Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
The Dairy Sunset
•
ติดตาม
23 ต.ค. 2021 เวลา 10:23 • ท่องเที่ยว
ห้วงเวลาหนึ่ง : เขาแหลมหญ้ากับเวลาสั้นๆแต่จำไม่รู้ลืม
#TheDairyถ่ายก่อนตาย
ช่วงตลอดหลายเดือนที่ผ่านมากับสถานการณ์ที่ค่อนข้างตึงเครียด มนุษย์เงินเดือนอย่างเราต้องก้มหน้าก้มตาทำงานเผชิญกับโรคร้ายทุกวัน ถึงจะไม่ใช่ด่านหน้า แต่สภาพแวดล้อมที่เสี่ยง ไม่ว่าใครก็สามารถติดกันได้ทั้งนั้น เราทำงานแบบลืมวันลืมคืน สถานที่ที่ได้ไปคือบ้านและที่ทำงานเท่านั้น จนผ่านไปหลายเดือน สถานการณ์เริ่มดีขึ้น เราก็เริ่มหาเรื่องเดินทาง เพื่อฮีลตัวเองจากการตึงเครียดนั่งโต๊ะทำงานมาหลายเดือน พอได้เริ่มคิดแพลน พี่สาวที่รู้จักก็นำเสนอระยองมาชื่อแรกทันที(พี่สาวที่รู้จักเป็นคนระยอง) ที่เที่ยวที่แรก คนจะแนะนำให้รู้จักระยองที่ดังที่สุดของระยอง ก็คงจะต้องหนี ไม่พ้นเกาะเสม็ดแน่ๆ แต่เราต้องแปลกใจกับที่แรก ที่พี่สาวยืนยันว่า ถ้าอยากจะดูพระอาทิตย์ตกแบบจำไม่รู้ลืม ต้องไม่พลาดที่นี่”เขาแหลมหญ้า”
⬇️:มีต่อ
อยากเกริ่นก่อนว่า ถ้าใครได้เดินทางมาพอสมควรหรือเป็นสายท่องเที่ยวอยู่แล้ว ใครๆก็คงต้องรู้จัก
“อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า”อย่างแน่นอน แต่ด้วยความที่เราเริ่มหัดเดินทาง ความรู้เกี่ยวกับระยอง
กับสถานที่ท่องเที่ยวต้องเรียกได้ว่าเป็นศูนย์เลยก็ว่าได้ ถึงจะมีพี่สาวที่เป็นเจ้าถิ่น แต่ด้วยความหลงลืมไป
หลายๆอย่าง จากการที่เขาทำงานหนัก และภาระหน้าที่ต่างๆที่ต้องรับผิดชอบเลยไม่ค่อยได้เที่ยว ทั้ง
ที่ๆอยู่ใกล้บ้านเองก็ตาม พี่เราก็เลยพูดติดตลกเลยซะว่า”ดูเป็นคนนอกที่คุ้นเคยดีนะ” แพลนนี่ก็เลย
เหมือนเป็นการเปิดหูเปิดตาครั้งใหม่ของเราทั้ง6คน.
พวกเราเริ่มออกเดินทางแต่เช้ามืด ด้วยความตื่นเต้นจะได้เที่ยว พวกเราใช้เวลาขับรถจากกรุงเทพ-ระยอง
ใช้เวลาไป 3ชั่วโมงนิดๆ หลังจากที่เราเดินทางมาถึงระยองและแวะถ่ายรูปไปหลายที่ เราก็เข้ามาพักผ่อนนอนเอาแรง ก่อนออกไปดูพระอาทิตย์ตกตามเวลาที่นัดกันไว้ ช่วงเวลาที่คิดว่าพระอาทิตย์ตกที่น่าจะสวยที่สุดคือช่วงเวลา17.00-18.00 โมง เราหาที่พักแถวหาดสวนสน เพื่อให้เราได้ใกล้กับเขา
แหลมหญ้าที่สุด(ตามที่เราเข้าใจ)เผื่อหลับเพลินจะได้ไปทัน และใกล้กับท่าเรือเทศบาลบ้านเพ เพื่อจะไปขึ้นเรือไปเกาะเสม็ดให้ทันรอบ9โมงของอีกวัน กับสถานที่สุดท้ายเพื่อไปปิดทริประยอง.
หลังจากนอนเอาแรงกันจนได้เวลา เราก็ขับรถออกจากที่พักตรงมาที่อุทยานทันที พอขับมาถึงหน้าทางเข้า เราก็จ่ายค่าเข้าอุทยานคนละ40บาทและค่าที่จอดคันละ30บาท แล้วก็รอรถสองแถวมารับไปจุดชมวิว พอเราขึ้นรถกันเสร็จ เราก็แอบสังเกตุเห็นท้องฟ้าพร้อมแอบกลัวเล็กๆ ว่าฟ้าฝนจะไม่เป็นใจเท่าไหร่
แอบมีเมฆก้อนใหญ่ๆลอยมาบังพระอาทิตย์ ทำให้เราเฟลนิดๆ เพราะช่วงต้นเดือนตุลาก็ขึ้นชื่ออยู่แล้วว่าเป็นปลายฝนต้นหนาว.
พอรถมาถึงจุดชมวิว ทำให้เราใจชื้นอยู่บ้างเพราะลมค่อยๆพัดเมฆที่ค่อนข้างอึมครึมออกไป ทำให้แสงพระอาทิตย์ยามเย็นโผล่กลับมาอีกครั้ง กับบรรยากาศที่สดชื่น พอเรากวาดสายตาไปรอบๆ แบบไม่ทันมองให้ดีก่อน เสียงในหัวที่รีบด่วนสรุปก็ดังขึ้นมาทันทีว่า”ก็แค่ประมาณนี้และมั้ง” นี้เป็นข้อเสียที่น่า
ตีกระบาลจริงๆ เพราะเราไม่ได้ทำการบ้านมาก่อนเลย เพเหมือนไม่อยากโดนสปอยส์ และไม่ทันไรที่เรานั่งลงบนโต๊ะนั่ง มีพี่เจ้าหน้าที่เดินปรี่เข้ามา เหมือนอ่านใจเราออก แล้วมาพูดว่า”น้องตรงนี้ยังไม่ใช่ Top view นะ ต้องเดินตามสะพานไปเรื่อยๆจนสุดทางแล้วจะได้เห็นพระอาทิตย์แบบ180องศาเลย ” พอเราได้ยินจากคำแนะนำของพี่เจ้าหน้าที่ เราก็รีบเรียกเพื่อนๆเดินตามทางที่พี่เจ้าหน้าที่แนะนำทันทีก่อนแสงของวันจะหมดลง.
ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ทำให้นักท่องเที่ยวบางตามาก เสมือนว่าเรามีกันอยู่6คน แต่ก็ยังพอมีนักท่องกลุ่มอื่นอยู่บ้าง เราเลยชอบมากกับคนที่ไม่แออัดเท่าไหร่ พอเราเดินกันมาเรื่อยๆจนถึงจุดชมวิว สัมผัสแรกเลยคือลมพัดกระทบหน้าเราเบาๆ พร้อมกับเสียงคลื่นทะเลที่กระทบฝั่งกับแสงของพระอาทิตย์ช่วงสุดท้าย ก่อนจะลับขอบฟ้าไป มันเป็นช่วงเวลาที่เรากล้าพูดได้เลยว่า ไม่มีกล้องและเลนส์ตัวไหนบันทึกได้ดีกว่าสายตาของเรา กับผิวหนังที่สัมผัสลมอ่อนๆ มันเป็นบรรยากาศที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้ดีเท่าบรรยากาศจริงๆได้อย่างแน่นอน.
รานั่งกันลงช้าๆ หลังจากบ้าพากันกดชัตเตอร์บันทึกภาพกันยกใหญ่ ซึมซัมกับกลิ่นลม จนเราอยากมาที่นี่กันอีกซักวัน ทำให้ลืมไปเลยว่าจะไปปิดทริปที่เกาะเสม็ดกับแพลนเที่ยว3วัน2คืนของพวกเรา ที่จะอยากอยู่ตรงนี้ให้นานที่สุด ลืมเรื่องชีวิตพาร์ทของการเริ่มชีวิตวัยทำงาน หลังจากที่เราเรียนจบกันมาได้สักพัก
เพราะคิดไว้ว่า เวลาว่างคงจะเจอกันได้น้อยลง ชิวิตที่เราได้ร่วมหัวเราะ สนุกสนาน พากันเมาเละเทะเกเรกันบ้าง แต่ก็ยังกลับเข้าเส้นทางได้ตลอด พอถึงจุดนึงเราคงได้แยกย้ายกันไปคนละเส้นทาง ตามความฝันของแต่ละคน ก็เลยคิดไว้ว่าทริปนี้ คงเป็นทริปสั่งลาชั่วคราวของพวกเรา รอวันที่จะพร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง.
หัวใจของเราเหมือนจะเต้นช้าลง พร้อมกับสมองที่โล่งโปร่งทุกอย่าง กับความสดชื่นที่บอกไม่ถูก เสมือนว่าเราได้ทิ้งความเครียดจากงาน หรือความคาดหวังและปัญหาทุกอย่าง ปล่อยผ่านไปกับสายลมหมดแล้ว เหลือแค่เรากับหัวใจที่เบิกบานกับช่วงเวลาของพวกเราทั้ง6คนในเวลานั้น และเราก็หันหน้ามามองกัน พร้อมกับพูดพร้อมกัน เหมือนในซีนหนังเท่ๆตอนใกล้จบเรื่อง สั้นๆว่า”แม่งดีวะ” เหมือนจะพูดดูโอเวอร์ เว่อวังเกินไป แต่หลายปีมานี่ก็พึ่งจะได้เข้าใจกับคำว่า
” ผ่านมาแค่เสี้ยววิ แต่จดจำตลอดไป”
TheDairyถ่ายก่อนตาย
บันทึก
2
2
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย