25 ต.ค. 2021 เวลา 08:23 • การตลาด
จีนขับเคลื่อนอุปสงค์เครื่องประดับทั่วโลก
จีนเป็นตลาดผู้บริโภคที่แข็งแกร่งที่สุดในอุตสาหกรรมเครื่องประดับในช่วงไม่กี่ปีมานี้เนื่องจากการบริโภคสินค้าหรูหราภายในประเทศมีแนวโน้มเติบโตขึ้น ทั้งนี้เป็นผลจากการปิดเมืองเพราะโรคระบาดและการจำกัดการเดินทาง ทำให้ชาวจีนต้องหยุดใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวในต่างประเทศ แต่หันมาซื้อสินค้าหรูหราอย่างอัญมณีและเครื่องประดับเพิ่มมากขึ้น โดยในปี 2020 มียอดค้าปลีกเครื่องประดับมากถึง 88.43 พันล้านเหรียญสหรัฐ ผู้ขายเครื่องประดับหลายแบรนด์จึงต่างขยายร้านสาขาเข้าสู่เมืองขนาดรองที่เติบโตอย่างรวดเร็วรองรับอุปสงค์การบริโภคที่ขยายตัวสูงขึ้น สถานการณ์ในตลาดเครื่องประดับจีนเป็นอย่างไรติดตามได้ในบทความนี้ https://bit.ly/3vF87Xk
จีนแผ่นดินใหญ่เป็นตลาดผู้บริโภคที่แข็งแกร่งที่สุดในอุตสาหกรรมเครื่องประดับเพชรในช่วงไม่กี่ปีมานี้เนื่องจากการบริโภคสินค้าหรูหราภายในประเทศมีแนวโน้มเติบโตขึ้น ทั้งนี้เป็นผลจากการปิดเมืองเพราะโรคระบาดและการจำกัดการเดินทาง ทำให้ชาวจีนต้องหยุดใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวในต่างประเทศ แต่หันมาซื้อสินค้าหรูหราอย่างอัญมณีและเครื่องประดับเพิ่มมากขึ้น โดยในปี 2020 มียอดค้าปลีกเครื่องประดับมากถึง 88.43 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ผู้บริหารของ Chow Tai Fook ชี้ว่าการบริโภคภายในประเทศยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องแม้ในช่วงหลังการระบาด และยิ่งเติบโตเร็วขึ้นเนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายที่มุ่งเน้นส่งเสริมให้ชาวจีนซื้อสินค้าจากที่บ้านผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ จากข้อมูลทางการตลาดล่าสุด บริษัทคาดว่า ยอดขายจากตลาดผู้บริโภคในจีนแผ่นดินใหญ่น่าจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่จะถึงนี้ โดยได้อ้างถึงกลยุทธ์ “Dual Circulation Strategy” และ “แผน 5 ปีฉบับที่ 14” (14th Five-Year Plan) ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวเป็นกลยุทธ์ทางเศรษฐกิจของจีนซึ่งเริ่มดำเนินการในช่วงต้นปี 2020 โดยเน้นกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศ ส่วนแผน 5 ปีฉบับที่ 14 นั้นเป็นแผนฉบับล่าสุดในชุดโครงการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมซึ่งรัฐบาลได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 1953
ในแผน 5 ปีฉบับล่าสุดซึ่งมีระยะเวลาตั้งแต่ปี 2021 - 2025 เป้าหมายทางเศรษฐกิจคือ การกระตุ้นการบริโภคในทุกภาคอุตสาหกรรม โดยขับเคลื่อนด้วยการเติบโตของชนชั้นกลาง แผนดังกล่าวประกอบด้วยโครงการขั้นต้นที่จะช่วยเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศต่อหัว (per capita GDP) ของจีนให้มีมูลค่าเทียบเท่า 30,000 เหรียญสหรัฐภายในปี 2035 หรือเกือบ 3 เท่าของระดับ GDP ต่อหัวในปี 2020 ที่ 10,500 เหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับตลาดผู้บริโภครายใหญ่อันดับต้นๆ ของอุตสาหกรรมเพชรโลก ทั้งสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และอินเดีย ตามข้อมูลจากธนาคารโลก GDP ต่อหัวในปี 2020 ของสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และอินเดีย อยู่ที่ราว 63,543 เหรียญสหรัฐ, 40,113 เหรียญสหรัฐ และ 1,900 เหรียญสหรัฐ ตามลำดับ โดยจีนมีประชากรประมาณ 1,400 ล้านคน ขณะที่สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และอินเดีย มีประชากรประมาณ 329.48 ล้านคน, 125.84 ล้านคน และ 1,380 ล้านคน ตามลำดับ
“ผู้ขายเครื่องประดับในจีนแผ่นดินใหญ่เปิดร้านสาขาแห่งใหม่อย่างต่อเนื่อง จากการที่รัฐบาลกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ”
Chow Tai Fook ผู้ขายเครื่องประดับรายใหญ่ที่สุดของจีน ระบุว่าในไตรมาสที่สองของปีนี้ ยอดขายทั้งบริษัทพุ่งสูงขึ้นถึงร้อยละ 70 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในจีนแผ่นดินใหญ่เพิ่มสูงขึ้น และมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในตลาดฮ่องกงและมาเก๊า นอกจากนี้ บริษัทยังได้เปิดร้านสาขาแห่งใหม่รวม 259 แห่ง โดยทั้งหมดอยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่ จึงทำให้บริษัทมีร้านสาขารวมทั้งหมด 4,850 แห่ง
จำนวนร้านค้าของ Chow Tai Fook พุ่งสูงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเนื่องจากบริษัทใช้รูปแบบธุรกิจแฟรนไชส์เพื่ออาศัยประโยชน์จากความรู้ในพื้นที่ภายในตลาดแห่งใหม่ๆ ของจีนแผ่นดินใหญ่ กลยุทธ์ดังกล่าวช่วยให้บริษัทสามารถเจาะเข้าสู่เมืองขนาดรองที่เติบโตอย่างรวดเร็วหรือที่มักเรียกกันว่าเมืองระดับ 3, 4 และ 5
เป็นที่ทราบกันว่าเมือง “ระดับ 1” คือเมืองขนาดใหญ่ที่สุด 4 อันดับแรกในจีนแผ่นดินใหญ่ อันได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางโจว และเซินเจิ้น “ระดับ 2” หมายรวมถึงเมืองขนาดใหญ่ ราว 30 เมือง และ “ระดับ 3” ได้แก่เมืองเติบโตใหม่ราว 70 เมือง มีประมาณการว่าปัจจุบันมีเมืองในจีนแผ่นดินใหญ่กว่า 170 เมืองที่มีประชากรมากกว่า 1 ล้านคน และอีกหลายเมืองกำลังมีประชากรเพิ่มขึ้นตามมา โดยยอดขายเครื่องประดับเพชรในเมืองระดับ 1 ของจีน เติบโตเฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 20-30 ต่อปี แซงหน้ายอดขายเครื่องประดับทองแบบดั้งเดิม เนื่องจากผู้บริโภคในเมืองระดับ 1 ดังกล่าวต่างหันมานิยมเครื่องประดับทองตกแต่งเพชรมากขึ้น ขณะที่เมืองขนาดรองยังคงนิยมเครื่องประดับทองแบบดั้งเดิม
จากการที่ Chow Tai Fook มีจำนวนร้านสาขาเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาและเกือบ 4 เท่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และวางแผนที่จะขยายจำนวนร้านสาขาเพิ่มขึ้นอีกกว่า 2,000 แห่ง ภายในปี 2025 ขณะเดียวกันผู้ขายเครื่องประดับรายใหญ่รายอื่นๆ ในจีน รวมถึง Luk Fook และ Chow Sang Sang ก็ยังคงเปิดร้านแห่งใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น Luk Fook วางแผนเปิดร้านใหม่ 360 แห่งภายในเดือนมีนาคม 2022 ทำให้บริษัทมีจำนวนร้านในจีนเพิ่มขึ้นเป็น 2,322 แห่ง ประกอบกับยอดขายเครื่องประดับในจีนที่ขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง ทำให้จีนเป็นประเทศที่มีอุปสงค์การบริโภคเครื่องประดับสูง และเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ขับเคลื่อนมูลค่าการค้าในตลาดเครื่องประดับโลกต่อไปในอนาคต
ข้อมูลอ้างอิง
1) “China Driving Global Diamond Demand” by Paul Zimnisky. Retrieved September 23, 2021 from https://gjepc.org/solitaire/china-driving-global-diamond-demand/.
2) “Bright prospects for mainland China’s diamond jewellery market”. Retrieved September 23, 2021 from https://www.jewellerynet.com/en/jnanews/features/6293.
3) The World Bank. Retrieved September 29, 2021 from https://data.worldbank.org/.
4) “World’s biggest jewellery retailer plans further 2,000 store openings by 2025.” Retrieved October 4, 2021 from https://www.professionaljeweller.com/worlds-biggest-jewellery-retailer-plans-further-2000-store-openings-by-2025/.
โฆษณา