26 ต.ค. 2021 เวลา 11:16 • นิยาย เรื่องสั้น
#นิยายโร​มานซ์
#เสน่หา​ภรรยา​ยอดรัก​-2​-
ที่บ้านของตระกูล อัศวชาติ
“คะ คะ คุณป้า คุณป้าว่าอะไรนะคะ” สมิตราหัวใจแทบจะหยุดเต้น
“ป้าบอกว่า ป้ารู้เรื่องหนูนุ่นกับเจ้าชาญแล้ว และป้าอยากให้หนูแต่งงานกับพี่เขา หนูจะว่ายังไง” คุณหญิงวิมลถามลูกสาวของเพื่อน คนที่เธอรักไม่แพ้ลูกของตน ใครบ้างจะไม่รัก ก็ดูแลมาตั้งแต่เธออายุ14 ปี จนถึงอายุ 19 รักแค่ไหนก็คงรู้ดี
“ตะ แต่ว่า พี่ชาญ เขา เอ่อ เขาจะยอมหรือคะ” ถามเพราะรู้นิสัยของพี่ชายร่วมโลกคนนี้ดี ว่าเป็นคนยังไง
“ไม่ยอม” นั่นไง
“แต่ป้ามีวิธี ให้เจ้าชาญยอม” ทำเสียงมีเลศนัย จนสมิตราสงสัย
“คะ ยังไงคะคุณป้า” อยากจะรู้
“ทำแบบนี้ รับรองคนปากแข็งอย่างเจ้าชาญ ไปไม่รอดแน่ ต้องยอมลูกเดียว” จากนั้น คุณหญิงป้าผู้รักลูกสาวเพื่อนยิ่งชีพ ก็กระซิบกระซาบกับว่าที่ลูกสะใภ้คนโปรด จนทางนั้นพยักหน้าหงึกหงักเป็นอันเข้าใจ สมิตราฟังในสิ่งที่คุณหญิงพูด ใบหน้าเนียนมีริ้วรอยสีแดงพาดผ่าน แต่ดวงตาคู่สวย กลับมีความเปล่งปลั่งระยิบระยับ ดั่งสิ่งที่ได้ยิน มันถูกใจเหลือเกิน
ผับ
“หึหึ ไง หน้าตึงแบบนี้ ทะเลาะกับคุณหญิงแม่มาเหรอ” เอริคถามเพื่อน เมื่อนั่งบนเก้าอี้เรียบร้อยแล้ว เขาเพิ่งมาจากยุโรป เพราะทางตระกูลได้จัดการมอบทรัพย์สินให้กับทายาท เขาจึงต้องไป
เมื่อกลับมาถึงเมืองไทย ก็พบว่า ไอ้เพื่อนยากนั่งหน้าเครียดเป็นคลื่นใต้ทะเล แต่ดวงตากลับวาววับดูสยองขวัญแปลก ๆ
“เออ” เสียงเคร่งเครียด วันนี้งานมีปัญหานิดหน่อย เพราะถูกบริษัทคู่สัญญาปรับ เนื่องจาก รปภ. ขาดจุด และไม่มีรปภ. ไปประจำจุดนั้น เลยถูกปรับไปเกือบ สี่แสนบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ สามารถจ่ายเงินเดือน รปภ.ได้หลายคน
ชายหนุ่มเปิดบริษัทรักษาความปลอดภัยมาได้เกือบ 7 ปีแล้ว ทุกอย่างก็ไปได้ด้วยดี ธุรกิจรุ่งเรือง ผลประกอบการมีกำไรหลายสิบล้าน
ถูกปรับสี่ห้าแสน มันไม่ได้กระทบอะไร แต่เพราะตั้งแต่เปิดบริษัทมา ไม่เคยถูกปรับเยอะขนาดนี้ เลยเครียดไปบ้าง และยิ่งมีเรื่องของสมิตรามารบกวนอีก เขาก็ยิ่งเคร่งเครียดหนักขึ้นกว่าเดิม
“ไมล่ะ คุณหญิงแม่ทำอะไร มึงถึงดูรมณ์บ่จอย” เอริคถามพร้อมกับยกแก้วจรดริมฝีปาก แล้วดื่มเหล้าไปถึงครึ่งแก้วด้วยความกระหาย
ที่เอริคถามชาญกวีแบบนี้ เพราะคุณหญิงวิมลเป็นผู้หญิงที่ประเสริฐมาก การที่จะทะเลาะกับลูกชายตัวแสบอย่างชาญกวี แทบจะเป็นไปไม่ได้
“คุณแม่อยากให้กูแต่งงาน”
“แค่ก แค่ก แต่งงาน” ตกใจ จนสำลักเหล้า
“เออ แต่งงาน” เสียงขุ่นพร้อมมองเพื่อนอย่างหงุดหงิดในหัวใจ
“แต่งกับใคร” จิบเหล้าอีกครั้ง
“จะใครล่ะ…”
“น้องนุ่น…” มั่นใจมาก
“เออ”
“…มึงไม่ยอมแต่ง” ถ้าไม่ยอมแล้วมันจะหน้าหงิกทำไม
“เออดิ ใครจะยอม มึงบ้าปะนี่” ตวัดเสียงห้วน
“อ้าวไอ้นี่ ก็มึงได้น้องเขาแล้วปะ เออใช่ แล้วคุณหญิงแม่ให้มึงแต่งกับน้องเขาได้ไง” สงสัย
“แม่รู้เรื่องกูเอากับยัยนั่นแล้ว”
“…รู้ได้ไง ใครบอก” สมิตราก็ไม่น่าจะพูด
“ไม่รู้ แต่ที่แน่ ๆ คุณแม่รู้แล้ว และจะให้กูแต่ง แต่กูไม่เอา” ยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ
“ในเมื่อมึงไม่แต่ง แล้วคุณหญิงแม่ทำอะไรต่อไป” อยากรู้ว่า ทำไมมันถึงหน้าบึ้งแบบนี้
“คุณแม่ก็จะให้ยัยนุ่นไปแต่งกับคนอื่น…ซึ่งกูมั่นใจ ว่ายัยนั่น จะต้องทำตามที่แม่ก็บอก” บอกเสียงเครียด จนเอริคขมวดคิ้ว แล้วเพ่งมองเพื่อนตัวดี
“แล้วไง ในเมื่อมึงไม่คิดจะเอาน้องเขาเป็นเมียอยู่แล้ว แล้วมึงจะมานั่งหน้าบึ้งทำไม ดีสิ ไม่ต้องมีภาระ” ขยี้เล็ก ๆ
“…..” ชาญกวี
“แต่ก็นะ กูโคตรเสียดายเลย หรือว่า กูจะเสนอหน้า ขอแต่งกับน้องนุ่นดีวะ โอ๊ยย” กำลังเคลิ้มฝัน ก็ถูกรองเท้าคัทชูราคาแพงยันโครมเข้าให้
ปึ่ก
“สัส มึงเป็นเหี้ยไร” เอริคตาขุ่นใส่เพื่อน
“มึงไปหาผู้หญิงคนอื่น อย่ามายุ่งกับยัยนุ่น” เสียงเข้ม
“เฮอะ มึงจะบ้าเหรอ ก็มึงไม่อยากเอาน้องเขา แต่กูอยากได้นี่หว่า กูเสียดาย มึงคิดดูนะ น้องเขาสวยแค่ไหน หุ่นดีมาก เอวเป็นเอว หน้าอกก็ใหญ่ น่าจับน่าขยำ แล้วถ้าหากถอดเสื้อผ้าออกนะมึง กูสยิวเลย มึงเองก็เห็นแล้วนี่ ว่าน้องเขาน่าเอามากแค่ไหน” เอริคพูดซะเห็นภาพ และแน่นอน ชาญกวีดวงตาวาววับ บรรยากาศเริ่มร้อนขึ้น เมื่อเจ้าของบริษัทไม่พอใจในสิ่งที่เพื่อนรักพูดแบบนั้น
“มึงหุบปากไปเลยนะ สัส ผู้หญิงมีเป็นล้าน อยากเอาใคร มึงก็ไปเอา แต่อย่ามายุ่งกับยัยนุ่น”
“สมองมึงบวมเหรอ มึงบอกกูอยู่เมื่อกี้ไง ว่าไม่อยากแต่ง กูก็จะเสนอหน้ากับคุณหญิงป้าเอง กูชักอยากมีห่วงแล้วว่ะ” หัวเราะในลำคอ พร้อมทั้งยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มจนหมด ไม่สนว่าตอนนี้ เพื่อนรักจะเป็นยังไง
ชาญกวีหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก เมื่อเพื่อนพูดแบบนี้ ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ ว่าไอ้เพื่อนชั่วคนนี้ มันชอบน้องสาวร่วมโลกของเขา แต่ว่ามันก็ไม่กล้าจะจีบ แต่วันนี้กลับอยากเสนอหน้ามาเป็นเจ้าบ่าวของยัยนั่น ใครจะไปยอม
เอริคเหล่ตามองเพื่อน ก่อนจะยกมุมปากขึ้น เมื่อเห็นหน้าของเพื่อนตึงเปรี๊ยะ ‘หึหึ สมว่ะ’ แต่แล้ว ดวงตาของเอริคก็เบิกโพลงขึ้นมา เมื่อเห็นเป้าหมายเฉิดฉายอยู่อีกฝั่ง และที่แตกต่าง ก็เพราะว่า ข้างกายของคนสวยนั้น มีผู้ชายรูปหล่อคลอเคลียอยู่ข้าง ๆ
งานนี้ เขาต้องรีบก่อไฟ ไม่งั้น จะไม่ได้เห็นของดี ๆ อย่างแน่นอน
“เฮ้ย ไอ้ชาญ มึงดูนั่น ใช่น้องนุ่นปะวะ ฝั่งขวาอะ โต๊ะริมสุด มึงดูดิ ถ้าเป็นน้องนุ่น ทำไมถึงมีผู้ชายมาเคลอเคลีย” ก่อไฟพร้อมราดน้ำมันลงไปเสร็จสรรพ ก็นั่งรอผลงานอย่างใจเย็น
ชาญกวีมองตาม แล้วก็ต้องตาลุกวาบเพราะแม่ลูกรักตัวดีของคุณหญิงแม่ ไม่รักดี ยอมให้ผู้ชายกอด แถมนัวเนียจนมองไม่ออกแล้ว ว่าทั้งคู่กำลังทำอะไรกัน
ความร้อนรุ่มในใจมันเผาผลาญจนชายหนุ่มทนไม่ไหว จึงลุกพรวดขึ้นก้าวดุ่ม ๆ ไปหาสมิตราอย่างรวดเร็ว
“หึหึ กูอยากเห็นคนปากแข็งอย่างมึงถูกเขาทิ้ง อยากรู้ว่า น้ำหน้าอย่างมึง มันจะเป็นยังไง” เอริคมีความสะใจเล็กๆ
ฝั่งสมิตรา
สมิตราจิบเหล้าเล็กน้อย เพราะกลัวว่าจะเมา แล้วจะควบคุมคำพูดและการกระทำไม่ได้ เหมือนคืนก่อน เธอจึงเอาแต่ยิ้ม ๆ และทานกับแกล้มไปเรื่อย ๆ
หญิงสาวนั้นมาเที่ยวที่ผับตามที่ได้นัดแนะกับเพื่อนรัก และอีกอย่างหนึ่ง อยากจะมาจับหมาป่าด้วย อยากจะรู้ ว่าการที่เธอนัวเนียอยู่กับผู้ชายคนอื่น หมาป่าอย่างเขา จะมีอาการยังไง
ความจริงแล้วหญิงสาวไม่เห็นด้วยกับวิธีนี้หรอกนะ แต่เพราะคุณหญิงป้าเป็นคนวางแผน และบอกว่า อยากให้หลานเกิดมามีพ่อ เธอถึงกับหัวใจกระตุก
ใช่ คืนนั้น เธอพลาดพลั้ง ให้เขาจับกิน และพลาดซ้ำสอง เนื่องจากไม่ได้ใส่ถุงยางอนามัย พลาดซ้ำครั้งที่สาม ไม่กินยาคุมฉุกเฉิน ซึ่งจากวันนั้นมาถึงวันนี้ ก็ 4 วันเข้าไปแล้ว แถมเธอนั้นยังไม่เป็นประจำเดือนอีกด้วย น่าจะอยู่ในช่วงไข่ตก งานนี้ เครียดเป็นเท่าตัว เธอจึงยอมทำตามแผนของคุณหญิงป้า แม้จะไม่เชื่อสักเท่าไหร่ ว่าชาญกวีจะยอมแต่งกับเธอ แต่ก็ลองหน่อยมันคงไม่เสียหายอะไร
สมิตราจึงมานั่งคลอเคลียกับผู้ชายรูปหล่อ ที่ป้าแขไขว่าจ้างให้มาเป็นตัวกระตุ้น
“แกรรร ยัยนุ่น นั่น เป้าหมายของแกมาแล้ว” ฟ้าใสหนึ่งในคนสมรู้ร่วมคิดพูดขึ้น เมื่อเห็นแล้ว ว่าพี่ชายร่วมโลกของสมิตราเดินดุ่ม ๆ มาทางโต๊ะของพวกเธอ
“อื้ม” สมิตราตื่นเต้น ไม่คิดว่า เขาจะมาจริง ๆ
“งั้น…ผมต้องเร่งปฏิกิริยาแล้ว” ชายหนุ่มรูปหล่อพูด พลางซุกใบหน้าหล่อเหลาลงบนบ่าบอบบางแต่หอมกรุ่นของสมิตรา จนหญิงสาวสะดุ้งเยือก เพราะไม่ทันตั้งตัว ซึ่งภาพนี้ มันทำให้ชาญกวีถึงกับหัวร้อน คุมสติไม่อยู่ จนปราดเข้าไปกระชากผู้ชายที่กำลังนัวเนียกับผู้หญิงที่เขาเพิ่งจะนอนด้วยมาเต็มแรง
ผัวะ
“อะ” ชายหนุ่มรูปหล่อ ผู้เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาถูกชกเข้าเต็ม ๆ ตรงเบ้าตา ถึงกับครางออกมา นักท่องเที่ยวยามราตรีแตกฮือทันที
“มึงกล้ามาก ที่มาแตะยัยนี่ ผู้หญิงมีเป็นล้าน มึงไม่ไปยุ่ง ดันมายุ่งกับยัยนี่ สงสัยมึงอยากจะตาย งั้นกูจัดให้” กำลังจะซ้ำครั้งที่สอง สมิตราก็ถลาเข้ามาขวาง
หญิงสาวหายใจไม่ทั่วท้อง เพราะไม่คิดว่า สิ่งที่พบเจอมันจะรุนแรงขนาดนี้ หัวใจของเธอจึงเต้นรัว ๆ จนแทบจะหลุดออกมาด้านนอก ความดีใจฉายชัดออกมา เมื่อเห็นอาการหวงของของพี่ชายท้องติดกัน
แผนของคุณป้าช่างเลิศจริง ๆ
“หยุดนะคะ พี่ชาญเป็นบ้าไปแล้วเหรอ มาชกเขาทำไม” ดันอกแกร่งออกอย่างว่องไว หากช้า คนที่จ้างมาอาจตายได้
“อ้อ เธออยากให้มันเอางั้นเหรอ หา สมิตรา เอากับฉันมันไม่อิ่ม ไม่แซ่บงั้นเหรอ ถึงต้องมาให้ไอ้หน้าปลาช่อนนี่เอา มานี่เลย ถ้าไม่แซ่บ คืนนี้ฉันจะเอาให้เดินไม่ได้เลย” หันมาหาหญิงสาวตัวต้นเหตุ พร้อมกับกระชากแขนเรียวนุ่มเต็มแรง จนกายบอบบางทว่าอวบอิ่ม ชนกับร่างหนาใหญ่โตของเขา
“อื้อ ปล่อยนะคะ พี่ชาญเป็นบ้าอะไร มายุ่งไรกับนุ่น ปล่อยนะคะ” ดิ้นรนเต็มที่ แต่ชาญกวี ผู้หน้ามืดมีหรือจะยอม ชายหนุ่มตวัดแขนอุ้มเธอพาดบ่า พร้อมกับตีที่ก้นงามงอนเต็มแรง
เพียะ เพียะ
แม้จะมีเสียงดนตรีดังกึกก้อง แต่ทว่า สมิตรากลับได้ยินชัดเจน น้ำตาคลอหน่วยทันที ‘อีตาบ้า มันเจ็บนะ’
“สะดีดสะดิ้งดีนักนะ แม่ง ทีให้ไอ้หน้าปลาช่อนนั่นซุกไซ้ไม่เห็นดิ้นแบบนี้ แม่งเอ๊ย สงสัยอยากได้เอ็นของกูกระแทกมาก เดี๋ยวกูจะกระแทกจนคลานลงจากเตียงเลย” ด้วยความหน้ามืด ทำให้คำพูดคำจาไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ ชายหนุ่มแบกหญิงสาวก้าวดุ่ม ๆ ออกจากผับ จนมาถึงที่จอดรถ เขาจัดการกดรีโมท เมื่อประตูเปิดออก ร่างบางของหญิงสาว จึงร่วงลงสู่เบาะเต็มแรง
ตุ่บ
“อะ ซี้ดด” จุกนิด ๆ แต่ก็รีบนั่งหลังตรง เมื่อพี่ชายร่วมโลกเดินอ้อมมาอีกฝั่ง พร้อมทั้งมุดเข้ามานั่งหลังพวงมาลัยเรียบร้อย มือแกร่งของชาญกวีกระชากหญิงสาวมาปะทะกับแผงอกอีกครั้ง
ปึ่ก
“อะ นุ่นเจ็บนะ พี่ชาญเป็นบ้าอะไรขึ้นมา ปล่อยนะ นุ่นจะไปหาเพื่อน” พยายามที่จะดิ้นหนีเขา ดิ้นไปดิ้นมาสักพักกลับถูกอ้อมแขนแกร่งกอดแน่นขึ้น พร้อมทั้งเสียงขุ่นมัวด้วยความโมโหอย่างหนัก
“จะกลับไปหาเพื่อน หรือไปหาไอ้หน้าปลาช่อนนั่น หะ อย่าหวังว่าฉันจะปล่อยเธอให้ไปหามัน ร่านนักใช่ไหม ถึงปล่อยให้มันกอดจูบ แม่งเอ๊ย ถ้าจะร่านขนาดนี้ ให้ฉันเอาดุ้นกระแทกจะดีกว่า ไหน ๆ เธอก็ถูกฉันเอามาแล้ว เอาอีกครั้งจะเป็นไร” ว่าแล้วก็ฉกริมฝีปากลงมาบดเคล้ากลีบปากนุ่มหอมของสมิตราอย่างรวดเร็ว
“อื้อ”
โฆษณา