26 ต.ค. 2021 เวลา 11:13 • นิยาย เรื่องสั้น
#นิยายโรมานซ์
#เสน่หาภรรยายอดรัก
เสน่หาครั้งที่-1- ชิงสุกก่อนห่าม (พาร์ทก่อนอดีต)
บ้านนายพลรังสรรค์ อัศวชาติ
“อะไรนะครับ คุณแม่ คุณแม่พูดใหม่อีกทีสิครับ” เสียงของลูกชายเพียงคนเดียวของครอบครัว ชาญกวี อัศวชาติ ดังขึ้นมาด้วยความตกใจและคาดไม่ถึง
“แม่บอกว่า ให้ชาญและหนูนุ่นแต่งงานกัน แม่อยากได้หลานแล้ว” คุณหญิงวิมล อัศวชาติ เอ่ยขึ้น นางนั้นเสียสามีไปเมื่อปีก่อน เนื่องจากเฮลิคอปเตอร์ตก จึงอยู่กับลูกชายตัวดีเพียงสองคน ไม่รวมแม่บ้านคนสนิท และคนรับใช้อีก3คน
คุณหญิงเหงามาก จากแต่ก่อน ได้อบรมเลี้ยงดูอุปการะเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง คือ สมิตรา ผู้เป็นลูกสาวของเพื่อน
เมื่อเพื่อนเสียไปคุณหญิงจึงรับช่วงดูแลต่อ ส่งเสียให้ร่ำเรียน จนเธอจบม.6 และจะเข้ามหาวิทยาลัย จึงขอออกไปใช้ชีวิตตามลำพังในบ้านของเธอ ซึ่งคุณหญิงเองก็ให้ไป
ทั้งที่ในใจนั้น อยากให้เจ้าลูกชายตัวดีจีบเอาสมิตรามาเป็นสะใภ้ จะได้มีหลานตัวน้อย ๆ มาวิ่งรอบ ๆ บ้าน
แต่ทุกอย่างมันกลับห่างไกลออกไป เพราะตั้งแต่สมิตราออกไปอยู่คนเดียว ชาญกวีก็มีสาว ๆ รุมล้อมไม่เว้นแต่ละวัน ความจริง มันก็เป็นมานานแล้ว เรื่องมีสาว ๆ นี่ แต่ช่วงนี้จะหนักหน่อย
แต่แล้ว สิ่งที่วาดหวังมานาน มันก็เป็นจริงขึ้นมา เพราะว่า เจ้าตัวดีแอบจับสมิตรากินลงท้องเรียบร้อยแล้ว
งานนี้ หากปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม มีหวังชาตินี้ คุณหญิงคงไม่ได้อุ้มหลาน คุณหญิงวิมลจึงจัดให้ นั่นคือ การบังคับเจ้าตัวดีแต่งงานกับลูกสาวของเพื่อนรัก
“คุณแม่พูดอะไรครับ ผมไม่อยากแต่งและก็ไม่แต่ง ถ้าอยากได้หลาน ก็ให้ยัยนุ่นแต่งกับผู้ชายคนอื่นไปเลยสิครับ จะมาบังคับผมทำไม” จากที่พูดน้อย แต่พอเรื่องการหมดอิสระภาพ ชายหนุ่มกลายเป็นคนพูดมากทันที
“ได้น้องเขาเป็นเมียแล้ว ชาญยังมาพูดแบบนี้อีกเหรอ” คุณหญิงพูดเสียงห้วน คนเป็นลูกชายชะงักกึก แล้วพูดขึ้น
“คุณแม่เอาอะไรมาพูด …” อยากจะปฏิเสธ แต่ภาพความเร่าร้อนมันยังฝังจำอยู่ในใจ ทำให้พูดอะไรไม่ออก คุณหญิงเห็นท่าทีของลูกชายจึงสวนกลับทันควัน
“เมื่อคืนก่อนที่ห้องครัว ชาญอย่านึกว่าแม่ไม่รู้ แม้ว่าคืนนั้น เราไม่ได้เอากับหนูนุ่น แต่ว่า ชาญก็มีอะไรกับน้องเขามาก่อนแล้ว แต่กลับปิดแม่เงียบ ใจคอของชาญกะจะกินน้องไปตลอด โดยที่ไม่เปิดเผยใช่ไหม เราทำไปได้ยังไง ปากบอกกับแม่ ว่าไม่รักไม่ชอบ แล้วเราก็เอากับน้องเขาได้เหรอ ห๊ะ ชาญ ลูกตอบแม่มาสิ” คุณหญิงเป็นผู้หญิงร่วมสมัย เพราะเข้าใจโลกมาก เข้าใจว่า เด็กสมัยนี้มีความต้องการแบบไหน ใช้ชีวิตยังไง และยากมากที่จะสงวนตัวเพื่อสามีที่แท้จริงในอนาคต
เมื่อรู้แล้ะเข้าใจ คุณหญิงจึงไม่ดุด่าเรื่องที่ชิงสุกก่อนห่าม แต่ที่ไม่ชอบก็คือ กะจะกินฟรีตลอดชีวิตนี่แหละ
“โธ่คุณแม่ ยัยนุ่นนั่นยินยอมที่จะมีอะไรกับผมเองนะครับ ยัยนั่นไม่ได้ถูกบังคับ ไม่ได้ถูกผมปล้ำ หรือไม่ได้ถูกวางยา แต่ลูกสาวคนโปรดของคุณแม่ ตั้งใจและเต็มใจ คุณแม่จะมาบังคับให้ผมแต่งงานกับยัยนุ่นนั่นไม่ได้ ผมไม่ยอม” เสียงแข็ง
“แม่เคยสอนเหรอ หือ เคยสอนชาญเหรอ ว่าให้ดูถูกผู้หญิง เคยสอนไหม ว่าให้เหยียดหยามผู้หญิง ทั้ง ๆ ที่ เราเอง ก็มีส่วนทำมันขึ้นมา”
“…..” ชาญกวี
“ได้ ไม่แต่งก็ไม่แต่ง เดี๋ยวแม่หาผู้ชายให้จะมาเป็นเจ้าบ่าวให้หนูนุ่นเอง หนูนุ่นสวย ต้องมีผู้ชายดี ๆ มาเสนอตัวเพียบแน่” คุณหญิงตามใจลูกชาย และพร้อมจะดัดหลัง ก่อนจะหันไปหาคนสนิท สั่งการอย่างรวดเร็ว
“แขไข เธอโทรหาหนูนุ่นสิ ว่าตอนเย็นมาหาฉันได้ไหม ฉันมีธุระจะคุยด้วย” สั่งคนสนิทโดยไม่สนใจ ว่าสีหน้าลูกชายตัวดี จะมีสีหน้าท่าทางแบบไหน
“ค่ะ คุณหญิง” จากนั้น แขไข แม่บ้านคนสนิทของคุณหญิงก็โทรหาสมิตราทันที เนื่องจากวันนี้ เป็นวันศุกร์ และที่สำคัญ พักเที่ยงแล้ว หญิงสาวน่าจะรับสายได้
“หนูนุ่น คุณหญิงเรียกหา หนูนุ่นมาหาคุณหญิงหน่อยนะ” แขไขพูดขึ้น
“…จ้า ๆ” ปลายสายจะพูดอะไร ชาญกวีไม่อาจจะรู้ได้ เพราะที่รู้ในตอนนี้ก็คือ ยัยนั่น จะถูกคุณหญิงแม่จับแต่งกับคนอื่น
กายขาวนวลเนียนที่เขาเคยสัมผัส จะถูกมือของผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่เขาลูบไล้ ไหนจะกลีบปากอิ่มหอมหวาน ที่เขาเคยจูบเคยเคล้าคลึง ต่อจากนี้ไป คงถูกผู้ชายคนอื่นดูดดึง
โคกสวาทโหนกนูน ก็คงถูกท่อนลำยาวใหญ่มุดเข้าออก เพียงแค่คิด หัวใจของชาญกวีก็ร้อนรุ่มจนนั่งไม่ติด ใบหน้าจึงมืดครึ้มเหมือนกับพายุกำลังจะมา
คนเป็นแม่เห็นอาการของลูกชายสุดที่รัก ก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะไล่อย่างไม่มีเยื่อใย
“อ้าว ยืนนิ่งทำไมล่ะชาญ ไปทำงานสิ” คุณหญิงวิมลไล่ลูกชายคนเดียว พลางหันหน้าหนี อย่างไม่อยากจะคุยด้วย ชายหนุ่มจึงตัดสินใจ ไปทำงานก่อน ค่อยคิดว่าจะเอายังไง
“นี่กูจะเครียดทำไม ก็ไม่แต่งแล้วไง ส่วยยัยนั่น จะแต่งกับใครก็ช่างดิ ดีจะตาย ที่ไม่ต้องมีห่วงมาล่ามเอาไว้ จะไปไหนก็ไปได้ ไม่เห็นจะต้องแคร์” พูดงึมงำคนเดียว แต่สีหน้ากลับไม่ผ่อนคลายสักนิดเดียว เพราะแทนที่จะเรียบนิ่งดังเคย กลับตึงแน่นจนแทบปริ ภาพที่เขานั้นมุดลำลึงค์เข้าสู่ถ้ำนางนอน มันคับแน่นแค่ไหน เขารู้ดี แล้วหากว่า สมิตรา ต้องไปนอนครวญครางอยู่ใต้ร่างของผู้ชายคนอื่นล่ะ
“โธ่เว้ย” คำรามลั่นรถ ชาญกวีไปทำงานด้วยอารมณ์ขุ่นมัว แถมมีบรรยากาศมาคุ ไม่ชวนให้ใคร ๆ เข้าใกล้แม้แต่น้อย
ที่โรงงานทำขนมปัง
“แกเป็นไร ยัยนุ่น ดูทำหน้าสิ เหมือนคนใกล้ตายเต็มที” ฟ้าใสพูดขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าซังกะตายของเพื่อนสนิท
“ฉันบอกกับพวกแกไปยัง เรื่องที่ฉันเสียซิง” ไม่ตอบคำถาม แต่กลับถามเพื่อนขึ้นมาแทน
“อืม บอกแล้ว เมื่อวานไง” เพลงรักมึน อะไรของมัน
“เมื่อวาน ฉันไปบ้านคุณป้า แล้ว เอ่อ มีเรื่องนิดหน่อยกับพี่ชาญ ฉันเลยไม่มีอารมณ์จะทำอะไร” สมิตราพูดขึ้น
“เรื่องไร” ฟ้าใส
“พี่ชาญพูดว่า แค่เอากัน จะมาเรียกร้องนู่นนี่นั่นไม่ได้ ฉันเลยจุก” พูดเสียงแผ่วเบา
“เอ๋า แบบนี้ก็แย่อะดิ นั่นมันความบริสุทธิ์ของแกนะเว้ย ยัยนุ่น” ฟ้าใสโวย
“ก็เออดิ แต่จะให้ทำไง พี่เขาไม่อยากผูกมัด แล้วฉันก็ผิดด้วย ที่มีอะไรกับพี่เขา ทั้ง ๆ ที่พอจะรู้นิสัยพี่เขาอยู่แล้ว ว่าจะต้องเป็นแบบนี้ แต่ฉันก็ยังจะเอาหัวใจไปเล่นกับไฟ ผลก็คือถูกไฟเผานี่ไง” น้ำเสียงเริ่มสั่นเครือ
“เฮ้อ ผู้ชายนี่ เห็นแก่ตัวทุกคนปะ” เพลงรักสงสารเพื่อน
“ไม่รู้ดิ” ฟ้าใสเซ็ง ๆ
“งั้นเอางี้ คืนนี้ไปเที่ยวกัน ไปปลดปล่อยให้สบายใจ แล้วค่อยคิดหาทางอื่น แกอย่าเครียดมากนะ” ฟ้าใสพูด
“เพราะเหล้านี่แหละที่ทำให้ฉันเสียซิง และเกิดเรื่องราวปวดหัวอยู่นี่” งอแง จนเพลงรักเขกกบาลให้
โป้ก
“โอ๊ย ยัยเพลง แกจะบ้าเหรอ เขกมาได้เจ็บนะ” สมิตราแว้ดใส่เพื่อน
“แกกินเยอะต่างหาก ยังมีหน้าไปโทษเหล้าอีก” เพลงรักตวัดสายตาขุ่นมองเพื่อน สมิตราหน้าแหย
“เออ นั่นแหละ ฉันผิดไงที่ เอ่อ ลากพี่เขาเข้ารีสอร์ทอะ แล้วจะไปโทษพี่ชาญมันก็ไม่ถูกไง” อ้อมแอ้มพูด
“แหม ขนาดนี้ยังจะไปเข้าข้างพี่เขาอีก ฉันล่ะเชื่อเขาเลย” ฟ้าใส
“คนมีความรักก็งี้ อะไร ๆ ก็สีชมพูน่ามองไปหมดเลย” เพลงรักแขวะ
“ไปบ้านคุณป้ารอบนี้ จะมีไรไหมนะ รู้สึกกังวลจังเลย”
“อย่าคิดมาก บางทีป้าแกอาจอนุญาต ให้แกแต่งงานกะลูกชายของท่านก็ได้นะ” เพลงรักมอง +
“ฮึ ถึงคุณป้ายอม แต่พี่ชาญไม่ยอมแน่ ฉันรู้ดี” สมิตราหงอย ๆ
“อย่าเพิ่งคิดเลย ไปถึงเดี๋ยวก็รู้เองแหละ” เพลงรักว่า
“ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น”
โฆษณา