28 ต.ค. 2021 เวลา 02:50 • ธุรกิจ
HP เจ้าแห่งนักประดิษฐ์ ที่อดีตพนักงานไปก่อตั้งบริษัท Apple
รู้หรือไม่ว่า HP หนึ่งในแบรนด์คอมพิวเตอร์ ที่เรารู้จักกันดี
เรียกได้ว่าเป็นบริษัทเทคโนโลยีในยุคบุกเบิกของซิลิคอนแวลลีย์
2
นอกจากนี้ HP ยังเคยมีอดีตพนักงาน ที่ได้เสนอให้บริษัททำธุรกิจคอมพิวเตอร์
แต่ก็ต้องถูกปฏิเสธไป จนภายหลังพนักงานคนนี้ก็ได้ลาออกไปเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Apple
2
แล้วกว่าจะมาเป็น HP ในวันนี้
บริษัทมีจุดเริ่มต้นและเส้นทางการทำธุรกิจอย่างไร
รวมถึงใครกัน ที่เคยเป็นอดีตพนักงานและออกไปก่อตั้ง Apple ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
2
เรามาเริ่มจากการทำความรู้จักผู้ก่อตั้งบริษัทกันก่อน
ผู้ก่อตั้งของ HP มีอยู่ด้วยกัน 2 คนคือ William Hewlett และ David Packard
1
สำหรับ William Hewlett นั้น เขาเป็นคนที่มีอาการ Dyslexia
หรือก็คือภาวะความบกพร่องในการอ่านและเขียนตั้งแต่เล็ก
1
แต่เขาก็พยายามฝึกทักษะการจดจำเพื่อทดแทนสิ่งที่บกพร่อง
จนในที่สุด เขาก็พัฒนาทักษะในด้านนี้ จนกลายมาเป็นคนที่มีความจำที่ดีเลิศ
1
ทำให้เมื่อเขาได้เข้าเรียนในสาขาวิศวกรรมไฟฟ้า มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด
Hewlett ก็เลือกที่จะตั้งใจฟังและจดจำบทเรียนไว้ในสมอง
มากกว่าที่จะจดลงสมุดเหมือนคนอื่น ๆ ซึ่งเขาคืออัจฉริยะคนหนึ่งในชั้นเรียน
1
ส่วนผู้ก่อตั้งอีกคน หรือ David Packard
1
เขาก็ได้เข้าเรียนในสาขาและมหาวิทยาลัยเดียวกันกับ Hewlett
1
ที่นั่นเอง ที่ทำให้ทั้งคู่ได้รู้จักกันและได้กลายมาเป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
3
โดยหลังจากทั้งคู่ จบการศึกษาระดับปริญญาตรี
Hewlett ก็ได้ตัดสินใจที่จะศึกษาต่อในระดับปริญญาโท
ในขณะที่ Packard ก็ได้เริ่มต้นเข้าทำงานที่ General Electric
2
ในเวลาต่อมา เมื่อทั้งคู่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง พวกเขาจึงได้กลับมาพูดคุยกันอย่างจริงจังถึงการก่อตั้งธุรกิจของตัวเอง
3
บวกกับการผลักดันของ Frederick Terman ผู้ริเริ่มแนวคิดในการก่อตั้ง ซิลิคอนแวลลีย์
ซึ่งเป็นอดีตอาจารย์ของทั้งคู่ และต้องการให้ลูกศิษย์ทั้งสองคนเริ่มต้นเส้นทางของตัวเอง
1
จุดนี้เอง ที่ได้ทำให้บริษัทที่ชื่อว่า “HP” ถือกำเนิดขึ้นโดยอาศัยโรงรถที่จอดรถได้เพียง 1 คัน
ในบ้านของ Packard ที่ได้สร้างขึ้นมาให้เป็นทั้งออฟฟิศ ห้องทดลอง และโรงงานของบริษัท
ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองพาโล อัลโต ทางตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย
 
ซึ่งในตอนนั้น ทั้งคู่มีเครื่องเจาะโลหะ 1 เครื่อง และเงินทุนเพียง 538 ดอลลาร์สหรัฐ
หรือคิดเป็นราว 350,000 บาท เมื่อคำนวณมาเป็นค่าเงินในปัจจุบัน
3
โดยเหตุผลที่ต้องเป็นเมืองพาโล อัลโต นั่นก็เพราะว่าผู้ก่อตั้งทั้งสองคน ต้องการสนับสนุนความตั้งใจของ Frederick Terman ที่ต้องการจะสร้างเมืองแห่งเทคโนโลยีและนวัตกรรมขึ้นมา
1
ซึ่งปัจจุบันรู้จักกันในชื่อซิลิคอนแวลลีย์ ศูนย์รวมบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก และ HP ถือเป็นบริษัทเทคโนโลยีในยุคบุกเบิกของซิลิคอนแวลลีย์
1
ในช่วงแรกนั้น ทั้งคู่ต้องการให้มีชื่อของทั้งสองคนเป็นชื่อของบริษัท
1
แต่ทว่าตัดสินใจไม่ได้ว่าจะให้ชื่อใครขึ้นต้นก่อน ระหว่าง “Hewlett-Packard” หรือ “Packard-Hewlett”
1
เมื่อตัดสินใจไม่ได้ ทั้งคู่จึงตัดสินด้วยการสุ่มโยนเหรียญหัวก้อย ผลที่ได้จึงกลายมาเป็นชื่อบริษัทที่เรารู้จักกันจนถึงปัจจุบัน นั่นก็คือ Hewlett-Packard หรือเรียกสั้น ๆ ว่า HP
1
ในช่วงแรกนั้น ทั้งสองคนเข้าออกห้องปฏิบัติการในมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดอยู่เกือบทุกวันเพื่อปรึกษากับ Frederick Terman อาจารย์ของเขา และเพื่อค้นคว้างานวิจัย
1
โดยทั้งคู่ได้แบ่งสายงานในการบริหารกันอย่างชัดเจน
Hewlett จะเป็นแกนหลักในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัท
ในขณะที่ Packard จะคอยดูแลทางด้านงานขายและงานหลังบ้านอื่น ๆ
1
พวกเขาได้ลองพัฒนาผลิตภัณฑ์หลากหลายรูปแบบ อย่างเช่น
1
- อุปกรณ์สร้างคลื่นสั่นสะเทือน เพื่อใช้ในการลดน้ำหนัก
- อุปกรณ์สำหรับช่วยในการปรับแต่งเสียงเครื่องดนตรี
- โถปัสสาวะระบบอัตโนมัติ
- เครื่องจักรสำหรับเก็บเกี่ยวผักกาดหอม
1
และสินค้าชิ้นแรกที่ผลิตขึ้นมาได้ชื่อว่า HP 200A ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับการสร้างและทดสอบเสียงโดยได้ต้นไอเดียและอ้างอิง มาจากวิทยานิพนธ์ของ Hewlett
1
ซึ่ง HP 200A นั้น ก็ถูกออกแบบและผลิตมาอย่างดี ซึ่งมีประสิทธิภาพมากพอในระดับที่สามารถดึงดูดทีมวิศวกรจาก Walt Disney ให้มาเป็นลูกค้ารายแรกของ HP ได้สำเร็จ
โดย Walt Disney ก็ได้ซื้อ HP 200A ไปถึง 8 เครื่อง
เพื่อนำไปใช้ในการผลิตภาพยนตร์การ์ตูนเรื่อง Fantasia
3
หลังจากนั้นชื่อเสียงและยอดขายของบริษัทก็เริ่มมีมากขึ้น
เพราะสินค้าที่ HP ผลิตขึ้นมามีความซับซ้อนซึ่งยากต่อการเลียนแบบ
จนในปี 1940 HP ก็ได้ย้ายไปสร้างโรงงานแห่งใหม่ ที่ขนาดใหญ่ขึ้น ในเมืองเดิม
1
แต่ไม่นานหลังจากนั้น โลกก็เข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่ง HP ก็ได้รับข้อตกลงจากกองทัพสหรัฐอเมริกา ให้ผลิตและพัฒนาเครื่องมือเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กองทัพ โดยเฉพาะเครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับระบบเรดาร์
1
จากรายได้ที่เติบโตขึ้นต่อเนื่อง HP ก็ได้ตัดสินใจจัดสรรกำไรบางส่วนมาเป็นสวัสดิการ เช่น ประกันสุขภาพให้แก่พนักงานทุกคน ซึ่งการให้สวัสดิการแก่พนักงานถือเป็นเรื่องที่ใหม่มากในช่วงเวลานั้น
2
นอกจากนี้ HP ยังถือเป็นบริษัทแรก ๆ ที่ได้มีการจ่ายโบนัสให้พนักงานในรูปแบบที่อ้างอิงตามผลประกอบการของบริษัทอีกด้วย
หลังสิ้นสุดสงคราม อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก ก็ได้เติบโตขึ้นอย่างมาก
ซึ่งก็ได้ทำให้ HP ที่มีทีมวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี ได้ขยายใหญ่ขึ้นตามไปด้วย
1
มาถึงตรงนี้ ธุรกิจส่วนใหญ่ของ HP ยังคงอยู่ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวกับคลื่นความถี่เป็นหลัก ทั้งอุปกรณ์ที่ใช้ในการสร้าง ตรวจจับ วัดค่า และดัดแปลงคลื่น
โดยผลิตภัณฑ์ของ HP ถือว่ามีความสำคัญอย่างมากต่องานวิจัยและพัฒนาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก
จนกระทั่งในปี 1957 บริษัทก็ได้ระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์และมีการแจกหุ้นบางส่วนให้กับพนักงานที่ทำงานมาเกิน 6 เดือน และให้สิทธิพิเศษในการซื้อหุ้นเพิ่มเติมแก่พนักงาน
1
คำถามที่ทุกคนอาจสงสัยก็คือ แล้ว HP เริ่มรุกเข้าสู่ ธุรกิจคอมพิวเตอร์ได้อย่างไร ?
จริง ๆ แล้วคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของ HP ที่ผลิตขึ้นมานั้นไม่ได้ถูกพัฒนามาเพื่อผู้บริโภคทั่วไป
โดยคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของ HP ถูกผลิตขึ้นสำหรับการควบคุมและตรวจสอบอุปกรณ์อื่น ๆ ของ HP ซึ่งมีจุดเด่น ก็คือเครื่องดังกล่าว สามารถนำไปใช้ร่วมกับหลายผลิตภัณฑ์ของ HP ได้
1
แต่มันก็ยังไม่เป็นที่นิยมนัก เพราะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัท ยังคงไม่กว้างมากนัก
เพราะมีเพียงหน่วยงานวิจัย และองค์กรทางวิทยาศาสตร์ เท่านั้นที่ใช้ผลิตภัณฑ์แบบนี้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สร้างชื่อเสียงและรายได้ให้กับ HP อย่างมาก คือ “เครื่องคิดเลขแบบพกพา”
ในปี 1972 HP ได้เปิดตัว HP-35 เครื่องคิดเลขสำหรับงานทางด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรม
ซึ่งสามารถนำไปคำนวณตัวเลขที่ซับซ้อน อย่างเช่น ตรีโกณมิติและฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียล
แม้ว่าจะมีฟังก์ชันครบครัน แต่ที่มันฮิตก็เพราะว่าตัวเครื่องกลับมีขนาดเล็กพอที่จะสามารถใส่ในกระเป๋าเสื้อได้
นั่นจึงทำให้ เครื่องคิดเลข HP-35 ได้รับความนิยมอย่างมาก
ถึงแม้จะมีราคาสูงถึงเครื่องละ 86,000 บาท เมื่อคิดเป็นมูลค่าปัจจุบัน
ซึ่งความฮิตของเครื่องคิดเลขตัวนี้ ฮิตในระดับที่ว่าบริษัทต้องผลิตเต็มกำลังยาวนานเกือบ 2 ปี
เพื่อรองรับความต้องการจำนวนมาก โดยนิตยสาร Forbes ได้กล่าวว่า “HP-35 เรียกได้ว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงโลก”
แต่ก็มีเรื่องที่น่าเสียดายเกิดขึ้นในปี 1976
เมื่อนักศึกษาฝึกงานของ HP ที่ชื่อ Stephen G. Wozniak
ได้นำเสนอต้นแบบคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลให้กับ HP แต่ไอเดียดังกล่าวกลับถูกปฏิเสธไป
ซึ่งหลังจากนั้น Steve Wozniak คนนี้เอง ที่ได้เก็บไอเดียดังกล่าวไปใช้ในตอนที่เขาได้ร่วมกับ Steve Jobs เพื่อก่อตั้ง Apple ขึ้นมาในภายหลัง
1
และก็เป็นอย่างที่หลายคนรู้กันดีว่าคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ได้กลายมาเป็นอีกเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก
ต่อมา HP ได้ตัดสินใจรุกเข้าธุรกิจนี้ ในปี 1980 หรือราว 4 ปีหลังจากบริษัท Apple ได้ก่อตั้ง
แต่แม้ว่า HP จะประสบความสำเร็จกับสิ่งประดิษฐ์หลายอย่าง
แต่บริษัทกลับล้มเหลวในธุรกิจคอมพิวเตอร์ในช่วงแรก
เนื่องจากประสิทธิภาพ และความนิยมยังคงเป็น IBM ที่ทำได้เหนือกว่า
ซึ่งคอมพิวเตอร์รุ่นต่อ ๆ มา ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
แต่ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น HP ก็ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ทำให้บริษัทเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกนั่นคือเครื่องพิมพ์ โดยเฉพาะ LaserJet เครื่องพิมพ์ระบบเลเซอร์ ที่มีขนาดเล็ก พิมพ์ได้ไว และเปลี่ยนตลับผงหมึกได้ง่าย
โดย LaserJet กลายมาเป็นสินค้าขายดีและสามารถขายได้กว่า 250,000 เครื่องภายในปีแรกที่วางจำหน่าย
1
ซึ่ง HP ก็ได้ต่อยอดและพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องพิมพ์ เช่น การทำให้เครื่องพิมพ์ขนาดเล็กสามารถพิมพ์สีได้ จนกลายเป็นสินค้าหลักที่สร้างรายได้ให้กับบริษัทเป็นอย่างมาก
และในช่วงระหว่างปี 1985 ถึง 1990 ตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลก็เติบโตขึ้นอย่างมาก
เพราะผู้ผลิตสามารถสั่งซื้อฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์จากบริษัทอื่น มาประกอบขึ้นเป็นคอมพิวเตอร์
แล้วจำหน่ายภายใต้แบรนด์ของตัวเองได้
เมื่อไม่มีความยุ่งยากในการผลิต HP จึงสามารถออกสินค้าใหม่ ๆ ได้อยู่ตลอดเวลา
พร้อมกับมีหลากหลายผลิตภัณฑ์ให้เลือกซื้อและสามารถใช้ร่วมกันได้
โดยจำหน่ายในราคาที่ผู้บริโภคจับต้องได้
ส่งผลให้ HP กลายมาเป็นผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลกตามหลัง IBM และ Compaq ในเวลานั้น
ซึ่งในปี 2002 HP ก็ได้เข้าซื้อกิจการของ Compaq ทำให้ HP กลายเป็นผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก อยู่ในช่วงเวลาหนึ่ง
2
ผ่านมาจนในปี 2015 หรือก็เรียกได้ว่า HP ในยุคปัจจุบัน
ก็ได้ตัดสินใจแบ่งธุรกิจหลักออกเป็น 2 ส่วน คือ
- HP Inc. ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและเครื่องพิมพ์
1
- Hewlett Packard Enterprise เป็นผู้ให้บริการด้าน IT ครบวงจร อย่างเช่น ระบบเครือข่าย และ Cloud Computing
 
ซึ่งทั้ง 2 บริษัทมีรายได้รวมกันในปี 2020 กว่า 2.79 ล้านล้านบาท
และในปัจจุบัน HP Inc. ก็ครองส่วนแบ่งตลาดคอมพิวเตอร์ประมาณ 20%
เป็นรองเพียง Lenovo ที่มีส่วนแบ่งประมาณ 25%
อ่านถึงตรงนี้ก็น่าจะทำให้เราได้รู้ว่าจริง ๆ แล้ว
HP ที่เรารู้จักในฐานะแบรนด์คอมพิวเตอร์และเครื่องพิมพ์
ไม่ได้กำเนิดจากการผลิตคอมพิวเตอร์เหมือนอย่าง Apple หรือ Dell
3
แต่จุดเริ่มต้นของ HP คือการสร้างนวัตกรรมต่าง ๆ มากมาย
ที่เป็นรากฐานของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จำนวนมากในปัจจุบัน
ซึ่งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หลายอย่างที่เล่ามานั้น
ก็ยังคงเป็นที่นิยม และเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันของใครหลายคน
ไม่ว่าจะเป็นเครื่องคิดเลขวิทยาศาสตร์ เครื่องพิมพ์ ไปจนถึงคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล..
โฆษณา