22 ต.ค. 2021 เวลา 17:46 • ประวัติศาสตร์
พญานาคและบั้งไฟพญานาคมีจริงหรือไม่
4
นาค (Nāga) ตามความเชื่อศาสนาฮินดู พุทธ และเชน มีลักษณะโดยรวมคือเป็นงูขนาดใหญ่มีหงอนอาศัยในภพบาดาล นาคีใช้เรียกนาคเพศหญิง ส่วนหัวหน้าของนาคเรียกว่าพญานาค สามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้
4
อ้างอิง: Jones, Constance; Ryan, D. James. Encyclopedia of Hinduism. Infobase Publishing, 2006, p. 300.
4
ถ้ำหมายเลข 1 ที่วาตาปี (Vatapi) รัฐกรณาฏกะ (Karnataka) อินเดีย (India) อุทิศให้กับพระอิศวร (Shiva) เครดิต: ซาร่าห์ เวลช์ (Sarah Welch)
บทความนี้เน้นข้อมูลในพระพุทธศาสนา จากพระไตรปิฎกจะพบคำว่า “พญานาค” เป็นสัตว์ที่เป็นทิพย์เป็นราชาแห่งงู ซึ่งเป็นชีวิตปรโลก (Hereafter) เป็นเรื่องอจินไตย (Acinteyya) เกินกว่าที่มนุษย์ปกติจะแสวงหาคำตอบได้ ปัจจุบันมีสมมติฐานหลักอยู่ 2 ประการด้วยกันคือ
4
• กลุ่มคนเชื่อว่าพญานาคเป็นเรื่องปรัมปราที่เล่าต่อกันมา ไม่มีความเชื่อว่ามีบั้งไฟพญานาค (Naga fireballs) ลอยขึ้นจากแม่น้ำโขง (Mekong River) โดยมีแนวคิดว่ามีการใช้เครื่องมือสุดไฮเทค หรือเป็นแค่ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ และยังไม่สามารถหาหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มาพิสูจน์หรือสามารถลอกเลียนแบบให้เหมือนได้เลย
4
ปลาออร์ (Oarfish) เป็นปลาที่อาจยาวถึง 15 เมตร อาศัยอยู่ในท้องทะเลลึก 1,000 เมตร ไม่ใช่พญานาค เครดิต: www.mirror.co.uk/news
• กลุ่มคนที่เชื่อพญานาคมีจริง เคารพนับถือสืบต่อกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษยาวนานนับพันปี รวมทั้งพุทธศาสนิกชนมีความเชื่อมั่นว่าคนเราตายแล้วไม่สูญ ชีวิตโลกหน้ามีจริง ซึ่งพญานาคก็เป็นภพภูมิชีวิตหลังความตายที่เกิดขึ้นด้วยอำนาจของกฎแห่งกรรม (Law of Karma)
4
เครดิต: www.dmc.tv
พญานาคมักพบหลายแห่งใพระไตรปิฎกคือ
“สุทธกสูตร” (มก. 27/556) กล่าวถึงพญานาคมีกำเนิด 4 อย่าง คือ
1. เกิดในฟองไข่ (อัณฑชะ)
2. เกิดในครรภ์ (ชลาพุชะ)
3. เกิดในสิ่งที่ไม่สะอาดหมักหมม (สังเสทชะ)
4. เกิดแล้วโตทันที (โอปปาติกะ)
4
“อหิตสูตร” (มก. 35/215) แบ่งออกเป็น 4 ตระกูลคือ
2
1. ตระกูลฉัพยาปุตตะ (ผิวกายสีรุ้ง) เครดิต: www.dmc.tv
2. ตระกูลกัณหาโคตมะ (ผิวกายสีดำ) เครดิต: www.dmc.tv
3. ตระกูลวิรูปักขะ (ผิวกายสีทองคำ) เครดิต: www.dmc.tv
4. ตระกูลวิรูปักขะ (ผิวกายสีทองคำ) เครดิต: www.dmc.tv
“ทานูปการสูตร” (มก. 27/564) เหตุแห่งการเกิดเป็นนาค กล่าวโดยย่อว่า ขณะเป็นมนุษย์บางคนได้ฟังมาว่า พญานาคที่มีอายุยืน มีวรรณะงาม มีความสุขมาก พวกเขาทั้งหลายจึงตั้งความปารถนา
4
เมื่อได้ตายไปแล้วขอให้ได้เกิดเป็นพญานาค และด้วยบุญที่ได้ถวายทานวัตถุ 10 ประการ (ข้าว น้ำ ผ้า ยานพาหนะ ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พัก ประทีป) พร้อมทั้งได้อธิษฐานจิตจึงได้ไปเกิดเป็นพญานาคสมความปารถนา
4
อรรถกถาจารย์เล่าให้ฟังว่า
• พญานาคมีพิษแบ่งเป็น 4 ประเภทด้วยกัน คือ
1. มีพิษที่ตา เมื่อลืมตามองด้วยความโกรธ ศัตรูจะมอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน
4
2. มีพิษที่ลมจมูก เมื่อลมออกจากจมูกเวลาโกรธ สามารถเผาไหม้ศัตรูได้เช่นกัน
4
3. มีพิษจากกายสัมผัส เมื่อกายสัมผัสผู้ใดแล้ว ผู้นั้นก็จะตายทันที
4
4. มีพิษที่เขี้ยว เมื่อกัดผู้ใดแล้วพิษที่เขี้ยวก็แล่นเข้าสู่ร่างกายศัตรูตายด้วยอาการตามชนิดของพิษ (ตายด้วยร่างกายแข็งกระด้างคล้ายตอไม้, ตายด้วยร่างกายที่เปื่อย น้ำหนองไหลเยื้อม, ตายด้วยร่างกายที่ไหม้เป็นเถ้าถ่าน, และตายด้วยร่างกายแหว่งเป็นช่องโหว่เหมือนถูกฟ้าผ่า)
4
พญานาคชั้นสูงเกิดแบบโอปปาติกะ เป็นชนชั้นปกครอง ส่วนที่อยู่ของพญานาคมีตั้งแต่ในแม่น้ำ หนอง คลอง บึงต่างๆ ในอากาศ จนไปถึงสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา
4
ท้าววิรูปักษ์ คือพญานาคที่มีความเป็นใหญ่กว่านาคทั้งปวง เป็น 1 ใน 4 ของเทวราชา ผู้ปกครองสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาด้านทิศตะวันตกของภูเขาสิเนรุ
4
เครดิต: www.dmc.tv
ตามตำนาน ทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง คือดินแดนสาธารณะประชาธิปไตยประชาชนลาว มีพญานาคนาม "พญาศรีสัตตนาคราช" หรือ "นาคาธิบดีสีรัตนาคราช" ส่วนฝั่งขวาของแม่น้ำโขง คือดินแดนประเทศไทย มีพญานาคนาม "พระศรีสุทโธนาคราช"หรือ "นาคาบดีสีสุทโธ"
4
อีกทั้งผู้เฒ่าผู้แก่เล่าต่อกันมาว่า พญานาคบริเวณลุ่มแม่น้ำโขง จังหวัดหนองคาย ยังคงเป็นสัมมาทิฏฐิบุคคล นับถือพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง รำลึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ครั้งเสด็จลงจากดาวดึงส์เทวโลกในวันเทโวโรหณะแล้วเกิดปลื้มปีติจากนั้นเป็นต้นมา
4
เครดิตรูปภาพ www.tatcontactcenter.com
จากดวงใจที่บริสุทธิ์หลังจากรักษาอุโบสถศีล (งดเสพเมถุน) และเจริญภาวนามาตลอดช่วงเข้าพรรษา (3 เดือน) กลั่นความบริสุทธิ์ออกมาเป็นดวงไฟที่งดงาม ถวายเป็นพุทธบูชา การพ่นดวงไฟไม่สามารถทำได้เช่นนี้ทุกตัว การพ่นปริมาณมาก ขนาดใหญ่บ้างเล็กบ้าง ขึ้นอยู่บุญฤทธิ์ของแต่ละตัว
4
เครดิต: www.dmc.tv
บั้งไฟพญานาคนี้จึงมีเฉพาะบริเวณลุ่มแม่น้ำโขงเท่านั้น เมื่อถึงวันมหาปวารณา ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 หรือตรงกับวันออกพรรษาของประเทศลาว
4
ผมได้ไปร่วมงานวันออกพรรษาที่จังหวัดหนองคาย เมื่อปี 2556 และ 2557 ช่วงเวลาค่ำหลังจากท่องเที่ยวมาทั้งวัน ขณะที่ชมบั้งไฟพญานาคริมลำน้ำโขง สิ่งที่ได้เห็นคือ
4
ดวงไฟเป็นลักษณะดวงกลม ลอยขึ้นจากลำน้ำ ลอยขึ้นมาไม่ซ้ำที่เดิม ขึ้นเป็นลักษณะสุ่มเดา (Random) มีความสว่างของสีเหลือง สีเขียว สีแดงบ้าง ลอยขึ้นไปบนความมืดท้องฟ้า
4
เมื่อมองไกลๆ จะดูเหมือนมีขนาดเล็กๆ ซึ่งในความเป็นจริง ผมลองนึกเทียบสัดส่วนแล้ว น่าจะมีขนาดใหญ่มาก เพราะเรามองจากฝั่งตรงข้ามแม่น้ำโขง และมองจากระยะไกลมากขณะที่ดวงไฟผุดขึ้นจากน้ำ
4
ความสูงของดวงไฟหลายๆ ดวง คิดว่าสูงมากๆ เพราะขณะนั้นได้มีเครื่องบินบินผ่าน ซึ่งอยู่ในระดับเดียว หรือบางครั้งดวงไฟอยู่สูงกว่านั้นอีก
4
เวลาที่ดวงไฟลอยขึ้นไม่เสียงดังเลย แตกต่างจากพลุทั่วไป (เพราะบริเวณที่ผมชมนั้น ไม่มีนโยบายร้องรำทำเพลง หรือจุดประทัด หรือยิงๆ อุปกรณ์ใดๆ
4
ผมนับดวงไฟได้ประมาณห้าร้อยดวงเฉลี่ยของแต่ละปี
4
เครดิต: www.dmc.tv
ทัายที่สุด ผมได้ข้อสรุปที่ชัดเจนสำหรับตัวผมเองคือ มีดวงไฟดวงหนึ่งผุดลอยขึ้นมาจากลำน้ำตรงหน้าผมพอดี ระยะห่างประมาณสิบเมตร ซึ่งเป็นเรื่องบังเอิญที่เกิดขึ้นตรงจุดนั้นในรอบ 2 ปี
4
ดวงไฟมีลักษณะดวงกลมสีเหลืองสว่างเย็นตา มีขนาดเกือบเท่าตัวถังตอนหน้าของรถกะบะทั่วไป ลอยขึ้นอย่างนุ่มนวลด้วยความเร็วคงที่
4
ไม่มีความร้อนใดๆ เกิดขึ้น ไม่มีเสียงดังอะไร สูงขึ้นไป แต่ความสว่างไม่มีลดลงเลย ลอยสูงขึ้นไปจนลับสายตาที่ผมจะมองตามได้
4
ผมเล่าจากสิ่งที่เห็นกับตาเนื้อเท่านั้น ไม่เคยคิดว่าชีวิตผมจะได้พบเจอสิ่งที่ยากจะอธิบายสาเหตุได้เลย
4
จึงทำให้ได้ข้อคิดว่า “โลกของเรายังมีความลับ ที่ยังไม่สามารถหาคำตอบได้อีกมากมาย สิ่งที่เราไม่เห็นไม่ได้หมายความว่ามันไม่มี”
4
ผมจึงหันกลับมาศึกษาพุทธศาสนา และลงปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังมากขึ้นในเวลาต่อจากนั้นจนถึงปัจจุบัน
4
ส่วนท่านใดอ่านแล้วมีความเคลือบแคลงสงสัยประการใด สามารถสอบถามได้ ถ้าผมสามารถตอบได้ แต่ถ้าพิสูจน์ได้ด้วยตัวเองจะดีที่สุด แล้วใช้วิจารณญานตามเหตุอันสมควรครับ
4

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา