27 ต.ค. 2021 เวลา 01:29 • ท่องเที่ยว
ลอนดอนวันที่ 1 (ตอน 1) น้องหมา พระราชวังริมเทมส์ เข็มคลีโอพัตรา ทหารหล่อ
ประชาสัมพันธ์ว่า ตอนนี้กำลังทยอยเขียนเรื่องราว บันทึกการเดินทาง อังกฤษ สก๊อตแลนด์อยู่ หลายบทความ มีเรื่องพิพิธภัณฑ์และหอศิลป์จะกำลังนำลงอยู่เยอะ
ในที่สุด วันนี้ก็มาถึง
หลังจากส่งใจไปอังกฤษมาแสนนานก็ได้เวลาส่งกายไปสักที สายการบิน Golf Air นำร่างของผมมาถึงแผ่นดินอังกฤษที่สนามบินฮีทโธวร์แต่เช้าตรู่ นั่งรถไฟความเร็วสูงสู่ใจกลางกรุงลอนดอน
ที่พักของผมนั้นไม่น่าจะหายากเพราะอยู่ใกล้ถนนใหญ่แต่มันยากสำหรับคนไม่คุ้นเคย ในที่สุดก็พบจนได้ palmerlodge เป็นอาคารใหญ่โตที่เรียกว่าคฤหาสน์สร้างจากอิฐและหินในสไตล์วิคตอเรียสวยงามมาก คิดอยู่ในใจว่าถ้าฉันถ่ายรูปมาอวดเพื่อนๆคงถูกอิจฉาตาร้อน
เดินเข้าไปเช็คอินพบเจอสาวสวยผิวดำนางหนึ่ง หลังจากลงทะเบียนเรียบร้อยเธอก็หยิบตุ๊กตาหมาน่ารักขนาดเท่าจริงมาให้ กรี๊ด.........น่ารักจัง เป็นของแถมของผู้มาเยือนใช่มั๊ย
“เปล่าค่ะ นี่เป็นพวงกุญแจห้องเก็บสัมภาระให้คุณไปเก็บของแล้วค่อยมาอีกทีตอนเย็น" อ้าว
ลืมบอกไปว่าเราเช่าห้องพักราคาถูก เอ๊ย ราคาประหยัดในห้องดอร์มที่มีคนอยู่ 20 กว่าคน อันที่จริงผมก็ไม่ได้จนหรอกนะแต่ต้องการความอบอุ่น น่าจะได้เจอเพื่อนฝูงดีๆจากทั่วมุมโลกในที่พักหรูหราโอ่อ่าได้รางวัลดีเด่นแห่งนี้ หวังว่าคงอยู่เย็นเป็นสุข
รัฐสภาและหอนาฬิกาบิ๊กเบน
มาถึงวันแรกก็ต้องมาเหยียบแลนด์มาร์ก (Land Mark) สำคัญของลอนดอนก่อนอื่น พระราชวังเวสต์มินสเตอร์หรือรัฐสภา นาฬิกาบิ๊กเบน หรือชื่อเรียกทางการว่าหอคอยอลิซาเบธ สร้างจากหินปูนสีน้ำผึ้ง (Clipsham Stone) ทอดตัวยาวไกลริมฝั่งแม่น้ำเทมส์
พื้นที่แห่งนี้เป็นศูนย์กลางของกรุงลอนดอนมาเนิ่นนาน มีพระราชวังและวิหารยุคแรกมาตั้งแต่เกือบพันปีมาแล้ว ตั้งแต่ศตวรรษที่11 สมัยพระเจ้าคนุตมหาราช (Canut The Great) มีการต่อเติมปรับเปลี่ยนรูปแบบหลายครั้ง โดยในสมัยพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดผู้สารภาพค์ทรงสร้างวิหารพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ แอบบี้ ซึ่งแปลตามศัพท์ว่าวิหารฝั่งตะวันตก ดังนั้นพระราชวังแห่งนี้เลยได้ชื่อเรียกว่าพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ (Westminster palace) ตามวิหารนั้น
ภาพจาก wilipedia
พระราชวังเวสต์มินสเตอร์ที่เราเห็นตอนนี้ไม่ใช่ของเก่า เนื่องจากมีเพทภัยต่างๆหลายครั้ง ดังเช่นไฟไหม้ในปี 1512 และในปี1834 ซึ่งทำลายวังเสียเกือบทั้งหมดจึงต้องมีการเริ่มสร้างขึ้นใหม่ เราจึงได้เห็นอาคารแบบโกธิค มีหอคอยยอดแหลมและหน้าต่างกระจกยอดโค้งแหลมบานใหญ่สูงยาว ซึ่งบางส่วนเป็นกระจกสีและมีภาพสวยงามแบบเดียวกับโบสถ์โกธิค รวมทั้งนาฬิกาบิกเบนซึ่งมีการใช้จักรกลสมัยใหม่ในยุคนั้นอีกด้วย
หลังจากถ่ายรูปจนสะใจเลยแวะเดินเล่นริมแม่น้ำเทมส์ไปเรื่อยๆ พาตัวมานั่งชมวิวริมแม่น้ำสายกว้างใหญ่ มองข้ามไปอีกฝั่งมีหมอกปกคลุมฝั่งขะโน้นอยู่เลือนราง
ณ จุดที่นั่งอยู่นี่มีอนุสาวรีย์เสาหินสูง นี่คือเสาหินยอดแหลมที่เรียกว่าเข็มของคลีโอพัตรา (Cleopatra's Needle) เป็นเสาสูงโบราณที่ได้มาจากอียิปต์ ทำขึ้นในรัชสมัยฟาโรห์ Thutmose ที่ 3 สลักอักษรฮีโรกริฟฟิคเล่าเรื่องฟาโรห์ และการบูชาเทพต่างๆ คล้ายๆกับศิลาจารึกของเรา
ใกล้กันมีสฟิงค์สีดำซึ่งหล่อขึ้นจากโลหะสัมฤทธิ์คอยพิทักษ์รักษาเข็มยักษ์เล่มนี้ไว้มีถ้อยคำภาษาอียิปต์โบราณที่แปลได้ว่า “พระองค์ผู้ทรงบารมี ทุสโมชิชที่ 3 ผู้ให้ชีวิต” จารึกไว้
นี่คืออาคารกระทรวงกลาโหมของสหราชอาณาจักร ประติมากรรมด้านบนมีชื่อว่า Earth and Water ซึ่งถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่ามาทำไรที่นี่และเกี่ยวข้องอะไรกับกระทรวงกลาโหม แต่ช่างเถอะ มาถึงตรงนี้แล้วก็ขอแวะถ่ายรูปทหารรูปหล่อคนนี้ก่อน แต่พอเข้าไปแล้วก็ไม่ได้ถ่ายเพราะเขาไม่ยอมบอกว่าไอกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ กำลังจะถามต่อว่าหลังปฏิบัติหน้าที่มาถ่ายรูปด้วยกันอีกก็ยังได้นะ
พอดีหัวหน้าทหารอีกคนก็เดินเข้ามา คงจะสงสัยว่าเราจะมาวางระเบิดกระทรวงฯรึเปล่า ถึงตอนนี้เห็นท่าจะไม่ดีซะแล้วก็เลยเซย์กู๊ดบายไปก่อน
คืนแรกที่ลอนดอน
ต่อไปคือช่วงเวลาแห่งการไร้สาระแล้ว ช่วยอ่านหน่อยเถอะนะฮะ
เกือบค่ำก็กลับสู่ที่พักเข้าสู่โหมดพักผ่อน
ห้องพักรวมมีประมาณสิบเตียงและมีคนอยู่เกือบเต็ม สิ่งที่ยากคือการขนย้ายกระเป๋าไปข้างบน แต่นั่นก็ไม่ได้ยากไปกว่าการดูแลรักษามันไว้
ห้องมืดอีกมีแสงอยู่นิดเดียว เวลาหยิบอะไรออกมาถ้ามีถุงก๊อบแก๊บก็จะได้ยินไปทั่ว
รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวตุ่นอยู่ในรูแคบๆ อย่างไรก็ตามแม้ว่าการดำรงชีพอยู่ในเตียงจะแย่แล้ว แต่การเดินทางไปอาบน้ำนั้นยากยิ่งกว่า
ภาพจาก Hostelworld
ในที่สุดตอนอาบน้ำก็ต้องควักเอาทุกอย่างที่ซ่อนไว้ออกมา การทิ้งสิ่งของไว้บนเตียงไม่น่าจะทำให้ใจสบายได้เลย แถมที่นี่ก็ไม่มีล๊อกเกอร์ให้อีก
โชคดีมากที่เราติดถุงใบใหญ่โตจากเมืองไทยมาเอาไว้ใส่ของยังชีพ เดินเข้าห้องน้ำถือถุงทรัพย์สินมีค่าเข้าไปด้วย
แต่ที่น่าสงสัยมากก็คือ ที่นี่เขาไม่จ้างสถาปนิกมาออกแบบหรือไง ทางไปห้องน้ำนั้นจะต้องเดินผ่านประตูสองสามชั้น แต่ละประตูก็ต้องใช้การ์ดรูดเข้าออกทั้งนั้น เขาจะทำแบบนี้ไปทำไมนะ
พออาบเสร็จแล้วก็ต้องนำทรัพย์สินสมาจัดเรียงให้พร้อมเดินทางพรุ่งนี้ ในห้องรวมนั้นทำอะไรไม่ได้เลย มืดก็มืด
ภาพจาก Hostelworld
สิ่งสำคัญที่จำเป็นต้องทิ้งไว้ห่างกายคือโทรศัพท์มือถือ เพราะต้องเอาลงมาชาร์จตรงปลั๊กด้านล่างกลางห้องและเป็นปลั๊กที่พ่วงกันเยอะไปหมด ถูกแย่งกันเสียบจนน่าจะไหม้เร็วๆนี้ เกิดอาการกังวลมากต้องมองลงไปว่ามันยังคงอยู่ดี
ของข้างตัวทุกอย่างสามารถถูกขโมยไปได้เพราะมีแค่ผ้าม่านมาปิดบัง ใครบางคนล้วงมือเข้ามาก็เข้าถึงทุกอย่างได้แล้ว
แม้จะกระวนกระวายขนาดนั้นแต่ก็นอนหลับเร็วมาก หวังว่าพรุ่งนี้จะได้ตื่นมาอย่างสดชื่นก่อนจะไปผจญโลก
โฆษณา