24 ต.ค. 2021 เวลา 02:14 • การศึกษา
ส่วนตัวเองก็เคยเจอนะคะ พบได้ค่อนข้างบ่อยขึ้นในสังคมก็ว่าได้ค่ะ บางครั้งเขามองหาว่าเราเป็นคนมีปัญหา หรือโทษปัญหาที่เกิดใส่เราค่ะ พูดฉีกหน้ากันต่อคนอื่น ทั้งที่ไม่ใช่ปัญหาของเราก็มีค่ะ ซึ่งการที่เขาทำแบบนั้น อาจมีทั้งรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวค่ะ ถ้าเขาไม่รู้ตัวที่ทำแต่ค่อนข้างสนิทกันควรบอกเขาตามตรงค่ะในสิ่งที่เขาเป็นค่ะ เพื่อดีต่อตัวเขาเองและตัวเราเองค่ะ ช่วยเขาไม่ให้คนไม่ชอบเขาเพิ่มขึ้นด้วย คนบางคนอาจจะมีสภาวะbiasเกิดขึ้นค่ะ อคติ ปฏิเสธความคิดคนอื่น และเชื่อมั่นในความคิดตัวเองสูงค่ะ เลยบ่ายเบี่ยงปัญหาให้แก่คนอื่นเพราะในใจทนต่อสภาวะตนเป็นคนผิดไม่ได้ และยังคงเชื่อว่าตัวเองถูกค่ะ อีกแบบนึงคือการreplacementค่ะ ชีวิตเขาอาจจะมีปมด้อย หรือการแก่งแย่งแข่งขันสูงระหว่างพี่น้อง ครอบครัว หรือไม่ค่อยได้รับความอบอุ่น การดูแลจากครอบครัวที่ดีพอ หรือครอบครัวหรือสิ่งรอบตัวทำให้เขารู้สึกอ่อนแอค่ะ
เขาก็เลยทำการreplacement แทนที่ความรู้สึกอ่อนแอในใจเขา โดยการหาจุดเป้าหมายค่ะ ในเด็กก็อาจจะเป็นเพื่อนที่ทำตัวเงียบๆ ไม่ค่อยมีกลุ่มหรือบทบาทเท่าไหร่ ในคนที่วัยทำงานก็อาจจะเป็นคนในบังคับของตัวเอง ลูกน้อง ลูกจ้างที่ตำแหน่งน้อยกว่าตัวเอง เด็กเพิ่งเข้างานใหม่แบบนี้ค่ะ โดยพฤติกรรมที่ทำมีตั้งแต่ การใส่ร้าย นินทา พูดชักจูงให้คนอื่นไม่ชอบเรา บูลลี่ หรือโยนปัญหามาให้ว่าเป็นของเรา เมื่อเราไม่ตอบโต้ ก็เหมือนยอมรับ เขายิ่งได้ใจ แต่พอตอบโต้กลับ เรากลายเป็นคนไม่ดีทันที(ในสายตาคนอื่นด้วยค่ะ สังคมเดี๋ยวนี้ใส่หน้ากากหากัน ยิ่งสังคมทำงานยิ่งไว้ใจใครไม่ได้ แม้แต่สังคมวัยเรียนเดี๋ยวนี้ก็คบกันเพราะผลประโยชน์ค่ะ ก็ไม่ชอบคนนี้คนที่ใกล้กันหรือใต้อำนาจเขาต้องไม่ชอบคนนี้ด้วย ไม่ต้องไปยุ่งหรือคุยกับคนนี้ แบบไม่สนถึงเหตุผลว่าจริงเท็จยังไง ก็เพราะกลัวโดนตัดขาดจากกลุ่ม ก็ต้องทำค่ะ แต่เราไม่สนใจเลยค่ะ ไม่ได้ขอให้มาคบ )
คนเราผิดถูกควรมองตามความเป็นจริงไม่biasค่ะ ไม่อคติ ให้เป็นคนที่ชอบหรือไม่ชอบ ควรกลางๆค่ะ ไม่ใช่ไม่ชอบเขา ดูตามความจริงว่ามีปัญหาจริงไหมหรือเกิดจากอะไร ไม่ใช่เพราะไม่ชอบเลยโยนปัญหาให้หรือมองว่าเรามีปัญหาเอง แบบนี้ไม่ถูกต้องค่ะ ให้ต้องโดนเพื่อนไม่ชอบบ้าง แต่การที่คุณเข้าข้างกันเอง ไม่สนใจว่าถูกผิด การบูลลี่จึงเกิดเพิ่มขึ้นในสังคมค่ะ ยอมเป็นคนแตกต่างในความถูกต้อง ดีกว่าเป็นคนไม่แปลกแยกกลุ่มแต่เหยียบย่ำความรู้สึกคนอื่น แบบนี้ไม่ทำค่ะ ท้ายสุดแล้ว ส่วนมากก็เพื่อนไม่จริงค่ะ ยิ่งให้ค่า ยิ่งสนใจ ยิ่งได้ใจค่ะ คบกันตอนหวังผลค่ะ เพราะงั้นถ้าต้องร่วมงานกับคนแบบนี้ก็คุยกันตามจำเป็นค่ะ คิดว่าทำตามหน้าที่ค่ะ วางตัวกลางๆแม้ในใจจะชอบหรือไม่ค่ะ ไม่ให้ค่าในคำพูดเขาค่ะ มองเป็นอากาศ เมินๆไป ที่สำคัญคือห้ามเก็บความรู้สึกลบๆมาลงในใจเราค่ะ เราเคยเก็บความรู้สึกมาลงในใจเราค่ะ จนความคิดลบเต็มไปหมด จนรู้สึกเศร้าเลยค่ะ
แต่ลึกๆพอมองตามความจริง ก็ต้องดูตามถูกผิดว่ามาจากเราไหม ถ้าใช่ก็แค่ปรับปรุงตัวค่ะ แต่ไม่ใช่ผิดเพราะความรู้สึกคนอื่น แบบนี้ก็ไม่จำเป็นต้องรู้สึกไม่ดีค่ะ ถ้าเราไม่ใช่คนผิดหนิ ทำไมต้องโทษตัวเอง เราแบกโลกหรือเป็นที่รับความรู้สึกของใครไม่ได้หรอก เพราะมันจะทับถมใจเราเองค่ะ คนบางคนอาจไม่รู้ตัว ก็น่าเห็นใจ บางคนทำเพราะรู้สึกสนุก มีความสุข ก็ไม่ต่างจากการมีความสุขบนความทุกข์คนอื่นค่ะ ไม่มีใครชอบการถูกบูลลี่ แต่ตัวเองบูลลี่คนที่ไม่ชอบ คนที่คิดต่าง อ้างว่าเป็นกรณีพิเศษ แบบนี้คุณก็ไม่ต่างจากสิ่งที่คุณไม่ชอบเลยค่ะ เราต้องคิดว่าไม่ชอบคนแบบไหน ก็อย่าเป็นคนแบบนั้นเสียเองค่ะ คนเราต้องเจอคนอีกมากมายค่ะ มีดีบ้างไม่ดีบ้าง ก็เหมือนเหรียญ2ด้านค่ะ มีทั้งดำและขาว อยู่ที่ว่าจะปรับตัวเข้าหากันได้ไหม ถ้าไม่ได้ก็คือไม่ได้ค่ะ ไม่จำเป็นต้องเป็นคนรั้งความสัมพันธ์ค่ะ อย่าคิดว่าใครจะถูกทั้งหมดหรือไม่ถูกทั้งหมดค่ะ
บางอย่างให้ดีที่สุดในชีวิตเราเลย เขาก็ยังเฉยๆหรือไม่ชอบค่ะ แต่คนบางคนทำผิด ก็ยังมีคนให้กำลังใจหรือชื่นชมค่ะ ผิดถูกอยู่ที่ใครมองค่ะบางที ท้ายสุดเราก็ต้องอยู่กับตัวเอง และคนที่ทัศนคติคล้ายตัวเองค่ะ ไม่ให้ค่าคนที่เขาไม่สนใจความรู้สึกเราค่ะ ปล่อยๆเขาไปค่ะ ความรู้สึกต่อใครก็เหมือนชมงานศิลป์ค่ะ มีชอบ เฉยๆ ไม่ชอบ เราเอาใจเราไปวัดบางทีก็หนักค่ะ บางทีก็ต้องปล่อยไป ทำเท่าที่เราทำได้ค่ะ
โฆษณา