายสี่หมี่เกี๋ยวอะไรแบบนี้นะครับ เราจะไม่ใช่โทนม่วง น้ำเงินในการตกแต่งร้านอาหารเพราะมันทำให้ไม่อยากอาหารครับ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าร้านอาหารจะต้องสว่างๆเหลืองแดงอย่างเดียวนะครับ ร้านแบบที่ลูกค้าต้องการนั่งทานเงียบๆสงบๆก็มีเราจึงต้องพิจารณารูปแบบร้านและกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้ดีๆครับ
ถ้าเห็นร้านๆเหลืองๆแดงๆละก็ร้านอาหารแน่นอนครับ
ส่วนถ้าทำร้าน ให้บริการรายบุคคลต่างๆ เช่น ทำฟัน นวด ทำหน้า ทำเล็บ อะไรแบบนี้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมากกว่า ให้ออกแบบร้านให้หยินสูงให้มีความสงบเข้าไว้นะครับ
รูปจาก internet (เปิดร้านสปาไทย)
แอดรู้สึกว่าเล่ามาเยอะแล้ว จะขอสรุปเลยนะครับ การออกแบบร้านให้รวยนั้น ไม่ว่าเราจะทำร้านอะไรก็ตาม ให้คิดถึงลูกค้าเป็นหลัก ฮวงจุ้ยเป็นรอง ใช้ฮวงจุ้ยปรับร้านเพื่อให้สอดคล้องกับลูกค้า ไม่ใช้ฮวงจุ้ยปรับร้านเพื่อตามใจเจ้าของร้านครับ
สุดท้ายจริงๆ
แอดไม่ได้รับปรึกษาฮวงจุ้ยทางข้อความนะครับ
ถ้าจะปรึกษาเพื่อออกแบบร้านปรับฮวงจุ้ยร้าน หรือออกแบบตกแต่งปรับฮวงจุ้ยบ้านกับแอด ก็ทักสอบถามทางข้อความร้านได้ครับ แอดรับพิจารณาเคสบายเคสนะครับ ไม่ฟรี มีค่าใช้จ่ายครับ (เป็นฮวงจุ้ยสำหรับธุรกิจการค้าครับ)
📞ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม บูชาปี่เซียะแตะลิ้งด้านล่างครับ 😊
https://lin.ee/uA3pomZ
line : @jew_shop
ig : jew_318i
https://instagram.com/jew_318i?utm_medium=copy_link
FB : jew_318i (inbox)
ลิ้งอัลบัมตัวอย่างงานจัดส่งแล้วครับ
https://www.facebook.com/media/set/?set=a.151209899617477&type=3
ร้านโชปี้
https://shopee.co.th/sudarat1688?smtt=0.0.9
เว็บไซต์ทางร้านครับ
www.JewLuxuryStone.com
ขอบพระคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้ครับ แอดขอให้ผู้อ่านทุกท่านเจริญก้าวหน้าในการงานการค้า เฮงๆรวยๆเงินทองไหลเข้าไม่ไหลออกครับ 😊🙏
รังสรรค์ ใจอารีย์
แอดมิน ผู้เขียน
ฮวงจุ้ย
37 บันทึก
18
33
37
18
33
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย