29 ต.ค. 2021 เวลา 13:20 • นิยาย เรื่องสั้น
เรื่อง ...มนต์รักข้ามภพ
เขียน...CORDIA
หมวด....นิยายรักผู้ใหญ่
ตอนที่ 17
กินในที่ลับ
เดือนแรมดิ้นรนเอาตัวรอดเมื่อถูกจู่โจมไม่ทันตั้งตัว เธอใช้กำปั้นมือทุบไปที่บ่าแข็งแรงเพื่อให้เขาปล่อย แต่หมื่นพรรธน์ยศใช้ความแข็งแรงและว่องไวของตนเองจับล็อกแขนเธอไพล่หลังเอาไว้
"ไยเจ้าไม่ปลุกข้า ปล่อยข้านอนหนาวอยู่คนเดียว" เสียงเอ่ยตัดพ้อไม่จริงจังนัก เขาไล่จุมพิตตามไหล่นวลเนียน ผิวของเดือนแรมนุ่มเนียนละเอียด จูบต่ำลงมายังเนินอกสาวแรกรุ่น
"ปล่อยข้าเถิด"
"แม่เจ้าไปไหนรึ บนเรือนมิมีผู้ใดเลย" หมื่นพรรธน์ยศเอ่ยถามชิดริมหูขบกัดติ่งหูขาวเบา ๆ จนร่างบอบบางสะท้านขนลุก เธอเกร็งแข็งขืนจนเขารับรู้ได้ เขาเพียงตั้งใจลงมาถามไถ่เท่านั้น แต่พอมาเห็นร่างบอบบางของเดือนแรมที่มีผ้ากระโจมอกเปียกน้ำรูดแนบไปกับลำตัว เน้นสัดส่วน แล้วยิ่งมาเห็นตอนที่เธอกำลังเลิกชายผ้าขึ้นมาไว้ที่โคนขาขาว หมื่นพรรธน์ยศจึงเกิดความกระสันต้องการจึงไม่รีรอเข้าจู่โจมทันที
"ตักบาตรเจ้าค่ะ" เธอตอบเขาเสียงสั่น พยายามควบคุมร่างกายตัวเองไม่ให้คล้อยตามเขา ท้องไส้ปั่นป่วนเมื่อเจออาการรุกอย่างหนักหน่วงของหมื่นพรรธน์ยศ มือของเขาสอดเขาไปที่ชายผ้าลูบไล้ขาอ่อนใต้ร่มผ้า เดือนแรมจิกนิ้วเท้าของตนเองด้วยความเสียวสะท้าน "อย่าเจ้าค่ะ"
"อื้อ ข้ารู้เจ้าชอบแบบนี้" เดือนแรมพยายามดึงมือเขาออกจากตรงนั้นของเธอ แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ
"น้ำของเจ้าไหลเต็มนิ้วข้าเลย ข้าหิวน้ำ" เขาถอดนิ้วออกมาชูให้เดือนแรมเห็นว่านิ้วของเขามีน้ำของเธอ ก่อนจะดูดกินต่อหน้าเธอ เดือนแรมอายม้วนก้มหน้าซ่อนความอายใบหน้าสวยเห่อร้อนแดงลามถึงใบหู
เดือนแรมตกอยู่ในภวังค์ชั่วขณะไม่รู้ตัวว่าบัดนี้หมื่นพรรธน์ยศทรุดกายนั่งคุกเข่าบนพื้น ด้วยความที่ตรงนี้มีผนังใบจากกั้นอีกฝั่งส่วนด้านหน้าของเธอมีโอ่งใส่น้ำขนาดใหญ่ตั้งอยู่สองใบ จึงไม่มีใครเห็นว่าเธอกับเขากำลังทำสิ่งใดกันอยู่ อารามตกใจที่ถูกจับแยกขาออกก่อนที่ใบหน้าคมคายของหมื่นพรรธน์ยศจะเคลื่อนมาอยู่ตรงหว่างขาของเธอ
"โอ๊ะ ท่าน"
////ปิดเนื้อหา////
เขาเร่งจังหวะส่วนล่างให้เร็วขึ้น ไม่คิดว่าการทำแบบนี้กลางแจ้งล่อสายตาผู้คนเช่นนี้จะทำให้อารมณ์ความอยากมันจะเพิ่มขึ้นสูง จนเขาแทบควบคุมร่างกายของตนเองไม่ได้ทั้งที่ตั้งใจจะเอาออกมาหลั่งด้านนอก แต่ไม่ทันเสียแล้วจึงปล่อยเลยตามเลย เมื่อพายุร้อนรักสงบลง เดือนแรมรีบใช้ขันตักน้ำมาราดทำความสะอาดร่างกายของตนเองก่อนจะเดินขึ้นเรือนไป ส่วนหมื่นพรรธน์ยศไม่สามารถขึ้นเรือนได้อีกจึงนั่งรอเดือนแรมโยนเสื้อผ้าลงมาให้เขาทางหน้าต่างแทน
วันนี้เป็นวันขึ้นสิบห้าค่ำซึ่งเป็นวันพระใหญ่ ที่เหล่าเจ้านายบนเรือนจะลงมาที่ท่าน้ำเพื่อตักบาตรพระภิกษุสงฆ์ รวมถึงแม่เกสรสะใภ้เอกท่านหญิงเทียนกำลังเดินกลับเรือนของตนเองแต่สายตาก็ดันไปสะดุดกับผู้ชายที่คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นหมื่นพรรธน์ยศคู่หมั้นของน้องสาวสามี แต่ทำไมถึงมาแต่เช้าตรู่แล้วยังเดินมาจากด้านหลังซึ่งเป็นเรือนของแม่เดือนภรรยาคนที่สองของท่านพระยาเกรียงไกร
"อีทอง มึงดูช่วยกูหน่อยสิ นั่นใช่หมื่นพรรธน์ยศลือไม่ ทางโน้น" นางทองหญิงรับใช้ส่วนตัวของแม่เกสร ที่เธอไว้วานให้ช่วยดูให้แน่ใจว่าเธอตาไม่ฝาด และยังเป็นเมียบ่าวของท่านเจ้าของเรือนอีกด้วย
"ใช่เจ้าค่ะ นั่นท่านหมื่นพรรธน์ยศแน่นอนเจ้าค่ะ แต่ไยถึงเดินมาจากทางนั้นเล่า" นางทองเองก็สงสัยไม่ต่างกับเจ้านายสาว แต่เกสรก็ไม่ได้ต่อความยาวสาวความยืดใด ๆ กับหญิงรับใช้ เพราะไม่ต้องการให้พวกบ่าวไพร่เอาเรื่องของเจ้านายไปติฉินนินทา นางทองเองอยู่กับเธอมานานหลายปีจนรู้นิสัยใจคอกันดี ว่ามันนั้นปากสว่างเพียงใด รู้เพียงหนึ่งแต่เอาไปพูดขยายความเป็นสิบ
นกบ่าวรับใช้ท่านหญิงเทียนเดินกึ่งวิ่งมาทางเธอ
"มีกระไรอีนก เดินมาเป็นม้าดีดกะโหลกเชียวนะมึง" นกหน้าหงอยเมื่อถูกดุ นกเคยเอาเรื่องเจ้านายไปพูดกันสนุกปากว่าทั้งแม่ย่าทั้งลูกสะใภ้นิสัยเจ้ากี้เจ้าการเหมือนกัน
"ท่านพระยากับท่านหญิงเทียนให้มาตามอีทองไปพบเจ้าค่ะ"
"เรื่องกระไร ห๊ะ อีทอง มึงไปทำกระไรผิดมา กูมิช่วยพูดให้แล้วหนา"
"เปล่าเจ้าค่ะ บ่าวแค่ท้องเจ้าค่ะ" มันพูดไปพร้อมกับก้มหน้ายิ้มน้อย ๆ อย่างเคอะเขิน นางทองเป็นหนึ่งในเมียบ่าวของท่านพระยาเกรียงไกร เพิ่งจะเคยขึ้นไปรับใช้ท่านพระยาบนเรือนเมื่อปีก่อน ท่านหญิงเทียนเป็นคนสั่งให้ไปรับใช้สามีของตนเอง แต่พักหลังมานี่มันไม่ได้ขึ้นไปรับใช้ท่านเกือบสองเดือนแล้ว ตั้งแต่แม่ปรางหายตัวไปกอปกับท่านพระยาฯ ล้มป่วยหนัก
ไม่อยากจะคิดเลยว่าท่านพระยาฯ อายุหกสิบกว่าไปแล้วยังสามารถทำนางทองตั้งครรภ์ได้ อดเอาไปเปรียบเทียบกับสามีของตนเองไม่ได้ สิบสามปีแล้วที่แต่งงานอยู่กินกันมา ใช่ว่าเธอไม่อยากมีลูกแต่ทำอย่างไรเธอก็ไม่ท้องเสียที ทุกคนโทษว่าเธอนั่นอ่อนแอไม่แข็งแรงโดยเฉพาะสามีของเธอ ขุนปวรรัชดลกล่าวโทษเป็นความผิดเธอแล้วไปมีผู้หญิงคนอื่นนับไม่ถ้วน เมียบ่าวที่เธอพอจะรู้ก็มีนางแต้มที่ผัวของเธอทั้งรักทั้งหลงมัน แอบย่องไปหามันทุกคืนแล้วกลับมาในตอนเช้า วันนี้ก็เช่นกัน เกสรเดินกลับเรือนคนเดียวให้นางทองไปกับนางนก ส่วนเธอจะตามไปทีหลัง
"กลับมาแล้วลือเจ้าคะพี่ขุน น้องนึกว่าจักมิกลับมาแล้วกระมัง" เกสรพูดจากถากถางผู้เป็นสามี เธอไม่พึงใจนักที่สามีของตนเองไปหลับนอนกับผู้หญิงคนอื่น แล้วผู้หญิงพวกนั้นก็เป็นเพียงขี้ข้าในเรือนเบี้ยเท่านั้น เกสรทุกข์นักเคยนอนร้องไห้ทุกคืนเมื่อคืนตื่นมาไม่เห็นสามีนอนเคียงข้าง แล้วยังมาน้ำตาตกในเมื่อเห็นเขากลับมาในสภาพเนื้อตัวมีแต่รอยแดงเป็นจ้ำ มันคงปรนเปรอถึงพริกถึงขิงผัวเธอถึงได้ติดใจมันนัก
"แม่เกสรไปใส่บาตรมาลือจ๊ะ อ้าว แล้วอีทองมันหายหัวไปไหนไยให้เมียพี่เดินกลับมาคนเดียวแบบนี้ พี่จักจัดการมันให้หลังลายเลยคอยดู"ขุนปวรรัชดลไม่สนใจคำพูดถากถางของเมียรัก แต่เปลี่ยนไปพูดคุยอีกเรื่อง เขาเป็นแบบนี้จนเธอชินชาไปเสียแล้วเมื่อก่อนยอมรับเลยว่าโกรธจนควันออกหู
"พ่อท่านเรียกหาเจ้าค่ะ สงสัยคงจักให้ของกำนัลที่มันมีลูกให้ท่านพ่อได้กระมัง" เกสรไม่ได้อยากจะยกเรื่องนี้มาพูดให้สามีสะเทือนใจ แต่ด้วยความหมั่นไส้ที่เขาทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนเช่นนี้ จึงอดเอาปมในใจของเขามาพูดให้ขุนปวรรัชดลเจ็บใจเล่นไม่ได้
และเป็นอย่างที่คิดเมื่อสีหน้าของสามีสลดลง จากแววตาขี้เล่นเมื่อครู่ดูเศร้าสร้อยลงอย่างเห็นได้ชัด จนผู้เป็นเมียแต่งนึกสงสารอยากจะหยิกเนื้อตนเองที่พูดเรื่องนี้ออกไป
"พี่ขุน"
"ช่างเถิด ฝากแม่เกสรด้วยหนา ข้าคงมิไป" ขุนปวรรัชดลเหลือบตามองภรรยาก่อนจะเดินขึ้นเรือนไปทันที เมื่อเห็นอาการผิดหวังในแววตาของสามีทำให้เกสรตัดสินใจเดินตามขึ้นเรือนไป
"น้องมิได้ตั้งใจพูดให้ท่านคิดมาก น้องขอโทษเจ้าค่ะ"
"หากเจ้าแข็งแรง ป่านนี้ลูกพี่คงจักโตแล้ว เราแต่งงานอยู่กินกันมาหลายสิบปีแล้วหนาไยเจ้าถึงมิท้องมีลูกให้พี่เสียทีเล่าแม่เกสร" เกสรตกใจไม่คิดว่าสามีจะพูดกับเธอออกมาเช่นนี้ ทั้งที่เธอพยายามรักษาน้ำใจเขาอย่างถึงที่สุด
"ไยท่านถึงพูดเช่นนี้กับข้า ขุนแปด!!" เธอตัดพ้อเอ่ยถามด้วยความเสียใจไม่คิดว่าสามีที่รักจะมีความคิดเห็นแก่ตัวเช่นนี้ เขากล้าทำร้ายจิตใจเธอ
"ลือมิจริงเล่า หากเจ้ามีลูก พี่จักไปมองหญิงอื่นไปไยกัน"
"ท่าน! แน่ใจลือเจ้าคะ แล้วไยอีแต้มมันถึงไม่ท้องเล่าเจ้าคะทั้งที่ท่านก็แอบไปหามันอยู่บ่อยครั้ง เมื่อคืนท่านก็คงอยู่กับมัน" เธอโกรธจัด อารมณ์ฉุนเฉียวเกรี้ยวกราด เธอไม่อาจทนฟังคำพูดที่ไม่ต่างจากคมมีดกรีดหัวใจเธอให้เจ็บได้
"....."
"ข้าก็เป็นลูกพระยานาหมื่นเฉกเช่นเดียวกับท่าน ข้ารักจึงยอมมาอยู่กับท่านที่นี่ดูแลท่านดูแลแม่ท่าน ไยท่านถึงทำข้าเจ็บเจียนตายเช่นนี้ ขุนแปด!" เกสรพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือตัดพ้อน้อยเนื้อต่ำใจผู้เป็นสามี เธอเองก็มีเลือดเนื้อของผู้หลากมากดี บิดาของเธอเองก็เป็นถึงท่านพระยาดำรงศักดิ์ เธอเองถูกเลี้ยงดูดังไข่ในหิน ยุงไม่ไต่ไรไม่ให้ตอมแต่ก็ยอมแต่งงานออกเรือนมาอยู่ต่างเมืองจากบ้านจากเมืองมาไกล
"เจ้าอย่ามาโทษพี่ ก่อนที่เราจักแต่งงานกันเจ้าเองก็ป่วยกระเสาะกระแสะมาหลายปี จนได้ยาดีจากหมอจีนมีชื่อเสียงเรื่องลือในพระนครที่ข้าหามารักษาจนหายดี"
"แต่ข้าเป็นเมียท่าน ท่านควรจักรักษาน้ำใจข้า" ขุนปวรรัชดลนิ่งไปสักพัก เมื่อสำนึกได้ว่าตนเองพูดจารุนแรงเกินไป
"หากอีแต้มมันสามารถตั้งท้องให้ลูกกับพี่ได้ พี่จักยกให้มันเป็นเมียรองจากเจ้าแม่เกสร" ขุนปวรรัชดลชี้คำขาด เขารู้ดีว่าคำพูดของเขามันแทงใจดำเมียเพียงใด แต่เรื่องพวกนี้ของผู้ชายถือเป็นเรื่องใหญ่ไม่ควรเอามาหยามเกียรติกันเช่นนี้
"ขุนแปด!" เธอส่งเสียงร้องเรียกเขาที่เดินหุนหันออกจากห้อง ลงเรือนจากไป แม่เกสรทรุดกายลงนั่งกับบันไดเรือนน้ำตาไหลอาบแก้ม เสียงร้องของเธอดังลั่น เธอไม่สนใจอะไรแล้วว่าเธอเป็นเจ้านายจะต้องสำรวมเพียงใด บัดนี้ความเจ็บปวดในหัวใจมันกำลังทำให้ใจเธอแตกสลาย สามีที่เธอรักและภักดีมาโดยตลอดเปลี่ยนเป็นคนละคน
เรื่องผัวเมียทะเลาะกันเข้าถึงหูของท่านหญิงเทียน จากปากนางทองบ่าวรับใช้ของแม่เกสร หากจะเป็นเพราะเรื่องการตั้งครรภ์ของเมียบ่าวท่านพระยาเกรียงไกรแล้วไปกระทบจิตใจของทั้งสองคน ด้วยความเป็นแม่และความผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อนย่อมรู้ดี แม้จะไม่อยากจะเข้าไปยุ่งเรื่องผัวเมียเพราะทั้งขุนปวรรัชดลทั้งแม่เกสรก็ต่างโตเป็นผู้ใหญ่ แต่ท่านคงไม่อาจนิ่งดูดายได้อีกต่อไปเมื่อแม่เกสรสะใภ้รักมาหาที่เรือนเพื่อกราบลาขอกลับบ้านไปหาบิดามารดาด้วยใบหน้าที่มีคราบน้ำตา ดวงตาแดงก่ำ และยังเสียงที่สั่นสะอื้น ท่านจึงไม่อาจปล่อยให้เกสรกลับบ้านได้ อยากจะให้ปรับความเข้าใจกันให้ได้เสียก่อน
ท่านหญิงเทียนรอลูกชายกลับมาจากทำงาน นั่งรอจนฟ้าเปลี่ยนสีลูกชายก็ไม่กลับมาเสียทีจนกระทั่งบ่าวรับใช้วิ่งมาบอกว่าเรือท่านขุนปวรรัชดลกลับมาแล้ว จึงได้มายืนรอที่ชานเรือนฝั่งที่ลูกชายจะเดินผ่าน
"ไหว้ขอรับท่านแม่ ยังมินอนอีกลือขอรับ" กลิ่นเหล้าหึ่งจนท่านหญิงไม่อาจทนได้ยกมือขึ้นปิดจมูกแล้วก้าวถอยหลังไป
"ไยเมามายมาเยี่ยงนี้ลูกเอ๊ย เจ้าขึ้นไปคุยกับแม่บนเรือนก่อนหนาพ่อขุนของแม่"
บอกลูกแล้วจึงเดินนำขึ้นเรือน ส่วนลูกชายที่ทำท่าจะปฏิเสธเมื่อเห็นว่ามารดาเดินห่างออกไปแล้วจึงจำต้องเดินตามขึ้นเรือนไป ก่อนจะเดินไปขุนปวรรัชดลหันมาสั่งไอ้เมฆให้ไปตามแต้มมารอเขาที่ห้อง ซึ่งวันนี้ตั้งใจจะไม่กลับเรือนไปหาแม่เกสรเขาจะลบคำสบประมาทของแม่เกสรให้ได้ นางแต้มต้องท้อง
"แม่เกสรมาขอแม่กลับไปหาพ่อกับแม่ของนาง เจ้าจักตามไปด้วยลือไม่"
"ไม่ดีกว่าขอรับ นางคงอยากจักกลับผู้เดียว" ขุนปวรรัชดลตอบมารดาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเหมือนกับว่าคนที่พูดถึงไม่ใช่เมียของตน
"พ่อขุน แม่เกสรเป็นเมียเจ้าหนาลูก ไยลูกมิรักษาน้ำใจนางบ้างนางจากบ้านจากเมืองมาไกลเพื่อมาใช้ชีวิตคู่ผัวตัวเมียกับลูกหนาพ่อแปด"คำพูดของท่านหญิงเทียนทำให้ลูกชายไม่กล้าสบตา ดวงตากลมรีสั่นระริกเมื่อถูกมารดาพูดแทงใจดำ
"นางกล่าวโทษว่าเป็นเพราะลูกที่ทำให้นางมิตั้งท้อง ลูกเลยตั้งใจจักทำอีแต้มท้องให้จงได้และหากอีแต้มมันท้องลูกจักขอให้มันเป็นเมียรองของลูก"น้ำเสียงหนักแน่นของลูกชายทำเอาคนเป็นแม่ยกมือทาบอก
"เยี่ยงไรเสียนางก็เป็นเมียตบเมียแต่งของเจ้า ท่านพ่อเจ้ามิเคยยกเมียบ่าวพวกนั้นขึ้นมาเทียบเคียงแม่เลยท่านพ่อมิเคยหยามเกียรติแม่เหมือนที่เจ้ากำลังทำกับเมีย จักทำกระไรก็จงคิดให้รอบคอบ" ท่านหญิงแม่เตือนสติลูกชายทิ้งท้ายก่อนจะเดินจากไป
ขุนปวรรัชดลคิดย้อนกลับไปถึงเรื่องเมื่อวานเขาทำอะไรลงไป การที่ต้องมาใช้ชีวิตร่วมกันฉันท์สามีภรรยากันมันต้องนึกถึงจิตใจของกันและกัน ไม่ใช่จ้องแต่จะเอาชนะกันแบบนี้ นี่เขาทำอะไรลงไปขุนปวรรัชดลหัวเสียอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่เคยทะเลาะกับแม่เกสรหนักถึงเพียงนี้เลยเขารู้ตัวดีว่าเป็นสามีที่ไม่ดี ทำเธอเสียใจมาหลายครั้งแต่เธอก็ดูแลเขามาเป็นอย่างดีอาจจะมีพูดจาเหน็บแนมแทงใจดำให้เจ็บบ้างเป็นครั้งคราว พอเธอหายโกรธใจเย็นลงเธอก็มาดูแลปรนนิบัติเขาเช่นเดิม
เขาเดินกลับมายังเรือนของตนเองที่มีแม่เกสรอยู่แทนที่จะไปหาอีแต้ม เขาไม่ควรทำให้เธอขุ่นเคืองหมองใจเรื่องนี้ เขานึกถึงคำพูดของมารดาอย่างไรเสียเธอก็เป็นเมีย
"กูบอกว่าเยี่ยงไรอีทอง ไยมึงถึงไม่ไปเสียกำลังท้องกำลังไส้มึงควรนึกถึงลูกในท้องมึงมิใช่มาห่วงกู" เกสรพูดเสียงขุ่นไม่พอใจนัก ที่บ่าวรับใช้ยังไม่ไปไหน ทั้งที่เธออยากอยู่คนเดียวเธอพูดออกไปทั้ง ๆ ที่ยังหันหลังให้ประตู จึงไม่รู้ว่าคนที่เปิดประตูเข้ามาเป็นสามีของเธอเอง
"แม่เกสร" ขุนปวรรัชดลเรียกภรรยาเสียงแผ่วเบา เกสรผงะเมื่อเสียงที่เรียกเธอเป็นเสียงของสามี เขากลับมาง้อเธอหรือน้ำตาที่เหือดแห้งไปแล้วตอนนี้มันกำลังเอ่อล้นขึ้นมาอีกครั้ง ทุกครั้งที่ทะเลาะกันเถียงกันขุนปวรรัชดลจะหายไปแล้วจะกลับมาอีกครั้งและทำตัวปกติเหมือนไม่เคยมีเรื่องผิดใจกัน
"มีกระไรเจ้าคะ จักมาบอกข่าวดีแก่น้องลือเจ้าคะลือจักมาไล่น้อง" เธอพูดออกไปด้วยความน้อยใจ เพราะเมื่อวานหลังจากที่ทะเลาะกันขุนปวรรัชดลไม่กลับมานอนกับเธอเลย คงจะไปอยู่กับนางแต้มเมียบ่าวอยู่กระมัง
"โธ่ พี่มิได้คิดจักไล่เจ้าไปที่ใดเลย พี่เพียงแต่อยากจักมาขอโทษได้โปรดอภัยให้พี่ด้วยเถิดหนา" เกสรหันหน้ากลับมามองสามีเพราะตกใจและแปลกใจคำขอโทษหลุดออกจากปากเขา เขาเป็นถึงท่านขุนแต่กลับยอมมาขอโทษเธอด้วยตนเอง และยังขอให้เธอให้อภัยเขาอีก
"คะ คือ..."เธอทำตัวไม่ถูกและไม่รู้จะพูดอะไรเมื่อสามีมากล่าวขอโทษด้วยความจริงจังอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เกสรกะพริบตาถี่เพื่อไล่น้ำตาออกไปเธออยากมองเห็นใบหน้าของเขาให้ชัดเจนขึ้น
"อภัยให้ผัวมิเอาไหนผู้นี้ได้ลือไม่แม่เกสร" เมื่อเจอความออดอ้อนของสามีทำให้เกสรยอมใจอ่อน พยักหน้ารับแล้วก้มหน้าลงเล็กน้อยด้วยความเอียงอาย เธอจึงถูกขโมยหอมแก้มทั้งซ้ายและขวา
ขุนปวรรัชดลช้อนโอบอุ้มเมียรักไปวางบนเตียงค่อย ๆ ดึงผ้าคลุมไหล่ออกตามด้วยผ้าพันอก เขาใช้สายตามองสำรวจทุกสัดส่วนของเธอตั้งแต่ลำคอระหงขาวสะอาดไล่ลงมาที่ไหล่โค้งมนได้รูป เกสรเป็นสตรีสูงศักดิ์ที่มีเรือนร่างที่งดงามเขาโชคดีที่ได้เชยชมดอกไม้งาม ถึงจะไม่มีลูกก็ไม่เป็นไรอยู่กันไปแบบนี้ก็ได้นั่นคือความคิดของเขาในตอนนี้ เขาเองไม่ได้คิดเรื่องลูกมานานหลายปีแล้วหมดหวังที่จะมีลูกเป็นของตัวเอง แต่พอเรื่องนางทองตั้งครรภ์เข้าถึงหูทำให้มันสะกิดปมในใจขึ้นมา
เช้าวันนี้ขุนปวรรัชดลยังคงนอนกอดเมียอยู่บนเรือน เกสรมองลำแขนที่พาดกอดเอวเธอด้วยความประหลาดใจไม่คิดว่าตื่นเช้ามาจะได้เห็นสามีของตนเอง ทุกครั้งที่เธอตื่นนอนจะไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา เรื่องบนเตียงเธอคงสู้ผู้หญิงที่เขาแอบย่องไปหาทุกคืนไม่ได้ เมื่อสามปีก่อนเธอใคร่สงสัยว่าขุนปวรรัชดลลุกออกจากห้องนอนกลางดึก คืนต่อมาเธอทำทีเป็นแกล้งหลับเมื่อเขาลุกออกไปเธอจึงตามไปจึงได้รู้ว่าสามีแอบไปหานางแต้ม นั่นเป็นครั้งแรกที่เกสรเสียใจมากแล้วแม่สามีอย่างท่านหญิงเทียนที่ต่อว่าเธอหาว่าเป็นเรื่องปกติของบุรุษเพศให้เธอทำใจยอมรับให้ได้ ท่านเข้าข้างบุตรชายของท่าน
ขุนปวรรัชดลร่วมรับประทานมื้อเช้ากับเธอบนเรือน ถามว่าเธอชอบไหมที่สามีหันกลับมาใส่ใจดูแลเธอแบบนี้แน่นอนว่าชอบและพอใจเป็นอย่างมากอยากให้เขาปฏิบัติกับเธอแบบนี้ไปตลอด ถ้าเป็นเช่นนั้นมันคงจะดีไม่น้อย เกสรไม่กล้าพอที่จะเอ่ยถามเรื่องอีแต้มเมียบ่าวของท่านขุนว่าหากมันท้องเขายังจะทำตามคำพูดที่ได้ลั่นวาจาไว้หรือไม่
เมื่อสามีออกไปทำงานแล้วเธอจึงออกไปเดินตลาดด้วยความที่นางทองกำลังตั้งครรภ์เธอจึงไม่ได้ให้มันติดตามไปด้วย บ่าวรับใช้จึงเป็นหน้าที่ของนางนกแทน ระหว่างที่กำลังเดินไปที่ท่าน้ำเพื่อลงเรือ สายตาของเธอเหลือบไปเห็นเรือของหมื่นพรรธน์ยศที่กำลังแล่นเลยไปจอดเทียบท่าถัดไปจากท่าน้ำหน้าเรือนขุนปวรรัชดล ส่วนท่าที่หมื่นพรรธน์ยศขึ้นนั้นเป็นท่าด้านหลังเรือนท่านพระยา ซึ่งสามารถเดินทะลุไปยังเรือนด้านหลังซึ่งเป็นเรือนของแม่เดือนเมียรองของท่านพระยาเกรียงไกร เธอไม่ได้เอ่ยคำใดกับอีนกเพราะคนที่รู้เรื่องนี้มีเพียงเธอกับนางทองเท่านั้น
ระหว่างกำลังจ่ายตลาดอยู่นั้นเกสรไม่ได้สนใจกับสินค้าที่ชาวบ้านชาวเมืองนำมาวางขายกัน แต่กลับนึกไปถึงเรื่องลูกที่เธอต้องการทำอย่างไรก็ได้ให้ตนเองตั้งท้อง ก่อนที่อีแต้มจะมีลูกให้ขุนปวรรัชดลเธอคงยอมไม่ได้ที่ท่านขุนจะให้อีแต้มขึ้นมาเป็นเมียรองจากเธอ ในหัวของเธอกลับมีเรื่องของหมื่นพรรธน์ยศกับเดือนแรมแทรกขึ้นมา
"อุ๊ย พี่เกสร" เดือนแรมตกใจจนหน้าซีดเซียว เกสรแสยะยิ้มเล็กน้อยที่เห็นใบหน้าของน้องสามี เมื่อก่อนเธอยอมรับว่าเอ็นดูเดือนแรมเพราะเห็นว่าเดือนแรมเป็นเด็กดีกิริยาอ่อนหวานนอบน้อมไม่ต่างกับปราง แต่พอได้มาเห็นและรับรู้พฤติกรรมอันต่ำช้าที่ลักลอบได้เสียกันกับว่าที่พี่เขยของตนเอง และที่เธอเห็นเมื่อวานก่อนไม่รู้ว่าแอบมาเจอกันเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว ครั้งนี้ก็คงแอบนัดเจอกันด้วยสินะ
"เจ้ามาทำกระไรที่นี่แม่เดือนแรม ไม่กลัวงูเงี้ยวเขี้ยวขอเลยรึ"เกสรทำท่าจะดุด่า แต่ที่ถามออกไปเพราะต้องการจับผิดผู้หญิงตรงหน้า
"เอ่อ ข้า กะ กำลังจะกลับเรือนเจ้าค่ะ" เกสรเบะปากน้อย ๆ เพียงเสี้ยววินาทีเหมือนรู้ว่าเด็กสาวตรงหน้าตอบไม่ตรงคำถาม แต่เธอก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อยอมปล่อยไปแต่โดยดี เพราะคนที่เธอต้องการจะพบไม่ใช่เดือนแรม
โฆษณา