25 ต.ค. 2021 เวลา 10:47 • ธุรกิจ
Google ประกาศลดค่าธรรมเนียมบน Play Store อีกรอบ ด้านแอปฯ สื่อ เหลือต่ำสุดเพียง 10%
หลังจากต้นปีที่ผ่านมาทาง Google ได้ออกมาประกาศลดค่าธรรมเนียมลงครึ่งหนึ่ง จากเดิมที่คิดค่าธรรมเนียม 30% ลดลงมาเป็น 15% แต่มีเงื่อนไขบางอย่าง เช่น สำหรับรายได้ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐแรก
ล่าสุดเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว บริษัทได้ออกมาอัปเดตอีกครั้ง ว่าจะลดค่าธรรมเนียมสำหรับผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน ที่มีรายได้จากการสมัครสมาชิก (Subscription-based) บน Play Store เป็นหลัก
โดยจากเดิม คือคิดค่าธรรมเนียม 30% ในปีแรก ส่วนปีที่ 2 และปีต่อ ๆ ไปคิดค่าธรรมเนียม 15%
เปลี่ยนมาเป็น คิดค่าธรรมเนียม 15% ตั้งแต่ปีแรก รวมถึงปีต่อ ๆ ไป
ซึ่งการคิดค่าธรรมเนียมดังกล่าว จะคิดสำหรับแอปฯ ที่มีรายได้ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐขึ้นไป
หรือคิดเป็น 3% ของผู้พัฒนาทั้งหมดเท่านั้น โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2022 เป็นต้นไป
และสำหรับแอปฯ สื่อบน Play Media Experience Program ของ Google เช่น E-Books หรือแอปฯ สตรีมมิงเพลง จะลดค่าธรรมเนียมจากเดิมที่ประกาศไว้ที่ 15% เหลือเพียง 10% เท่านั้น..
โดยคุณ Sameer Samat รองประธานฝ่ายการจัดการผลิตภัณฑ์ ระบุไว้ว่า
“การลดค่าธรรมเนียมครั้งนี้ เกิดขึ้นเพื่อช่วยสนับสนุนเหล่าผู้พัฒนา ในการนำเสนอบริการแบบสมัครสมาชิก”
ซึ่งทาง Google กล่าวว่า จริง ๆ แล้วผู้พัฒนากว่า 99% ก็เสียค่าธรรมเนียมต่ำกว่า 15% อยู่แล้ว
ทั้งนี้ คุณ Samat ได้ระบุว่า ธุรกิจการสมัครสมาชิกแบบดิจิทัล ได้กลายเป็นโมเดลธุรกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็วสำหรับนักพัฒนา แต่ก็ต้องยอมรับว่าธุรกิจประเภทนี้ต้องเผชิญกับความท้าทายอยู่มาก โดยเฉพาะในเรื่องของการได้มาและการรักษาฐานลูกค้าไว้
โดยที่ผ่านมา ทางบริษัทได้ทำงานร่วมกับบริษัทพัฒนาแอปพลิเคชันหลายประเภท อาทิ แอปฯ หาคู่, ฟิตเนส, การศึกษา และอื่น ๆ เพื่อทำความเข้าใจความแตกต่างเล็ก ๆ ในแต่ละธุรกิจ
ส่งผลให้บริษัทรับรู้ถึงปัญหาด้านความท้าทายของธุรกิจในการรักษาฐานลูกค้าไว้ ซึ่งนับว่าการสมัครสมาชิก คือรายได้หลักของธุรกิจประเภทนี้
พอเรื่องเป็นแบบนี้ ทาง Google จึงมีความต้องการที่จะทำให้การสร้างรายได้ เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นสำหรับนักพัฒนา จึงลดค่าธรรมเนียมเหลือเพียง 15% ตั้งแต่แรก โดยไม่รอต้องปีถัดไป
นอกจากนี้ ทางบริษัทยังได้ลดค่าธรรมเนียมของแอปฯ สื่อ ที่อยู่ใน Play Media Experience Program
ให้เหลือเพียง 10% เท่านั้น เนื่องจากมองว่าต้นทุนของแอปฯ ประเภทนี้ค่อนข้างสูง
ซึ่งผู้พัฒนาในกลุ่มนี้ จะต้องเป็นผู้พัฒนาแอปฯ ประเภทวิดีโอ, ออดิโอ หรือ หนังสือ (E-Books) เพื่อพัฒนาแอปฯ ให้สามารถใช้งานได้บนหลากหลายอุปกรณ์ โดยแอปฯ แบบนี้ จะมีรายได้หลักมาจากการขายคอนเทนต์ในจำนวนมาก ๆ ซึ่งส่งผลต่อต้นทุนที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง
คุณ Samat กล่าวเพิ่มเติมว่า ถึงแม้ว่าแอปพลิเคชันจะมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับสมาร์ตโฟนในทุกวันนี้ แต่บริการที่ดี ก็ควรจะครอบคลุมไปถึงการใช้งานผ่านโทรทัศน์, สมาร์ตวอร์ช, แท็บเล็ต และอื่น ๆ ด้วย
ซึ่งทางบริษัท หวังว่าการลดค่าธรรมเนียมนี้จะทำให้นักพัฒนาสามารถนำเงินทุน ไปพัฒนาเพื่อการใช้งานบนแพลตฟอร์มอื่น ๆ ได้ รวมถึงเพิ่มคอนเทนต์ที่น่าสนใจ ด้วยการเพิ่มเพลง, ศิลปิน, นักเขียนหรือครีเอเตอร์ด้านอื่น ๆ ได้อีกมาก
และคุณ Samat ปิดท้ายว่า เรายังคงมีส่วนร่วมกับนักพัฒนา ในการทำความเข้าใจความท้าทายและโอกาสในด้านต่าง ๆ และเรียนรู้ว่าบริษัทจะต้องทำอย่างไร ในการสนับสนุนเหล่าผู้พัฒนาให้ทำธุรกิจได้อย่างยั่งยืน
แต่อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ก็เคยมีข่าวที่ทาง Google เอง ก็ประสบกับปัญหาในการถูกมองว่าผูกขาดธุรกิจในหลากหลายประเทศ เช่น สหรัฐฯ, อินเดีย และเกาหลีใต้ มาก่อน
เรื่องนี้จึงอาจเป็นอีกสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้บริษัทอย่าง Google จำเป็นต้องเฉือนรายได้บางส่วนทิ้ง และหันมาเอื้อประโยชน์ต่อเหล่าผู้พัฒนา เพื่อความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจในอนาคต นั่นเอง..
โฆษณา