25 ต.ค. 2021 เวลา 23:33 • ปรัชญา
ตอนเกิดมาก็ไม่รู้ว่า..เกิด เกิดมาแล้วก็กินนอน ให้พ่อแม่ป้อนข้าวป้อนน้ำ ร่างกายมันก็โตวันโตคืน โตขึ้นมาอีกหน่อยก็..พ่อแม่ก็พาเข้าโรงเรียน เรียนรู้บ้างไม่รู้บ้าง เจอครูใจดีก็มี เจอครูเจ้าอารมณ์ก็มี ครูก็ยังมีหลากหลายแบบ ก็เรียนไปเรื่อยๆ เค้าบอกว่าเรียนให้สูงๆ จะมีเงินมีทอง ก็ไป แต่ก็ไม่รู้ว่า เวลาทำงานจะเป็นอย่างไร เรียนๆไป ทำงานทำการ เจอคู่ มีครอบครัว ตอนนี้สิ่งที่เค้าว่า ภาระมาแล้ว ภาระที่เราก็ไม่เคยเจอ ก็หาเงินหาทองเลี้ยงครอบครัว ตอนนี้ก็ทำเพื่อลูกๆ ก็เหมือนตอนที่พ่อแม่ทำให้กับเรา
แล้วกาลเวลามันก็หมุนไปเรื่อยๆ วันหนึ่งเราต้องตามปูย่าตายายไปเหมือนกัน หายตัวจากโลกนี้ไปทีละคนๆ เหมือนกับหายตัวได้ยังงั้นแหละ ไม่มีใครรู้ใครเห็นว่าเราไปไหน มันคงเป็นความลับเหมือนปู่ย่าตายายเราแหละ ไม่มาบอกให้รู้หรอก เพราะคนไปก็ไม่รู้เหมือนกัน มันลี้ลับสลับซับซ้อน ปกปิดเสียจนไม่รู้อะไรเลย เหมือนตอนเกิดก็เหมือนกัน เกิดมาไม่รู้ว่า..เกิด.เกิดมาทำอะไรเรื่องราวอะไร ให้แก่จิตของตน อะไรทำให้เกิด
แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่เราทำเองมาแต่เด็กไม่ขาด ก็สวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิทำไปเล่นๆ ไม่ได้ไปจริงจังอะไร แต่เรื่องราวเหล่านี้ ก็ทำให้เราได้พบเจออะไร แปลกๆ พบพระรูปหนึ่ง ท่านบอกว่าโยมอย่าเล่าให้ใครฟังนะ เดี๋ยวเค้าหาว่าเราผิดปกติ (บ้า) จนมาพบพระอีกรูปหนึ่งๆ ท่านถามว่า พระอรหันต์เป็นอย่างไร เราก็ตอบได้เพียงว่า ไม่ทราบครับ ท่านก็บอกว่า ต้องเรียนรู้ทุกอย่าง บอกว่าเรียนแล้วจะสนุก แต่ท่านก็ไม่บอกอะไรมาก นานๆท่านจะสอนแค่คำสองคำเท่านั้น ท่านบอกชี้ให้ไปฝึกทำ ทำได้เรื่องหนึ่งท่านก็ต่อให้อีกนิดหนึ่ง ไม่ใช่ธรรมบรรยาย แบบที่เราพบเห็นทั่วไป มันมีหลายเรื่อง กว่าเราจะเข้าใจได้จริง ว่าเกิดมาเพื่อหยุดเกิด ต้องทำอะไรบ้าง ทำให้พ้นอบายภูมิ ทำให้มีนิสัยปฏิบัติธรรมติดไปกับจิต เพื่อไปต่อในชาติต่อไป ได้เจอพ่อแม่ ที่ส่งเสริมปฏิบัติธรรม เจอรอยของพระ เราจะได้ปฏิบัติธรรมต่อๆไปทุกชาติ คงมีสักชาติหนึ่งตายแล้ว ไม่ต้องมาเกิดอีก
โฆษณา