27 ต.ค. 2021 เวลา 05:40 • นิยาย เรื่องสั้น
มาๆ วันนี้เรามาต่อกับ เทพคู่เหมือนตอนที่ 2
วันนี้ขอเสนอตอน
เทพเจ้าวิหค
จากอินเดีย
ขอเสนอ
ครุฑ
และ จากจีน
ขอเสนอ
เล่ยกงหรือลุ่ยกง
มาเริ่มที่อินเดียกันก่อนตามธรรมเนียม(ของเพจนี้)
ครุฑ แนว แฟนตาซี วาดโดย คุณ Artnonz
ครุฑ หรือ การูด้า (गरुड़) เป็นเทพกึ่งเดรัจฉาน มีกายเป็นมนุษย์แต่มีหัวและขาเป็นนกอินทรี มีปีกอยู่กลางหลัง ลักษณะของครุฑอาจกล่าวถึงต่างออกไปตามตำนานของประเทศต่างๆ เช่น ไทยเรา ก็กล่าวว่า ครุฑ มีทั้งกายสีทอง และสีแดง หรือสีอื่นๆ แต่โดยรวมๆแล้วคือ คนครึ่งนก นั่นเอง
การกำเนิดของครุฑนั้นต้องย้อนกลับไปในสัตยยุค ยุคแรกตามความเชื่อของศาสนาพราหมณ์ ฮินดู ตอนนั้น ฤๅษีกัศยปะ ได้ แต่งงานกับเหล่าลูกสาวทั้งหลายของพระทักษะประชาบดีบุตรแห่งพระพรหม มีบุตรมากมายกับชายาเหล่านั้น เช่น
นางทิติ มีบุตรกับฤๅษี เป็นพวกแทตย์หรือไทตยะ(อสูรคล้ายยักษ์แต่ไม่ใช่)
นางอทิติ มีบุตรกับฤๅษี เป็นเหล่าเทวดา
นางทนุ มีบุตรกับฤๅษี เป็นเหล่าทานพหรือทานวะ(คล้ายยักษ์แต่ก็ไม่ใช่เช่นกัน และเหล่าอสูรทานพ มักจะเข้าร่วมกับไทตยะในการศึกต่างๆ)
และมี อีกสองคนที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้เลยคือ
นางวินตา มารดาของครุฑ และ นางกัทรุ มารดาของเหล่านาค
นางทั้งสองได้ขอบุตรจากฤๅษีกัศยปะ
นางกัทรุขอให้ตนมีบุตรที่มีอิทธิฤทธิ์นับพันตน
และนางวินตาขอให้ตนมีบุตรเพียงแค่สองคน แต่ให้เก่งกว่าบุตรนางกัทรุ
ต่อมา นางวินตาให้กำเนิดไข่ สองฟอง........
อย่าเพิ่งคิดว่านางวินตาเป็นไก่หรือไดโนเสาร์
ครับ
หล่อนคลอดลูกเป็นไข่ครับ
และต่อมาไม่นาน นางกัทรุก็ให้กำเนิดนาคนับพันๆตัว
นางวินตาพอเห็นน้องคลอดลูกก่อนก็เริ่มมีอารมณ์ไม่พอใจ ด้วยความใจร้อน ที่ไข่ไม่ฟักสักที นี่ก็หลายพันปีแล้ว จึงไปเจาะไข่ซะเลย
ว่าแล้วก็ตอกไข่ ลงกะทะ เตรียมเบคอน แฮม ขนมปังเลย
มะเหงกน่ะ!!!!!!!!
นางวินตาไม่ได้ตอกไข่เพื่อทำชุดอาหารเช้าหรอกครับ แต่นางพยายามที่จะเร่งให้บุตรคลอดเร็วๆ แต่นั่นกลายเป็นจุดกำเนิดของเรื่องราววุ่นวายต่อมาที่พาคนมาข้องเกี่ยวอีกนับไม่ถ้วน
พอไข่แตก ก็ปรากฏร่างของชายคนหนึ่งที่มีเพียงครึ่งตัว ชายคนนั้นโกรธมากที่แม่มาตัดวงจรการเจริญเติบโตของตนจนตนต้องเกิดมาพิการ จึงได้สาปแม่ให้ต้องตกเป็นทาสของนางกัทรุ และน้องชายของตนจะเป็นคนมาช่วย แต่ที่แน่ๆไม่ได้มาง่ายๆ กว่าน้องชายตนจะเกิดอีกกว่าห้าร้อยปี รับกรรมไปเถอะนังแม่ใจยักษ์
ต่อมา เทพบุตรองค์นี้ได้ชื่อว่า "อรุณ"เทพบุตร
อรุณได้ขึ้นไปเป็นสารถีให้กับพระสูรยะ(พระสุริยะ/พระอาทิตย์)ตั้งแต่นั้นมา
พระอรุณ สารถีแห่ง สุริยเทพ https://www.voicetv.co.th/read/533485
นางวินตาก็ได้แต่คอตกรับกรรม
เวลาล่วงเลยมาจนถึง เหตุการณ์ที่พระอินทร์ถูกฤๅษีทุรวาสสาปให้รบแพ้อสูร เหล่าเทวดาไม่อาจสู้เหล่าอสูรต่างๆได้ จึงไปขอความช่วยเหลือจากพระวิษณุ พระวิษณุจึงแนะนำให้เทวดาตกลงกับอสูรในการกวนเกษียรสมุทรเพื่อทำน้ำอมฤต แล้วพระองค์จะอวตารเป็นเต่ายักษ์ไปช่วยรองรับภูเขามัทระที่ใช้เป็นไม้กวนเอง
นาคราชวาสุกรี บุตรของนางกัทรุ อาสาเป็นเชือกพันไม้กวน เหล่าอสูรดึงทางหัว เหล่าเทพดึงทางหาง กวนกันเป็นล้านๆปี ในช่วงแรกแทบไม่เห็นฝั่ง ภูเขามัทระ เจาะก้นทะเลแทบทะลุ
แต่เมื่อ กูรมาวตาร เต่ายักษ์ถือกำเนิดขึ้น และได้เอากระดองไปเป็นฐานรองรับภูเขามัทระ ในท้ายที่สุดก็สำเร็จ ธันวันตรี เทพแห่งยา ได้ทูนน้ำอมฤตขึ้นมา
โดยมีของวิเศษ ออกมากับน้ำอมฤตด้วย เช่น พระแม่ลักษมี(ต่อมาเป็นชายาของพระนารายณ์) พระอาทิตย์ พระจันทร์ โคสุรภี ช้างเอราวัณ ม้าอุไฉศรพ(อุ-ไฉ-สะ-ระ-พะ หรือ สะ-ระ-วะ) ฯลฯ
เทวดากับอสูรสามัคคีได้แค่แป๊บเดียว ก็กลับมาตีกันแย่งน้ำอมฤตอีก (ตรงนี้ผมขอไม่เล่านะครับเพราะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพญาครุฑโดยตรง ถ้าใครอยากทราบตอนนี้ผมได้รวมบทความเป็นซีรีย์ไว้แล้วครับ)
และม้าอุไฉศรพนี่แหละครับต่อมาเป็นหนึ่งในมูลเหตุแห่งเรื่องราวนี้
ย้อนกลับไปช่วงก่อนการกวนเกษียรสมุทรจะสำเร็จ นางวินตาและนางกัทรุ ได้พนันกันว่าม้าอุไฉศรพจะมีขนสีอะไร (บ้างก็ว่าทานสีม้าเทียมรถทรงของพระอาทิตย์) นางวินตาทายว่าขาว แต่นางกัทรุ ทายว่าดำ พอการกวนเกษียรสมุทรสำเร็จ ม้าอุไฉศรพถือกำเนิดขึ้น ก็มีขนสีขาวปลอดทั่วตัว แต่นางกัทรุโกง โดยการให้ลูกนาคนับพันกลายร่างเป็นสีดำไปแทรกตามขนของม้าให้เต็ม บ้างก็ว่าให้ไปพ้นพิษใส่ แต่ก็มีลูกนาคบางกลุ่มไม่เห็นด้วยจึงถูกไล่ไป
เมื่อม้าอุไฉศรพ มีขนสีดำ(ปลอม) นางวินตาจึงพ่ายแพ้และต้องตกเป็นทาสของนางกัทรุนับหมื่นๆปี
หลังจากนั้นไม่นาน
เวลาผ่านไปจนครบกำหนด
ไข่ฟองที่สองที่เก็บไว้ก็ฟักออกมา
เป็นมนุษย์ครึ่งนกอินทรีมีร่างกายใหญ่โต
บุตรของนางวินตานั้นได้ชื่อว่า "เวนไตย"ที่แปลว่า บุตรแห่งวินตา
เวนไตยเกิดมาก็ได้พบว่า มารดาของตนมีชีวิตที่ลำบาก ต้องคอยดูแลปรนนิบัติน้องสาวตัวเอง
เขาเห็นว่า เรื่องนี้มันไม่เมคเซ้นส์อย่างยิ่ง ทำไมพี่น้องมาเป็นขี้ข้าน้อง จึงได้ถามมารดาของตน ทำให้รู้ว่านางกัทรุได้โกงพนัน เพื่อดึงแม่ตนไปเป็นทาส ทำให้เขาพยายามที่จะหาทางช่วยแม่ตลอด
วันหนึ่งเวนไตยได้ไปทำสัญญากับนาค ว่าจะนำน้ำอมฤตมาให้ดื่ม แต่ต้องแลกกับการปล่อยมารดาให้เป็นอิสระ พวกนาคตกลง
ปฏิบัติการชิงน้ำอมฤตจึงเริ่มขึ้น
https://www.thelallantop.com/bherant/this-is-how-vishnu-chose-garuda-as-his-vehicle/amp/
เวนไตยออกเดินทาง
ระหว่างทาง ขณะที่จับเต่าและช้างกินไม่รู้ว่าผิดพลาดทางเทคนิคยังไง ไปเกี่ยวเอากิ่งต้นไทรขนาดใหญ่ติดมาด้วย ทีแรกก็จะทิ้ง แต่เห็นว่าบนกิ่งไทร มีพวกฤๅษี "พาลขิยะ" เขาจึงนำไปวางที่เขาเหมกูฏ เพื่อรักษาชีวิตฤๅษีไว้ พวกฤๅษีจึงได้ขนานนาม เวนไตยว่า "ครุฑ" แปลว่า ผู้มีภาระอันหนักยิ่ง
พญาครุฑบุกเดี่ยวไปยังสวรรค์รบกับเหล่าเทวดา พวกเทวดาทราบกิตติศัพท์ของครุฑดีอยู่แล้ว สุดท้ายก็แตกพ่ายไปหมด ครุฑปล้นเอาน้ำอมฤตมาได้และหนีไป
ต่อมาพระนารายณ์ทราบเรื่องจึงได้มาปราบครุฑ ทั้งสองสู้กันอย่างดุเดือด แต่ต่างฝ่ายก็ไม่มีแววว่าจะเพลี่ยงพล้ำต่อกันเลย จึงได้เจรจากัน เมื่อพระวิษณุทราบเหตุผลจริงๆของครุฑก็เห็นใจ
จากนั้นครุฑก็ได้ถวายตัวเป็นพาหนะให้พระนารายณ์ และพระนารายณ์ก็บอกว่าจะยกฐานะให้ครุฑอยู่สูงกว่าตนเสมอ ในฐานะธงประจำพระองค์เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่าทั้งสองเท่ากันและยอมรับในกันและกัน พระนารายณ์ได้ให้พรว่า ครุฑ จะเป็นอมตะโดยไม่ต้องดื่มน้ำอมฤต และอนุญาตให้จับนาคกินได้ เว้นแต่ พี่ชายต่างมารดาสองคนของครุฑ คือ เศษะนาค หรืออนันตนาคราช บัลลังก์แห่งพระนารายณ์ และ วาสุกี หรือ วาสุกรี สังวาลย์ของ พระศิวะ ผู้ภักดีต่อองค์เทพ
แต่ พระอินทร์ก็ไม่ลดละความพยายาม จึงทรงช้างเอราวัณไล่ตามมาติดๆ พระอินทร์ฟาดวัชระใส่ครุฑอย่างรุนแรง แต่ ครุฑไม่สะดุ้งสะเทือน แต่ด้วยเกรงใจพระอินทร์จึงสลัดขนหลุด1เส้นเพื่อให้เห็นว่า อย่างน้อย อาวุธพระอินทร์ก็ทำร้ายตนได้
(พระอินทร์จะดีใจหรือโมโหดีนะ?) เมื่อรู้ว่าทำอะไรครุฑไม่ได้จึงพอแค่นี้ แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้ครุฑเอาน้ำอมฤตไปได้ ครุฑเองก็เข้าใจ จึงได้วางแผนกับเหล่าเทวดาว่าเมื่อตนนำน้ำอมฤตไปถึงจะออกอุบายหลอกพวกนาค และเมื่อตนวางน้ำอมฤตลง ให้เหล่าเทพนำกลับไปได้เลย
พญาครุฑเป็นพาหนะของพระวิษณุ หรือที่ไทยเรียก นารายณ์ทรงสุบรรณ https://m.patrika.com/astrology-and-spirituality/says-garud-puran-these-wife-and-friends-are-death-for-man-979509/
เมื่อครุฑไปถึงที่อยู่ของพวกนาค จึงได้มอบน้ำอมฤตให้ แต่ก็ได้ออกอุบายว่า ก่อนดื่มน้ำไปชำระล้างกายก่อนดีกว่า เพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่า(มันเกี่ยวกันด้วยเหรอ?)
แต่พวกนาคก็ดันพากันเชื่อ แห่พาเหรดกันไปอาบน้ำ จังหวะนั้นครุฑวางคนโทน้ำอมฤตลง และพามารดาบินจากไป เหล่าเทพที่ซุ่มอยู่ก็มาเอาน้ำอมฤตกลับสวรรค์ แต่ด้วยความรีบทำให้น้ำกระฉอกออกไปติดหญ้าคาแถบหนึ่ง ทั้งครุฑและเทพก็วินวินกัน ตั้งแต่นั้นมา หญ้าคาจึงถือเป็นหญ้าศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ในพิธีกรรมหลายๆครั้ง
https://apoloniodraws.artstation.com/projects/EVV0Z4
เมื่อเหล่านาคกลับมาก็พากันมีอาการนกหวีดขึ้นหัว(ปรี้ด) พากันก่นด่าครุฑกันยกใหญ่ แต่ก็มีนาคตาดีไปเห็นว่ามันมีน้ำอมฤตไปติดอยู่บนหญ้าคาบางส่วน จึงพากันไปเลียหญ้าคาเหล่านั้น
ผลคือถูกหญ้าบาดลิ้นจนแยกเป็นสิงแฉกกันหมด นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สัตว์ตระกูลงูจึงมีลิ้นเป็นสองแฉก และนาคก็ผูกใจเจ็บครุฑตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ครุฑยุดนาคอยู่หลายครั้ง ตีกันเป็นวรรคเป็นเวร
แม้จะมีพ่อคนเดียวกัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้พี่น้องเหล่านี้รักกัน ครุฑ กับ นาค เป็นศัตรูที่เราเห็นได้ชัดที่สุดเท่าที่เคยเห็น
ครุฑก็จับนาคกินอยู่บ่อยครั้ง
บางตำราก็ว่า ครุฑนั้นมีบุตรชายสองคน คือ สัมปฏิ(สัมพาที) และ ชฎายุ(สดายุ) ซึ่งทั้งสองมีบทบาทในรามายณะ นั่นคือ สัมปฏิ เป็นผู้นำทาง กองทัพวานรไปกรุงลงกา และชฎายุ คือผู้ขัดขวางราวณะ(ทศกัณฐ์)ที่ลักพาตัวนางสีดาไป
ส่วนในรามเกียรติ์ ก็มีเค้าโครง ทั้งสองคนเช่นกัน โครงเรื่องคล้ายกันเลย แต่ต่างแค่ว่า รูปลักษณ์ของทั้งสอง เป็นนกที่สง่างามเหมือนครุฑ แต่ใน รามายณะ ระบุว่าทั้งสองเป็น อีแร้ง(?)
ภาพวาด ชฎายุ(สดายุ)เข้าขัดขวางราวณะ(ทศกัณฑ์)ขณะที่ลักพาตัวนางสีดาแล้วถูกสังหาร วาดโดย คุณ ราชา รวิ วรมา
ครุฑปรากฏอยู่ในสื่อร่วมสมัยมากมาย ไม่ว่าจะภาพยนตร์ การ์ตูน งานจิตรกรรมต่างๆ หรือแม้กระทั่งเป็นตราแผ่นดิน เช่นประเทศไทย และ อินโดนีเซีย
ตัวอย่างภาพยนตร์ ที่มีครุฑไปปรากฏตัวเช่น
ภาพยนตร์ไทยเรื่อง ปักษาวายุ โดยเนื้อเรื่องกล่าวถึงสัตว์โบราณลักษณะคล้ายครุฑที่มีจิตใจอำมหิตผิดกับสัตว์ตัวอื่นๆในเผ่าพันธุ์ จึงถูกพวกเดียวกับจับผนึกให้อยู่ในสภาพจำศีลก่อนที่จะย้ายถิ่นฐานไปที่อื่น ทิ้งให้มันหลับไหลอยู่ใต้ดินที่ต่อมาเป็นเส้นทางในการสร้างรถไฟฟ้าใต้ดิน มันตื่นขึ้นด้วยเหตุบางอย่าง และอาละวาดขึ้นในกรุงเทพฯ
แอนิเมชั่นเรื่อง ครุฑ มหายุทธหิมพานต์ เป็นเรื่องราวของครุฑที่ทำศึกกับรากษสที่เข้ามารุกราน
หรือแม้กระทั่ง การ์ตูนดังจากญี่ปุ่น อย่างเรื่อง วันพีซ (one-piece) ตัวละคร วินสโมค จัดจ์ พ่อของซันจิที่เป็น ราชาแห่งอาณาจักร เจอร์ม่า 66 ก็มีสมญานามว่าการูด้า (แต่ส่วนใหญ่จะไม่แปลเป็นพญาครุฑแต่มักจะแปลเป็น พญานกอสูร พญานกปีศาจ พญาเหยี่ยว อะไรเทือกๆนั้น) เป็นต้น
Vinsmoke Judge Garuda of Germa http://www.anime168.com/2018/03/vinsmoke-judge.html?m=1
ที่นี้ เลื่อนมาทางจีนกันบ้าง
กับเทพเจ้าสายฟ้าแห่งประเทศจีน
เหลยกง https://www.artstation.com/artwork/Kae2KB
ชื่อของเขาคือ ลุ่ยกง(เหลยกง หลุยจินจู้ หรือ เหลยจินจื่อ) เทพสายฟ้า ผู้มีค้อน(ไม่ใช่มโยเนียร์)และสิ่วเป็นอาวุธ มีรูปลักษณ์เป็นคนยืนสองขาแต่มีหน้าตาเป็นนกอินทรีและมีปีก คล้ายกับพญาครุฑเป็นอย่างอย่างยิ่ง ถึงขนาดมีคนเข้าใจผิดกับพญาครุฑมาแล้ว
หากใครเคยอ่านวรรณกรรมจีนเรื่อง ห้องสิน คงจะคุ้นชื่อนี้ หรือถ้าเคยดูซีรีย์ นาจา เทพจอมอิทธิฤทธิ์ ของค่าย TVB จากฮ่องกง จะต้องรู้จักเขาในชื่อ "เด็กบินได้" อย่างแน่นอน
โดยในซีรีย์เขาจะเป็นเด็กเร่ร่อนบนภูเขาที่ไปเจอกับนาจาและเอ้อหลาง(เทพสามตา)ในวัยเด็กและใช้ชีวิตร่วมกันจนโต ต่อมาก็เข้าเมืองไปฝึกวิชาต่างๆ เข้ากองทัพและรบกับศัตรูมากมายจนได้รับตำแหน่งแม่ทัพ ต่อมาร่วมมือกับนาจาก่อเรื่องอาละวาดขึ้นในเมืองจึงถูกหลี่จิ้ง(พ่อนาจา)จับเข้าเจดีย์เพื่อลงโทษ
เหลยจินจื่อ จากเรื่อง นาจา เทพจอมอิทธิฤทธิ์ รับบทโดย คุณ Dickson Lee http://en.linkeddb.com/tv/59ed57f01d69eb002947d033/actor/
ภายหลัง ซีป้อโหว จีชาง ผู้ปกครองเมืองซีฉี ได้ไปทำเรื่องประกันตัวออกมาและเลี้ยงดูเป็นบุตรบุญธรรม ภายหลังจีชางถูกคุมขังที่เมืองหลวง และ จีเป๊ก(ในซีรีย์ชื่ออี้เสี้ยว) พี่ชายบุญธรรมของตน เสียชีวิต โดยการใส่ร้ายของ ต้าจี(ปีศาจจิ้งจอกเก้าหางแปลงกายมาหลอกฮ่องเต้)สนมเอกของ พระเจ้าโจ้วหวัง
หลายหัวเมืองไม่ขอทนความเลวของไอ้ฮ่องเต้คนนี้อีกต่อไป จีฟา(ในซีรีย์ชื่ออึ้งฟะ) สถาปนาตนเองขึ้นเป็น พระเจ้าโจวอู่หวัง ร่วมมือกับเจียงจื่อหยา โค่นล้มโจ้วหวังได้สำเร็จ ราชวงศ์ซาง ล่มสลาย สถาปนาราชวงศ์ โจวตะวันออก ขึ้นแทน
ภายหลังโจวอู่หวังและเจียงจื่อหยาได้จัดให้มีการเรียกตัวทหารทั้งหมดที่เข้าร่วมกองทัพมารับความดีความชอบ
เหลยจินจื่อ ได้รับตำแหน่ง "เทพอสุนีบาต" นับแต่นั้นเป็นต้นมา
ส่วนถ้าประวัติของเขาโดยไม่อิงซีรีย์ใดๆเลยก็ตามนี้ครับ
ตามวรรณกรรม จริงๆแล้ว เหลยจินจื่อ บ้างก็ว่าเป็นบุตรบุญธรรม บ้างก็ว่า เป็นบุตรชายแท้ๆคนที่101ของ ซีป้อโหว จีชาง แห่ง ซีฉี แต่ไม่ได้มีรูปร่างเป็นนกมาตั้งแต่ต้น แต่เดิมเขาเป็นเด็กปกติศึกษาอยู่กับนักพรตหวินจงจื่อ ในช่วงที่ เขาอยู่กับนักพรตนั้น จีชางได้ต้องอาญาแผ่นดิน ด้วยถูกใส่ความจากราชสำนัก เพราะจีชางเป็นคนกว้างขวาง เกรงจะเป็นภัยในอนาคต จึงถูกเรียกตัวเข้าเมืองเฉาเกอ เมืองหลวงในขณะนั้น เพื่อรับโทษ
จีเป๊ก พี่ชายคนโตได้เข้าเมืองหลวงเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้บิดาของตน แต่ก็ถูก ต้าจี ใส่ความอีก จนโดนประหารชีวิต ความอำมหิตของพวกมันไม่หมดแค่นั้น มันยังเอาเนื้อของ จีเป๊กไปผสมกับขนมให้ จีชางกิน จีชาง แกล้งทำเป็นไม่รู้และกินเข้าไป โจ้วหวัง จึงปล่อยตัวเพราะเข้าใจว่าเป็นบ้า ไม่น่ามีพิษภัยอะไรอีกแล้ว
จีชางแค้นใจยิ่งนักแต่ทำอะไรไม่ได้(ในซีรีย์อ้วกเป็นกระต่ายแล้วไล่ตามกระต่ายแถมเรียกกระต่ายเป็นชื่อลูกด้วย) แต่ไปได้ไม่ถึงไหน โจ้วหวังก็ส่งคนมาลอบฆ่า แต่เหลยจินจื่อก็มาช่วยบิดาไว้ได้ทัน แต่มาในร่างของคนครึ่งนก
เนื่องจากก่อนหน้านี้ ท่านนักพรตได้เข้าฌานแล้วเห็นภาพว่าจีชางจะต้องถูกฆ่าในวันหนึ่ง จึงให้ เหลยจินจื่อและเพื่อนไปหาศิลาวิเศษมาทำอาวุธ ระหว่างทางเขาได้พบผลไม้น่าอร่อยสองลูก จึงหมายจะแบ่งให้อาจารย์1ลูก แต่เนื่องจากว่าอร่อยเกิน จึงกินเพลิน รู้ตัวอีกทีก็หมดไปแล้วทั้งสองลูก
ทันใดนั้นเอง ร่างกายของเขาก็เปลี่ยนไป มีปีกและจงอยปากงอกออกมา ร่างกายสูงใหญ่ขึ้น จึงพากันเตลิดกลับมาหาอาจารย์ ท่านนักพรตจึงได้มอบอาวุธให้และสั่งสอนวิชาต่างๆเพิ่ม
https://www.artstation.com/artwork/R3x0W
หลังจากช่วยจีชางได้แล้ว เหลยจินจื่อ ก็ศึกษากับท่านนักพรตต่อ หลังจากนั้นไม่นานนัก จีชางได้พบกับ เจียงจื่อหยา ที่ตกปลาในอากาศ คนต่างก็คิดว่าเขาบ้าจึงไม่คุยด้วย แต่จีชางสงสัยจึงถาม
เจียงจื่อหยาจึงตอบว่า ตนไม่ได้ตกปลาแต่กำลังตกผู้กล้าไปช่วยเหลือบ้านเมือง ทั้งคู่จึงได้สนทนากันยกใหญ่ จีชางตัดสินใจร่วมอุดมการณ์กับเจียงจื่อหยา เจียงจื่อหยาก็ดีดนิ้วทันที พลางว่า
"ปลาตัวใหญ่กินเบ็ดแล้ว"
เจียงจื่อหยาได้ร่วมงานกับจีชาง พัฒนาบ้านเมือง ฝึกปรือกำลังพล จนเวลาผ่านไป6ปี จีชางก็เสียชีวิต จีฟาบุตรชายคนรองได้ขึ้นมาทำหน้าที่แทน และรวบรวมผู้กล้าทั่วแผ่นดิน เพื่อต่อต้าน ทรราชโจ้วหวัง จีฟาได้สถาปนาตนเองขึ้นเป็นพระเจ้าโจวอู่หวัง สถาปนาราชวงศ์โจวตะวันออก ขึ้น และเริ่มทำสงครามกับโจ้วหวัง โดยมีเหลยจินจื่อ เจียงจื่อหยา นาจา เอ้อหลาง หลี่จิ้ง ฯลฯ เป็นกำลังสำคัญ
เกิดศึกน้อยใหญ่ขึ้นมากมาย เหลยจินจื่อ ช่วยพี่ชายออกรบอย่างกล้าหาญ อยู่เนิ่นนาน จนในที่สุด กองทัพของจีฟาก็สามารถล้อมเมืองเฉาเกอได้ โจ้วหวังเผาตัวตายในตำหนัก ส่วนปีศาจจิ้งจอก เชื่อกันว่า มันหลบหนีไปได้ และต่อมาได้ไปปรากฏตัวที่ญี่ปุ่น
หลังจากเสร็จศึกครั้งนี้ เจียงจื่อหยาได้ เรียกตัวเหล่านักรบทั้งหมดให้มารับตำแหน่งบนสวรรค์
แม่ทัพธงเขียว ลุ่ยกง https://pin.it/4VUovHN
โดย เหลยจินจื่อ ได้รับตำแหน่ง เทพอสุนีบาต นับแต่นั้นเป็นต้นมา โดยมักจะทำหน้าที่ร่วมกับเทพเตียนบ๊อ
นอกจากนี้ก็ทำหน้าที่เป็น แม่ทัพสวรรค์ ประจำทิศตะวันออก มีธงประจำหน่วยเป็นสีเขียว กำลังพลภายใต้การบังคับบัญชามีมากถึง 99,000นาย
ลุ่ยกง และ เตียนบ๊อ https://www.cnxseed.com/cmxseedforumn/index.php?topic=173292.0
ลุ่ยกง ปรากฏตัวในสื่อต่างๆในจีนหรือฮ่องกง โดยมักจะเป็นการ์ตูนหรือละคร
เช่น God of honour ปี 2001 หรือชื่อไทยว่า นาจา เทพจอมอิทธิฤทธิ์
ไซอิ๋ว ปี 1996-1998 โดยโผล่มาเป็นตัวประกอบสู้กับหงอคงแล้วแพ้ บางทีก็เดินผ่านกล้อง
ทั้งสองเรื่องเป็นของค่าย TVB
หรือจะเรื่อง leizhenzi the origin of the gods
ที่ว่าด้วยเรื่องราวของ เหลยจินจื่อ (เรื่องนี้ในกัมพูชาหาไม่เจอ หากมีเพื่อนๆในไทยได้รับชมเรื่องนี้แล้ว มาเล่าให้ฟังก็ได้นะครับ)
leizhenzi the origin of the gods https://m.imdb.com/title/tt14321222/
นอกจากนี้ ชื่อของลุ่ยกง 雷公 ในภาษาญี่ปุ่น อ่านว่า ไรโก หรือ ไรโค ยังถูกใช้เป็นชื่อของโปเกมอน ธาตุไฟฟ้า หนึ่งในสามโปเกมอนในตำนาน อันประกอบด้วย ไรโค เอ็นเต และ ซุยคุน
ไรโค จากเรื่อง โปเกมอน https://th.portal-pokemon.com/play/pokedex/243
สำหรับในตอนนี้เราพบความแตกต่างอยู่มากมายระหว่างครุฑและลุ่ยกง แม้ทั้งคู่จะมีรูปลักษณ์ภายนอกที่เหมือนกัน แต่หน้าที่นั้นต่างกันมาก ครุฑมีฐานะเป็นพาหนะของพระวิษณุ และเจ้าแห่งนก แต่ลุ่ยกงมีฐานะเป็นเทพสายฟ้า ในความเชื่อของลัทธิเต๋า ถ้าให้เทียบตำแหน่ง ก็จะเทียบได้กับพระอินทร์ในส่วนของเทพสายฟ้า(ไม่เกี่ยวกับตำแหน่งเทวราช) ส่วนรูปลักษณ์ก็เทียบได้กับพญาครุฑ นั่นเอง
ส่วนในด้านของอิทธิฤทธิ์
คราวนี้ผมไม่ได้อวยฝั่งฮินดูนะ แต่สเกลพลังต่างกันมาก เพราะ ครุฑมีอิทธิฤทธิ์ตั้งแต่เกิด แต่เหลยจินจื่อเกิดมาเป็นคนธรรมดาก่อนจะมีอิทธิฤทธิ์
แถมครุฑนั้นใครก็ปราบไม่ได้ อิทธิฤทธิ์แทบจะเทียบเท่าพระวิษณุ และถึงพระอินทร์จะฟาดวัชระใส่ ก็ทำอะไรครุฑไม่ได้ หากเปรียบเทียบวัชระถ้ามีความสามารถเท่ากับค้อนอัสนีของเหลยจินจื่อ ก็คงไม่สามารถทำอะไรพญาครุฑได้แน่นอน
แต่ส่วนตัวผมยกให้ครุฑชนะครับ
ก็จบกันไปแล้ว สำหรับพาร์ทนี้นะครับ
อาจจะมาช้าหน่อย (แต่ก็มาช้านั่นแหละ)
หากมีข้อมูลผิดพลาด ตกหล่นประการใด สามารถแย้งได้ และขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ
ตอนต่อไปใบ้ให้ว่า จะไม่เกี่ยวกับวรรณกรรมสันสกฤตหรือ วรรณกรรมจีนใดๆ
หากอยากทราบว่าเป็นเรื่องอะไร คอยติดตามนะครับ
วันนี้คงต้องลาไปก่อน พบกันใหม่ วันที่5พฤศจิกายน สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ
อ้างอิง
ข้อมูลส่วนตัว วินสโมค จัดจ์
ข้อมูลส่วนตัว ไรโค
ประวัติเหลยจินจื่อ
ไขข้อสงสัยทำไม"นาค"กลัว"ครุฑ"
ประวัติลุ่ยกง และ เตียนบ๊อ
โฆษณา