27 ต.ค. 2021 เวลา 01:51 • ท่องเที่ยว
ลอนดอนวันที่ 4 (ตอน 3) vหอคอยแห่งลอนดอน (Tower of London) วัง คุก สวนสัตว์ กรุสมบัติ และพิธีพิศดาร
ก่อนอื่นขอประชาสัมพันธ์ว่า ตอนนี้กำลังทยอยเขียนเรื่องราว บันทึกการเดินทาง อังกฤษ สก๊อตแลนด์อยู่ หลายบทความ
เชิญไปชมกันที่ https://pantip.com/topic/41018924 ได้นะครับ มีเรื่องพิพิธภัณฑ์และหอศิลป์จะกำลังนำลงอยู่เยอะ
นี่คือคุกหลวงที่เก่าแก่ที่สุดและมีนักโทษชั้นดีมีชื่อเสียงหลายคน ที่นี่มีชื่อเป็นทางการว่าหอคอยแห่งลอนดอน (Tower of London) สิ่งสำคัญแห่งราชวงศ์อังกฤษที่เก็บรักษาไว้ภายในหอคอยแห่งนี้ซึ่งได้แก่เครื่องราชกกุธภัณฑ์ทั้งหลายรวมถึงพระมหามงกุฎของกษัตริย์อังกฤษซึ่งมีโคตรเพชรโคห์อินูร์ เพชรที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกประดับอยู่
นอกเหนือจากความยิ่งใหญ่ของทรัพย์สินล้ำค่าแล้วยังมีเรื่องราวด้านมืด ทั้งการฆาตกรรม การทรมาน การแย่งชิงราชบัลลังก์ การเมือง ความตาย เกิดขึ้นในปราสาทแห่งนี้ รวมทั้งเรื่องของภูตผีที่ยังคงร่ำลือกัน
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของสัตว์เลี้ยงแปลกๆนานัปการ รวมถึงเหล่าฝูงกาซึ่งได้รับการพิทักษ์รักษาเป็นอย่างดีเนื่องจากผูกพันอยู่กับคำสาปโบราณ แม้แต่โครตเพชรโคห์อินูร์ก็ยังต้องคำสาปอีกเช่นกัน
สิ่งเหล่านี้ทำให้ที่แห่งนี้มีลักษณะผสมกันระหว่างความงามเจิดจรัสดังเพชรอันล้ำค่า กับความมืดดำแห่งอาถรรพ์ การทรยศ เหตุการณ์ลึกลับสาบสูญ และความลี้ลับบางประการ
หอคอยนี้ถูกสร้างในสมัยพระเจ้าวิลเลียมผู้พิชิต หลังจากนั้นกษัตริย์พระองค์อื่นๆก็ได้ต่อเติมเพิ่มขยายหอคอยนี้ไปอีกมาก ทั้งนี้แม้ว่าจะถูกใช้เป็นพระราชวังมีผู้คนอาศัยอยู่นับร้อย แต่ในกษัตริย์อังกฤษยุคนั้นมีพระราชวังหลายแห่งย้ายไปมาตลอดเมื่อฤดูกาลเปลี่ยน ดังนั้นข้าวของเครื่องใช้ในนี่จึงเป็นแบบพกพาได้เป็นส่วนใหญ่การเคลื่อนย้ายมีขบวน เกวียน ม้า จำนวนหลายร้อยตัวขนเอาชาววังนับร้อยออกจากปราสาทหนึ่งไปสู่อีกประสาทหนึ่ง ดูวุ่นวายโกลาหลทีเดียว
นอกจากนี้หอคอยแห่งลอนดอนยังมีฟังก์ชันสำคัญอีกประการหนึ่งคือใช้เป็นคุก และไม่ใช่คุกธรรมดาแต่เป็นคุกที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป แถมเคยคุมขังนักโทษกิตติมศักดิ์หลายคนหรือหลายพระองค์ รวมทั้งมีลานประหารที่ใช้บั่นเศียรนักโทษหลายคน ซึ่งยังคงปรากฏอยู่ถึงวันนี้
1
ภาพลานประหาร ที่มีอนุสรณ์สถานอยู่ ตรงนี้เป็นที่สับพระศอราชินีหลายองค์แล้ว
นักโทษคนสำคัญที่ร่ำลือและจดจำมากที่สุดก็คือเหล่าพระญาติของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ทั้งพระมเหสี พระธิดา พระสุณิสา (สะใภ้) ที่ต่างมีเหตุเภทภัย
หากท่านไม่รู้จักพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 แนะนำให้อ่านลิงก์นี้จะได้รู้จักพระองค์มากขึ้น https://pantip.com/topic/41014769
ที่นี่ถูกใช้เป็นที่คุมขังของมเหสีพระเจ้าเฮนรี่ถึง 2 พระองค์ และได้รับพระราชทานความตายทั้ง 2 พระองค์ด้วย
ภาพจาก wilipedia
คนแรกคือพระนางแอนโบลีน ผู้ถูกประหารด้วยข้อหาเป็นชู้กับน้องชายตนเอง (ซึ่งเชื่อกันว่าแท้จริงแล้วถูกใส่ร้าย โดยเป็นข้ออ้างที่จะแต่งงานกับมเหสีพระองค์ใหม่) พระนางถูกนำตัวมาที่หอคอยฯเพื่อรอการประหารซึ่งต้องใช้เวลารอนานกว่าปกติ เพราะพระองค์เรียกร้องให้ใช้ดาบแทนการใช้ขวานอย่างที่ทำกันทั่วไป เพราะดาบเป็นอาวุธที่ดูมีเกียรติมากกว่าขวานซึ่งถูกใช้กับนักโทษทั่วไป การเรียกร้องที่จะตายอย่างพิเศษนี้ยืดเวลาแห่งชีวิตของพระองค์ไปได้พักหนึ่งทีเดียว เนื่องจากเพชฌฆาตที่ใช้ดาบหาไม่ได้ในอังกฤษแต่ต้องสั่งตรงมาจากฝรั่งเศส แต่ในที่สุดพระนางได้รับสิ่งที่รอคอยจนได้
เล่าว่าขณะที่เพชฌฆาตยกศีรษะขึ้นเพื่อแสดงให้ฝูงชนดู ดวงตาของเธอยังคงเคลื่อนไหวอยู่และริมฝีปากยังคงกล่าวคำอธิษฐานต่อไปได้ด้วย หลังจากนั้น เรื่องราวสยองขวัญก็ถูกเล่าขานตามมา มีคนมากมายได้เห็นพระนางปรากฏตัวโดยเดินถือประเศียรไปมาในชุดแดง สร้างความหวาดหวั่นขวัญแขวนต่อผู้คนที่ได้พบเห็น
นี่ไม่ใช่พระราชินีพระองค์เดียวที่ถูกประหารที่นี่ ไม่นานนักก็ถึงคิวของนักโทษคนพิเศษอีกครั้ง คือพระราชินีแคเธอรีน เฮาเวิร์ด (Catherine Howard) มเหสีอีกพระองค์ของพระเจ้าเฮนรี่ฯ ซึ่งถูกประหารในข้อหาคบชู้อีกเช่นกัน
สุภาพสตรีคนดังที่อีกคนคือเจ้าหญิงอลิซาเบธ พระองค์ถูกนำตัวไปคุมขังโดยคำสั่งของพระราชินีแมรี่ พี่สาวต่างมารดา เนื่องจากเป็นที่สงสัยว่าทรงมีส่วนร่วมในการสนับสนุนฝ่ายโปรเตสแตนต์ซึ่งเป็นฝ่ายตรงกันข้ามของพระองค์ แต่ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นเมื่อพระนางแมรี่สวรรคตไปเสียก่อน พระองค์ซึ่งเป็นรัชทายาทก็ได้รับการอัญเชิญออกจากคุกมาครองบัลลังก์กษัตริย์อังกฤษแทน
จาก wilipedia
มีเกร็ดเล็กน้อยคือ วันที่เจ้าหญิงอลิซาเบธเข้ามาที่นี่ตามธรรมเนียมปกตินักโทษจะต้องถูกนำตัวเข้ามาที่ประตูผู้ทรยศ (Theater gate) แต่พระองค์ปฏิเสธที่จะเข้าทางประตูนี้เนื่องจากพระนางไม่ใช่ผู้ทรยศ ทุกวันนี้ประตูแห่งนี้ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวชอบมาดูเพราะมีประวัติศาสตร์ตรงส่วนนี้อยู่
เรื่องราวสำคัญอีกประการที่ถูกจดจำในประวัติศาสตร์ คือการฆาตกรรมลึกลับที่เกิดขึ้น
โดยเหยื่อนั้นได้แก่พระราชโอรสของเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 ได้แก่ เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดซึ่งมีพระชนมายุเพียง 12 พรรษา และริชาร์ดดุ๊กออฟยอร์กพระอนุชา ซึ่งถูกชิงบัลลังก์โดยพระเจ้าริชาร์ดที่ 3 ซึ่งเป็นพระปิตุลา
ภาพจาก wikipedia
ทั้ง 2 พระองค์ถูกสั่งให้ไปอยู่ในหอคอยโดยอ้างเหตุผลว่าเพื่อความปลอดภัยแต่หลังจากนั้นก็สาบสูญไป มีเรื่องเล่ากันว่าพระองค์หนึ่งถูกหมอนกดทับให้ขาดใจและอีกคนถูกแทงด้วยมีด แต่ก็ไม่มีหลักฐานอะไรมาผูกมัด
อย่างไรก็ตามเมื่อกาลเวลาผ่านไปยาวนาน มีการค้นพบโครงกระดูกเด็กชายสองคนที่ฐานของหอคอยขาว และถูกเชื่อว่าเป็นกระดูกของเจ้าชายทั้งสอง หลังจากนั้นจึงได้รับการนำไปฝังไว้ในวิหารเวสต์มินสเตอร์
แน่นอนที่นักโทษเหล่านี้ต้องไม่ใช่ธรรมดา แต่เป็นคนพิเศษมีตำแหน่งสูงหรือเป็นตัวอันตรายสูงสุดต่อราชอาณาจักร
อย่างไรก็ตาม นักโทษเหล่านี้ไม่ได้อยู่อย่างทรมานเสียทุกคน อย่าลืมนะว่านักโทษที่นี่เป็นคนพิเศษ ตัวอย่างเช่นพระเจ้าจอห์นแห่งสก๊อตแลนด์ ได้รับอนุญาตให้เดินออกไปไหนต่อไหนได้ไกลถึง 21 ไมล์ โดยมีหมาและม้าไปด้วย
ในห้องหนึ่งของหอคอยเกลือ เราจะได้เห็นจารึกที่บนผนังที่ถูกเขียนขึ้นโดยนักโทษชั้นสูงเพื่อระบายความในใจขณะที่ถูกจองจำ ส่วนใหญ่เป็นคำกล่าวสักการะพระผู้เป็นเจ้าและนักบุญที่ตนนับถือ
นักโทษอีกคนในตำนานคือนักเล่นแร่แปรธาตุชื่อฮิว แดรพเพอร์ (Hew Draper) ผู้ถูกขังด้วยข้อหาเป็นพ่อมดในศตวรรษที่ 16 ฮิว แดรพเพอร์ ได้ฝากรอยจารึกไว้บนผนังที่หอคอยซึ่งเรายังคงเห็นได้จนทุกวันนี่ ซึ่งเป็นรอยขูดขีดผนังเป็นรูปวงกลม มีเส้นตัดกันไปมาภายในและมีรายละเอียดซับซ้อน มีผู้ค้นพบว่ามันเป็นภาพของวงล้อจักรราศี มีตัวเลขวันที่อยู่ในนั้น หลายคนคิดว่าอาจเป็นการลงยันต์หรืออาคมบางอย่าง
จารึกบนผนังนี้ได้กลายเป็นสมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่งบนผนังหอคอยไปแล้ว และที่แปลกก็คือไม่มีบันทึกที่ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาในวาระสุดท้ายแห่งนี้ บางทีเขาอาจจะตายที่นี่ หรือพ้นโทษไป บางคนก็บอกว่าเขาใช้เวทย์มนต์เพื่อหายตัวไปจากที่หอคอยตลอดกาล
ลองมาฟังเรื่องสวยๆงามๆกันบ้าง ซึ่งก็ได้แก่เครื่องราชกกุธภัณฑ์ของอังกฤษ ที่นี่มีทั้งคทายอดเพชร มงกุฎเพชร แต่ที่สำคัญที่สุดคือพระมหามงกุฎของพระราชินี ที่ประดับด้วยเพชรโคห์อินูร์ ซึ่งแปลว่าขุนเขาแห่งแสงสว่าง เป็นที่ร่ำลือกันว่าผู้ใดได้ครอบครองจะเกิดภัยร้ายขึ้น
มีตำนานเล่าขานกันถึงที่มาของโคตรเพชรเม็ดนี้ว่ามันถูกขโมยมาจากพระนลาตของเทวรูปพระกฤษณะในวิหารแห่งหนึ่งโดยมันมีคำสาปว่าบุรุษที่ครอบครองเพชรนี้จะได้ครองโลกแต่จะต้องพบกับพินาศที่ยิ่งใหญ่ และเชื่อกันว่ามีเพียงสตรีเท่านั้นที่สามารถเป็นเจ้าของเพชรนี้ได้อย่างปลอดภัย
By Cyril Davenport (1848 – 1941) - G. Younghusband; C. Davenport (1919). The Crown Jewels of England. London: Cassell & Co. p. 18. (published in the US by Funk & Wagnalls, NY). For copyright notice, see The Jewel House (1921) opp. page 41., Public Domain, https://commons.wikimedia.org/w/index.php?curid=69074288
เพชรโคอินัวร์ก็ถูกเปลี่ยนมือไปสู่ผู้ปกครองในดินแดนต่างๆบริเวณชมพูทวีป ปากีสถาน อัฟกานิสสถานอีกหลายพระองค์ แต่ละรายที่ได้ครองพบกับพบกับหายนะในด้านต่างๆที่เกิดจากสงคราม การแย่งชิงอำนาจ และความรัก ตัวอย่างเช่นพระเจ้าชาห์จาฮานแห่งราชวงศ์โมกุลผู้สร้างทัชมาฮาล ก็เคยเป็นผู้หนึ่งที่ได้ครอบครองเพชรนี้ซึ่งได้นำพระองค์ไปสู่การถูกคุมขังและความตายในเวลาต่อมา จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่
อย่างไรก็ตามสำหรับคนที่เชื่อคงจะเบาใจได้ในขณะนี้เพราะเจ้าของมงกุฏในปัจจุบันคือสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่สองซึ่งเป็นสตรี
คราวนี้ของเล่าเรื่องสัตว์โลกผู้น่ารักที่หอคอยแห่งนี้บ้าง ก่อนอื่นขอเริ่มด้วยนางเอกชุดดำแห่งหอคอยฯซึ่งก็คืออีการาเวน (raven) ซึ่งถูกเลี้ยงไว้อย่างดีเพื่อพิทักษ์รักษาราชวงศ์อังกฤษ ที่กล่าวมานี้ไม่ใช่เรื่องเกินเลยแต่อย่างใดเพราะฝูงนกกาเหล่านี้ผูกพันกับเรื่องคำสาปโบราณ (หนีไม่พ้นเรื่องนี้อีกแล้ว) ที่มีการพยากรณ์ในสมัยพระเจ้าชาร์ลที่ 2 ว่าวันใดที่หอคอยแห่งลอนดอนไม่มีอีกาอยู่วันนั้นจะเป็นวันสิ้นสุดของราชวงศ์อังกฤษ
ภาพจาก shutter stock
ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ จะมีใครเชื่อก็ตาม สิ่งนี้ส่งผลให้หมู่กาเหล่านี้ได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดี แต่ก็ต้องแลกกับอิสรภาพโดยการถูกเล็มปีกเพื่อให้บินหนีไปไหนไม่ได้แบบเดียวกับนางมโนราห์ของเรา แต่แปลกจัง วันที่ผมเข้าไปชมนั้นเจออีกาอยู่ตัวเดียวเหมือนเอาไว้เป็นนางโชว์เท่านั้น ตัวอื่นถูกเก็บไปไว้ไหนหมดไม่รู้ แต่ถ้าใครอยากเข้าไปทักทายก็ขอเตือนนะว่าพวกมันไม่ใช่นกน้อยน่ารัก มีข่าวเตือนว่าไม่เป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวและมีบางคนโดนจิกตีด้วย
เรื่องของหอคอยแห่งลอนดอนจะยังไม่สมบูรณ์หากไม่ได้พูดถึงสีสันสดใสของที่แห่งนี้ ซึ่งก็คือยัวร์มาน (yeoman) คือเจ้าหน้าที่ของพระราชวัง ซึ่งมีความโดดเด่นจากการแต่งชุดสุดเฟี้ยว เป็นชุดตามแบบเจ้าพนักงานสมัยโบราณสีแดงฉูดฉาดบาดตาใส่หมวกสวยเก๋ ชวนให้นึกถึงซานตาครอส
คุณยัวร์มานเหล่านี้นอกจากจะเป็นเจ้าหน้าที่ในคุก เอ๊ย ในวังแล้ว ยังคอยอำนวยความสะดวก ควบคุมดูแลหอคอยฯ อีกทั้งสามารถเล่าเรื่องต่างๆให้นักท่องเที่ยวฟังอีกด้วย เราจึงได้เห็นนักท่องเที่ยวจับกลุ่มกันรายรอบชายชุดแดง ตั้งใจฟังแล้วก็มีเสียงหัวเราะออกมาเป็นครั้งคราว เพราะยัวร์มานชอบเล่าเรื่องตลกสอดแทรกไปพร้อมกับเกร็ดต่างๆที่สนุกสนาน
ภาพจาก Historic Royal Palace https://www.hrp.org.uk/tower-of-london/history-and-stories/yeoman-warders-at-the-tower-of-london/#gs.clq1zh
หน้าที่สำคัญของยัวร์มานอีกประการคือการไล่คนออกตอนที่หอคอยฯปิด เหล่าซานตาครอส เอ้ย ยัวร์มานจะเดินมาตะโกนเสียงดังว่าหมดเวลาแล้ว (แต่นักท่องเที่ยวจะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินจนพวกเขาต้องตะโกนดังขึ้นเรื่อยๆ)
และหน้าที่พวกเขาไม่ได้หมดเพียงแค่นั้น ยัวร์มานตัองทำหน้าที่สืบสานประเพณีสำคัญของชาววังที่พวกเราจะไม่ค่อยได้เห็น นั่นก็คือพิธีล็อคประตู ซึ่งพิธีนี้นี้สำคัญไม่ใช่เล่นเป็นเรื่องเป็นราวหรูหราเลยทีเดียวมีชื่อเรียกว่าพิธีแห่งกุญแจ (ceremony of the keys)
อย่าลืมซิว่าที่นี่คือคุกหลวง การล็อคประตูก็จะต้องมีพิธีรีตรองเป็นธรรมดา
หัวหน้ายัวร์มานจะทำหน้าที่เดินถือตะเกียงและกุญแจไปพร้อมกับทหารกองน้อย 4 นาย ตั้งแถวตบเท้าเป็นระเบียบไปยังแต่ละประตูแล้วทำการล็อค แล้วเมื่อมาถึงประตูหอคอยเลือดก็จะพบกับนายทหารเฝ้าประตูคนหนึ่งซึ่งจะชี้กระบอกปืนมา แล้วตะโกนถามว่า "ใครมาน่ะ" ซี่งยัวร์มานต้องตอบไปว่า "กุญแจมา"
นายทหารจะถามกลับว่า "กุญแจของใคร" ยัวร์มานก็จะตอบว่า "กุญแจของพระราชินีอลิซาเบธ" แล้วอีกฝ่ายก็จะบอกว่า "จงส่งกุญแจของพระราชินีมา" แล้วให้ยัวร์มานเดินผ่านเข้าไปทำหน้าที่ต่อ ซึ่งพวกเขาจะเปิดหมวกออกชูขึ้นและพูดว่า "ขอพระเจ้าคุ้มครอง" นายทหารจะพูดกลับไปว่า "เอเมน"
หลังจากนั้นเสียงแตรจะดังขึ้น และหัวหน้ายัวร์มานก็จะนำกุญแจกลับเข้าไปเก็บ
ถ้าสนใจมาดูวีดีโอได้ตามลิงก์นี้ได้ครับ
ขั้นตอนเหล่านี้เป็นพิธีการซึ่งต้องทำทุกวันซ้ำๆกันและทำต่อเนื่องมาเป็นเวลา 700 กว่าปีแล้วไม่รู้ว่าเค้าเบื่อกันรึเปล่า แม้ว่าจะดูไร้สาระแต่ก็แสดงวินัยของผู้ดูแลรักษา และเหนืออื่นใดก็คือการรักษาวัฒนธรรมประเพณีโบราณอันเป็นลักษณะเด่นของคนอังกฤษ เรื่องที่น่ายินดีก็คือมีข่าวว่าตอนนี้พิธีแห่งกุญแจเปิดให้นักท่องเที่ยวได้ชมแล้ว เผื่อใครอยากดูงานเอาไว้ใช้ที่บ้านตนเองก็สามารถจองตั๋วไปดูได้ แต่ที่นั่งมีจำกัดและต้องไปดูช่วงกลางคืน
ประชาสัมพันธ์ว่า ตอนนี้กำลังทยอยเขียนเรื่องราว บันทึกการเดินทาง อังกฤษ สก๊อตแลนด์อยู่ หลายบทความ
เชิญไปชมกันที่ https://pantip.com/topic/41018924 ได้นะครับ มีเรื่องพิพิธภัณฑ์และหอศิลป์จะกำลังนำลงอยู่เยอะ
โฆษณา