เมื่อวันก่อนได้โพสต์คำถามลงไปในช่อง Question ว่า 'อยากรวยต้องอ่านหนังสือเล่มไหน?' ก่อนอื่นต้องขอบพระคุณมากๆสำหรับคำตอบที่เป็นประโยชน์และบางคำตอบที่ทำให้คิดต่างออกไป
'เลิกอ่าน แล้วลงมือทำเลยสิ'
'ลงมือทำสิ บางคนประสบความสำเร็จได้โดยไม่อ่านหนังสือซักเล่ม'
คหสต. ได้ให้คำตอบกับตัวเองว่า อ่านหนังสืออะไรก็ได้ที่จะพาคุณไปสู่ความสำเร็จที่คุณต้องการ ถ้าวันนี้คุณอยากทำแพนเค้กแต่ดันทำไม่เป็น คุณก็ต้องหาอ่านสูตรหรือวิดีโอสอนจากอินเตอร์เน็ตหรือหนังสือสอนทำแพนเค้ก
ไม่ใช่งมหาวิธีเอง แบบว่าไปซื้อแป้งมาทุกชนิดและเริ่มทำแพนเค้ก ก็ในเมื่อมันมีสูตรเขียนไว้โดยผู้ที่มีประสบการณ์ในการทำแพนเค้กเต็มไปหมดอยู่แล้ว และมีเหตุผลอะไรที่จะต้องไปเสียเวลาทดลองเอง?
ไม่เพียงความรู้เท่านั้น คุณจะต้องมีความเชื่อในสิ่งที่คุณกำลังจะเป็น อย่างเรื่องแพนเค้ก คุณต้องเชื่อว่าเมื่อคุณอ่านสูตรแล้วคุณจะกลายเป็นคนที่ทำแพนเค้กได้ เหมือนกับคำถามที่ว่าดังกล่าว
เมื่ออยากเป็นคนรวย คุณต้องรู้เรื่องการเงิน และเมื่อรู้แล้วคุณต้องเชื่อว่าคุณก็เป็นคนรวยได้ เพราะถ้าปราศจากความเชื่อแล้วแม้จะพยายามเพียงใดทุกสิ่งก็เสียเปล่า
การหาความรู้ในเรื่องนั้นๆเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก ผมไม่ได้บอกว่าการเรียนรู้นั้นสำคัญไปกว่าการลงมือทำ แต่มันน่าหวาดเสียวจริงๆที่หลายคนมักคิดว่า การลงมือทำโดยปราศจากความรู้นั้นก่อให้เกิดความยุ่งยากเพียงใด
'ลงมือทำเลยสิ มันก็มีบางคนที่ประสบความสำเร็จได้โดยไม่อ่านหนังสือซักเล่ม' นั่นอาจทำได้ คุณอาจสร้างพัดลม โดยเริ่มจากใบไม้ กิ่งไม้ และเถาวัลย์
แต่คำถามอีกข้อคือ คุณต้องใช้เวลาเท่าไหร่ถึงจะรู้ว่าถ้าใช้พลาสติกหรือเหล็กแทนการใช้ใบไม้หรือกระดาษแข็ง คุณจะได้พัดลมที่สมบูรณ์แบบและใช้งานได้จริง? นี่ยังไม่รวมเครื่องยนต์และเรื่องที่เกี่ยวกับไฟฟ้าอีกนะ
ลองคิดดูว่าถ้าให้เด็ก2ขวบผลิตดินสอซักแท่งหรือวิ่งไปบอกให้พ่อแม่ซื้อหุ้นที่จะขายได้ราคามหาศาลซักตัว คุณคิดว่าเด็กคนนั้นจะทำได้หรือไม่ ได้! แต่โอกาสมีแค่ไหนล่ะ หางอึ่งยังยาวไปเลย
ผมเป็นมือใหม่ในเรื่องนี้มากๆ การเงินที่ย่ำแย่ของผมทำให้ผมต้องย้อนกลับมาถามตัวเองใหม่ 'นี่เราพลาดอะไรไปหรือเปล่า?' เป็นครั้งที่ล้าน
และหนังสือเล่มหนึ่งก็จุดประกายความคิดว่า 'ถ้าชีวิตยังคงเป็นแบบนี้ต่อไป ชาตินี้ก็คงจะไม่มีวันได้ก้าวหน้า' ผมเริ่มอ่านอย่างบ้าคลั่งและได้รู้ความลับ (จริงๆมันก็ไม่ลับหรอก แต่ผิดที่ผมต่างหากที่ไม่เคยให้ความสนใจกับมันเลย) ทางการเงินของเหล่าเศรษฐีเงินล้าน
น่าอัศจรรย์ที่ผม คนไทยแท้ที่อ่านหนังสือไม่เกิน 7 บรรทัดต่อวัน ได้อ่านหนังสือกว่า 260 หน้าโดยใช้เวลาเพียง 3 วันเท่านั้น
เมื่อผมอ่านจบจึงอยากจะขอคำแนะนำจากเพื่อนๆบล็อคดิตแต่บางคำตอบนั้นไม่ค่อยตรงกับ คหสต. ของผมเท่าไหร่ บทความนี้จึงถูกเขียนขึ้น
มนุษย์ทุกคนไม่มีใครรู้อะไรมาตั้งแต่เกิด พวกเราเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ตั้งแต่เด็กจนเริ่มอ่านหนังสือได้ แหล่งความรู้ของเราจึงขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
ผมไม่เชื่อในตรรกะ 'ลงมือทำเลย ไม่ต้องอ่านหนังสือหรือหาความรู้หรอก มันช่างเสียเวลา'เด็ดขาด เพราะแม้แต่คนที่ริเริ่มทำอะไรเป็นสิ่งแรกของโลก ก็ยังทุ่มเทเวลาอ่านหนังสือ ทำการทดลอง อ่านและค้นคว้าทุกทฏษฎีความเป็นไปได้ จนกระทั่งประสบความสำเร็จมาแล้ว
และตอนนี้ที่ทุกๆข้อมูลมีพร้อมใช้งาน แล้วทำไมจะไม่ลองเรียนรู้ดูก่อนล่ะ เพื่อเอามาปรับใช้กับตัวเอง และประสบความสำเร็จเร็วขึ้นได้
'ความรู้ ช่วยลดความเสี่ยงได้' นักลงทุนเคยบอกไว้ในหนังสือ เสียดายที่หลายคนไม่รู้เรื่องนี้ ไม่เพียงใช้กับการซื้อขายหุ้นแต่มันยังใช้กับหลายสิ่งในชีวิตได้อีกด้วย โดยปกติชีวิตคนเราก็มักจะอยู่บนความเสี่ยงตลอดอยู่แล้ว
ผมจะยอมเชื่อตรรกะ 'ลงมือทำเลย' นั้นก็ต่อเมื่อผมเป็นอมตะและมีเงินใช้เป็นอนันต์เท่านั้นแถมยังยโสโอหังที่จะไม่แยแสข้อมูลที่คนอื่นคิดค้นขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสูตรแคลคูลัสหรือสูตรเลขสำเร็จรูปที่ค้นหาได้ดาษดื่นทั่วไป
เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นได้ล่ะก็ ต่อให้ผมมีความเสี่ยงที่จะล้มเหลวมากแค่ไหนผมก็คงไม่สนใจ เพราะสุดท้ายผมจะพบวิธีทำแพนเค้กที่สมบูรณ์แบบเหมือนที่มีบอกไว้ในหนังสือเป๊ะๆได้อยู่ดี แม้เวลาอาจจะผ่านไปเป็นร้อยปีก็ตาม
ใครจะเห็นต่างก็ได้ ลองแชร์ความคิดเห็นของคุณออกมาสิ ผมเพิ่งรู้ตัวเมื่อสองสามวันที่ผ่านมานี้เองว่า ผมเป็นคนชอบอ่านมากแค่ไหน
หรือมีหนังสือดีๆที่จะทำให้ผมหลุดพ้นจากวงจรความยากจนนี่ก็สามารถแนะนำมาได้นะครับ
ขอบคุณที่อ่านจนจบ พบกันใหม่ใน คหสต. ในครั้งหน้า สวัสดีครับ
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
