26 ต.ค. 2021 เวลา 17:27 • หนังสือ
นามิเบีย : แผ่นดินที่ฟ้าจรดทราย
ขออนุญาติ รูปภาพจาก เว็บ : https://www.inspiremyjourneys.com
ใครบางคนเคยกล่าวไว้ว่า "สายลมคือวิญญาณแห่ง นามิบ" ยามใดที่คุณแทรกตัวท่ามกลางเม็ดทรายอาบอุ่นในความเงียบเหงา กลมกลืนเป็นตัวหนึ่งเดียวกับวันคืน เรื่องเล่าของวันวานจะพรูพัดผ่านมาบนทะละอองทรายละเอียดอ่อน และเมื่ออาทิตย์ใกล้ลาลับ ความเดียวดายจะพาคุณสู้การค้นพบที่เฉพาะพิเศษ ดิ่งลึกลงในความหวาดหวั่น ทะลุทำลายความขลาดกลัว กระทั่งก้าวสู่พรมแดนความสงบ ที่มิอาจบอกเล่า
นามิเบียทำให้มนุษย์ที่แห้งแล้งเสียยิ่งกว่าทะเลทรายได้ตระหนักว่า โลกนี้กว่างใหญ่และงดงามเพียงใด กลางสันทรายคดโค้งที่สายลมบรรจงปั้น เส้นแสงเงาที่แปรเปลี่ยนตลอดเวลา งดงามกว่าฝีมือของจิตรกรเอก ยามค่ำคืนมีลมหนาวและดาวพร่างพราวอย่างไม่เคยพบ "กางเขนใต้" สุกสว่างนำทางคาราวานทะเลทรายล่วงเลยมานับร้อยปี มิต้องเอ่ยถึงอีกพันดาวแข่งแสงบนฟากฟ้า ดั่งผู้คนบรรจงจุดเทียนตามไฟในวันเทศกาลอันอบอุ่น
ขออนุญาติ รูปภาพจาก เว็บ : http://www.reigninter.com
ทั้งคืนและวันงดงามเช่นนี้มาเนิ่นนาน ผู้คนไยมิใช่มีความสุขไปตามกัน ไม่เคยพบย่อมจินตนาการไม่ถึงความรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้างกลางทะเลทราย ว่าเป็นเช่นไร และนั่นนับเป็นรสชาติความสุขได้อย่างไร
ริมชายฝั่งแอตแลนติก คลื่นร้ายลมแรงมิอาจปิดกั้นความใฝ่ฝันของผู้คน
นักบุกเบิกรุ่นแล้วรุ่นเล่าเดินทางผ่านพายุ ณ ชายฝั่งโครงกระดูก (skeleton coast) และเริ่มตำนานของเขามากขึ้นที่นี่ เช่นเดียวกับการก่อเกิดมนุษย์ยุคแรกแห่งกาฬทวีป นับเป็นเวลาล้านปีมาแล้วที่สายวิวัฒนาการของมนุษยชาติหยั่งรากลงก่อนหยัดยืนอย่างมั่นคง ใครเลยจะเชื่อว่านอกจากธรรมชาติอันงดงามบริสุทธิ์ของทะเลทรายนามิบ นามิเบียยังเต็มไปด้วยเรื่องราวของมนุษย์ผู้ไม่ยิมยอมพ่ายแพ้ต่อชะตากรรม
นักมานุษยวิทยามีความเห็นพ้องต้องกันว่า แอฟริกาคือแหล่งสายพันธุ์มนุษย์ถือกำเนินขึ้น ก่อนที่พวกเขาจะแยกย้ายกันเดินทางออกสู่แผ่นดินส่วนอื่นๆของโลก และแยกสายวิวัฒนาการออกไปจนมีลักษณะกายภาพที่แตกต่างกัน
สาเหตุที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์สรุปดังนี้ ก็เพราะมีการขุดพบหลังฐานโครงกระดูกและเครื่องมือซึ่งแสดงให้เห็นร่องรอย "อารยธรรม" อันแตกต่างจากสัตว์เป็นจำนวนมากในแอฟริกา กล่าวเฉพาะในนามิเบีย การขุดค้นบริเวณเมืองหลวงวินด์ฮุก (windhoek) ทำให้พบหลักฐานว่า มนุษย์ยุคแรกล่าช้างและสัตว์ใหญ่เป็นอาหาร การล่าสัตว์ใหญ่เป็นอาหาร แสดงถึงความร่วมมือกันเป็นกลุ่มในการหาอาหาร และนั้นเป็นขั้นตอนสำคัญขั้นตอนหนึ่งในลำดับการพัฒนาทางสังคม
นอกจากหลักฐานดั่งกล่าว ยังพบว่าในบริเวณที่ราบสูงตอนกลางของประเทศ ไม่ไกลจากวินด์ฮุกมากนัก มีฟอสซิลกระดูกสิ่งมีชีวิตก่อนวิวัฒนาการเป็นมนุษย์หลายยุคหลายสมัยซ้อนทับกันอยู่ในแหล่งขุดเดียวกัน แม้จะยังระบุอายุและเวลายังไม่ได้ แต่นักวิทยาศาสตร์เชื่อกันว่ากระดูกฟันกรามที่พบในถ้ำโอตาวิ (Otavi) มีอายุตั้งแต่ยุคไมโอซีนกลาง (Middle Miocene) ซึ่งนับได้ถึง 12 - 13 ล้านปีทีเดียว
ถาพ (Otavi) ขออนุญาติภาพ เว็บ :  https://www.tripadvisor.co.uk
หลังจากนั้นยังพบหลักฐานอีกเป็นจำนวนมากที่แสดงการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ในยุคหลังลงมาจากภาพเขียนตามผนังถ้ำ ซึ่งพบทั่วไปในพื้นที่หลายแห่งของประเทศ หลังฐานส่วนใหญ่พอจะสรุปได้ว่า มนุษย์ยุคแรกในแถบถิ่นนี้ดำรงชีวิตอยู่ด้วยการเก็บของป่า ล่าสัตว์ และเคลื่อนย้ายสู่ถิ่นฐานใหม่ๆ เป็นกลุ่ม ขนาดไม่เกิน 50 คน สภาพชีวิตในอดีตยังพบได้จากชนเผ่าต่างๆ หลายเผ่าในทางตอนเหนือของประเทศ กลุ่มที่โดดเด่นที่สุดเห็นจะได้แก่ พวกซาน หรือ บุชแมน ที่เรารู้จักกันดีนั่นเอง
บุชแมน ขออนุญาติภาพจาก เว็บ : http://www.nevadasurveyor.com/africa/web/pages/pygmy.htm
โฆษณา