24 ต.ค. 2021 เวลา 05:42 • ปรัชญา
ไม่มีใครรวมโลกให้เป็นหนึ่ง เพราะโลกมันหมุนไปตามกาลเวลา มีแต่จิตน้อยๆ กายน้อย มาอาศัยบนโลกใบนี้ ที่ประกอบขึ้นมาด้วยธาตุดินน้ำลมไฟ มาอาศัยที่รูปก่อขึ้นมาชั่วขณะหนึ่ง เรื่องเรียนเรื่องราวของธรรมชาติในโลกใบนี้ มีนานารูปที่มีชีวิต ไม่มีชีวิต ให้พบให้เห็น บางรูปก็ประกอบด้วย ทิฐิความคิด ทะเยอทะยาน อยากจะยิ่งใหญ่ เป็นผู้ยิ่งใหญ่ อยากจะมีฤทธิ์..ฤทธิ์ที่อารมณ์ของตนปรุงแต่งขึ้นมา เรียนรู้ทฤษฎีต่างๆมากมาย เรียนมาเรียนมากตามกาลเวลาของโลกที่ไม่เคยหยุดนิ่ง มีเวลาให้มนุษย์แต่ละดวงได้เสพด้วยวิญญาณหูตาจมูกลิ้นกายใจที่ตนเองอาศัย ปราศจากวิญญาณที่สมบูรณ์ ความสุขที่อารมณ์ปรนเปรอให้ ก็ขาดหาย
เมื่อมันขาดหายไปก็เหลือแต่คำว่าสัญญาจำ จำได้จำไม่ได้ กาลเวลาไม่เคยหยุด หมุนไปวันหนึ่งคืนหนึ่ง ก็หลงใหลวิญญาณที่อารมณ์ปรุงแต่ง มีพฤติกรรมเหมือนวิญญาณเปรต วิญญาณอสุรกาย วิญญาณสัตว์ วิญญาณเทพยดา ล้วนเกิดขึ้นในวิญญาณ ให้หลงใหลเพลิดเพลิน สนุกสนาน ไปในเรื่องราวต่างๆ จนแก่เฒ่า
1
เมื่อเฒ่าชรา ทุกสิ่งที่ตนอาศัย ก็ค่อยๆปะทุขึ้น ประทุไปในทางเสียหายทำลาย บำรุงเท่าไหร่ ก็ไม่ฟื้นมีกำลังเหมือนหนุ่มสาว จากที่ว่าแข็งแรง ทนงตน ก็ค่อยๆ เบาเทาลง อนิจจา..ความเสื่อม ความสูญสลายของกายที่อาศัย ใกล้เข้ามา จิตถูกแช่แป้งเสียแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้..ใกล้เวลาคืนสังขารไปรวมกับดินน้ำลมไฟในโลกเป็นมหาธาตุที่ยิ่งใหญ่ เมื่อถึงคราวนั้นก็ขอกราบลาพระแม่ธรณี พระแม่พระคงคา พระแม่พระเพลิง พระแม่พระพายที่สงเคราะห์จิตน้อยๆ ได้มาอาศัยเรียนรู้ เรื่องราวของโลก ที่จิตไปหลงยึดในสิ่งมีชีวิตไม่มีชีวิต เป็นพันธะเป็นบ่วงให้ต้องมาเกิดแล้วเกิดอีก
เกิดจนจำไม่ได้ ว่าเกิดไปอะไรบ้าง ไม่เคยนึกเฉลียว หาเหตุผล ว่าที่ต้องมาเกิดเป็นเพราะอารมณ์ เกิดมาก็อยากยิ่งใหญ่ ทะเยอทะยาน หล่อเลี้ยงสังขาร ไม่คำนึงถึงว่า ใครจะเป็นอย่างไรคิดอะไร มีแต่คิดรวบรวมให้เป็นใหญ่ รวบรวมกรรมให้ใหญ่ในจิตตนให้ผูกติดอยู่กับโลก ต้องชอกช้ำด้วยความสมหวังไม่สมหวัง แล้วจากลาด้วยสะสางเรื่องราวที่หลงใหลยึดถือสิ่งปรุงแต่งให้มีตัวมีตน โลกสมมุติกับวิมุตตินั้นอยู่ใกล้กัน จิตแต่ละคนแต่ละดวงต้องฝึกหัดกระทำกันเอง มาเพียงจิต ไปแต่จิตดวงเดียว ชวนใครไป ก็ไม่มีใครไปด้วย ต้องไปคนเดียวแน่นอน
โฆษณา