28 ต.ค. 2021 เวลา 01:30 • ไลฟ์สไตล์
13 บทเรียนการเป็นผู้นำที่ดีจาก Colin Powell
คนที่จากไปแล้ว สิ่งเดียวที่พวกเขาหลงเหลือไว้บนโลกใบนี้ก็คือ ‘สิ่งที่เขาทำ’
18 ตุลาคมที่ผ่านมา พลเอกโคลิน พาวเวลล์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้เสียชีวิตด้วยวัย 84 ปี จากอาการแทรกซ้อนหลังติดเชื้อโควิด-19 เขาถือเป็นชาวผิวสีคนแรกที่ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาลของประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน และเป็นชาวผิวสีคนแรกที่ดำรงตำแหน่งประธานคณะเสนาธิการร่วมของสหรัฐภายใต้รัฐบาลของประธานาธิบดีจอร์จ เอช ดับเบิลยู บุช พลเอกพาวเวลล์ และได้มีบทบาทสำคัญในการนำพากองทัพสหรัฐฯ เข้าสู่สงครามอ่าวเปอร์เซียในปี 1991-1992 และได้เกษียณอายุในฐานะนายพล 4 ดาว หลังจากรับใช้กองทัพสหรัฐฯเป็นเวลากว่า 35 ปี
ผลงานต่างๆ ของพลเอกพาวเวลล์ไม่เพียงทำให้ประเทศเป็นไปอย่างสงบสุข สร้างความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นกันในระหว่างภูมิภาค แต่เขายังเป็นต้นแบบของการเป็นผู้นำ โดยในปี 2012 เขาได้เขียนหนังสือ ‘It Worked For Me: In Life and Leadership’ ที่พูดถึง 13 กฎของการเป็นผู้นำ ซึ่งจะทำให้เราเข้าใจลักษณะของการเป็นผู้นำที่ดี และนอกจากนี้ ผู้นำในองค์กรต่างๆ สามารถเรียนรู้และนำบทเรียนเหล่านี้ไปปรับใช้ในองค์กรของตนได้ มาดูกันทีละข้อเลยดีกว่า!
1) ปัญหาบางอย่างไม่ได้แย่อย่างที่คิด เดี๋ยวพรุ่งนี้มันก็ดีขึ้น
ทุกปัญหามีทางออกเสมอ และไม่ใช่ทุกครั้งที่เราสามารถแก้ไขมันได้ทันที จงให้เวลากับมัน บางที ผ่านไปอีกวัน ปัญหานั้นอาจจะคลี่คลายไปเอง หรือเราอาจจะคิดว่ามันไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือนตอนแรกที่เกิดขึ้นก็ได้
2) เมื่อโกรธ จงเอาชนะพลังลบ อย่าปล่อยให้มันครอบงำเรา
เราทุกคนไม่สามารถห้ามอารมณ์โกรธได้ แต่สิ่งที่เราทำได้คือการยอมรับว่าตนเองรู้สึกโกรธ หยุดเติมเชื้อเพลิงด้วยการกระทำ คำพูดหรือความคิดด้านลบ อย่าให้พลังลบนี้กัดกินหัวใจเราจนขัดขวางการทำงาน และทำให้เราไม่มีความสุข
3) อย่าให้อีโก้ของตัวเองสูงจนเกินไป
เมื่อเรามีตำแหน่งงานที่สูงขึ้น บ่อยครั้งที่เรามักลืมตัว และคิดว่าตนเองทำในสิ่งที่ถูกต้อง มีความสามารถพอที่จะจัดการงานต่างๆ ได้ ซึ่งในบางครั้ง เราก็มีโอกาสที่จะทำพลาดเช่นกัน การลดอีโก้ตัวเองและรับฟังผู้อื่นให้มากขึ้น จะทำให้ผู้นำได้เปิดมุมมองที่หลากหลาย และยังเป็นการเคารพต่อความเห็นของลูกน้องอีกด้วย
4) จงมั่นใจในความสามารถของตัวเอง
ผู้นำที่ดีจะถามอยู่เสมอว่า "ทำไมไม่" เมื่อต้องเผชิญกับสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ แม้ว่าวิธีการหนึ่งอาจไม่ได้ผล แต่พวกเขาก็สามารถหาวิธีอื่นเพื่อทำให้สิ่งที่เป็นไปไม่ได้กลายเป็นสิ่งที่เป็นไปได้
5) ระวังผลลัพธ์จากการตัดสินใจ
1
อย่ารีบร้อนกับการตัดสินใจ ผู้นำต้องคิดไตร่ตรองอย่างละเอียด เพราะเราไม่รู้ว่าการเลือกนั้นจะส่งผลกระทบอย่างไร ความระมัดระวังจะกรองผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิดและความผิดพลาด ทำให้สิ่งที่เราเลือกออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด
6) อย่าปล่อยให้เสียงเล็กเสียงน้อยขัดขวางการตัดสินใจที่นำไปสู่สิ่งดีๆ
บางครั้งผู้นำต้องยืนอยู่คนเดียว (หรือได้รับการสนับสนุนจากคนไม่กี่คน) ในสิ่งที่พวกเขารู้ว่าถูกต้อง พวกเขาต้องทำการตัดสินใจที่ยากลำบากและต้องมั่นใจว่าจะถูกต้อง ซึ่งบางครั้งก็อาจทำให้เราสูญเสียบางความสัมพันธ์ หรืออาจถูกวิพากษ์วิจารณ์กับการตัดสินใจนี้ แต่นั่นไม่สำคัญเลย ถ้าการตัดสินใจนี้จะนำเราทุกคนไปสู่สิ่งดีๆ ในอนาคต
4
7) เราไม่สามารถให้คนอื่นตัดสินใจแทนเราได้
แม้ว่าผู้นำที่ดีจะรับฟังและพิจารณาทุกมุมมอง แต่ท้ายที่สุดแล้ว ผู้นำต้องตัดสินใจด้วยตนเอง และรับผิดชอบต่อการเลือกของตน ถ้าผู้นำรู้สึกว่าการตัดสินใจอาจไม่ถูกต้อง จงตัดสินใจเกี่ยวกับสิ่งที่คิดว่าสามารถเกิดเป็นประโยชน์สูงสุด หลังจากนั้น ยอมรับการตัดสินใจ และเรียนรู้จากความผิดพลาดจากมัน
8) การตรวจสอบรายละเอียดเล็กๆ เป็นสิ่งสำคัญ
อย่ามุ่งเน้นแต่เป้าหมายใหญ่ๆ จนหลงลืมรายละเอียดรอบตัวไป เช่น ความเอาใจใส่ต่อลูกน้อง การให้โอกาสลูกน้องได้ทำสิ่งใหม่ๆ รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้จะเป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้นำมีความน่าเชื่อถือ เป็นที่ชื่นชอบ และทำให้งานออกมาสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
9) แบ่งปันความสำเร็จกับคนอื่นๆ
เมื่อประสบความสำเร็จ การแบ่งปัน ให้เครดิต ชื่นชมลูกน้อง จะทำให้พวกเขารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับความสำเร็จนี้ รู้สึกตนเองมีความสำคัญต่อองค์กรและหัวหน้า และยังเพิ่มความมั่นใจในการทำงานของลูกน้องอีกด้วย
10) จงเป็นผู้นำที่ใจเย็นและใจดี
หัวหน้าคือด่านหน้าที่รับมือกับปัญหาต่างๆ เป็นคนแรก ความใจเย็น มีสติจะทำให้สถานการณ์ต่างๆ เป็นไปอย่างราบรื่น นอกจากนี้ หัวหน้ายังต้องมีความเห็นอกเห็นใจ ใจดีกับลูกน้องเป็นบางครั้ง สิ่งนี้จะทำให้ลูกน้องรู้สึกสบายใจในการทำงาน และทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายและลูกน้องแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
11) จงเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์และมีความทะเยอทะยาน
ผู้นำที่ดีจะไม่พอใจแค่ความสำเร็จในปัจจุบัน แต่จะวางแผนและมองไปถึงอนาคต มีความชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องทำและกำหนดขอบเขตการรับผิดชอบงานอย่างชัดเจน เพื่อบรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งไว้
12) เอาชนะความกลัวด้วยการเผชิญหน้ากับมัน
ความกลัวจะทำให้เราไม่ได้อะไรเลย และทำให้เราไม่มีโอกาสพัฒนาตนเอง จงกล้าที่จะกระโจนเข้าไปในความกลัว ก้าวผ่านมัน เรียนรู้จากความผิดพลาดและแก้ไขมัน สิ่งนี้ถึงจะเป็นหนทางที่ทำให้เราประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง
13) มองโลกในแง่ดีอยู่เสมอ
การมองโลกในแง่ดี เชื่อว่าต้องมีวันที่ดี มีวันที่องค์กรสามารถประสบความสำเร็จ มุมมองด้านบวกนี้จะทำให้องค์กรและลูกน้องมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวมากขึ้น และยังเป็นพลังที่จะนำพาไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในอนาคตอีกด้วย
นอกจากหนังสือที่พลเอกพาวเวลล์ได้เขียนเกี่ยวกับบทเรียนของการเป็นผู้นำแล้ว ยังมีบทสัมภาษณ์ ผ่านมุมมองผู้บริหาร ผู้นำระดับสูงจากองค์กรต่างๆ ที่มีต่อพลเอกพาวเวลล์
Wes Jacobs อดีตนายทหารราบของกองทัพบกสหรัฐฯ กล่าวว่า เขามักจะอ่านหนังสือเกี่ยวกับบทเรียนการเป็นผู้นำของพาเวลล์ในขณะที่เขากำลังปฏิบัติหน้าที่ Jacobs บอกว่า “การมองโลกในแง่ดีและความกระตือรือร้นในฐานะผู้นำนั้น มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อกำลังใจที่จะทำให้สมาชิกในองค์กรสามารถจัดการกับปัญหาได้” เขายังคิดว่า ในกองทัพและในโลกธุรกิจ ผู้นำที่แสดงความมั่นใจและจัดการกับปัญหาที่ซับซ้อนอย่างกระตือรือร้นจะสร้างวัฒนธรรมที่เปิดรับความเสี่ยงอย่างสร้างสรรค์มากขึ้น จะเสี่ยงต่อความล้มเหลวน้อยลง
พล.ท. ซิด เอ. เทย์เลอร์ อนุศาสนาจารย์ในรัฐแมริแลนด์ เขาจำได้ว่าในชั้นเรียนเอกชนในหน่วยพิทักษ์ดินแดนแห่งชาติของกองทัพเวอร์จิเนีย พลเอกพาวเวลล์ได้เข้ามาในศูนย์ปฏิบัติการทางยุทธวิธีเพื่อตรวจสอบขณะที่เขากำลังปฏิบัติหน้าที่ ความทรงจำนั้นทำให้เขาเห็นความเป็นผู้นำที่ดีของพลเอกพาวเวลล์ “ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผมชื่นชมพล.อ.พาวเวลล์มาโดยตลอด ชื่นชมสติปัญญาที่สงบของเขา ดูเหมือนเขาจะไม่ใช่ผู้นำที่ก้าวร้าว เขาเป็นคนซื่อสัตย์ ฉลาด และพูดจาตรงไปตรงมา เป็นผู้นำที่ง่ายต่อการติดตาม”
Francis Perdue ผู้เชี่ยวชาญด้านการประชาสัมพันธ์และการจัดการภาวะวิกฤตให้ความเห็นว่า พาวเวลล์เป็นต้นแบบของการเป็นผู้นำ “ในฐานะผู้นำ เขาเข้าใจว่าควรมอบหมายงานอย่างไรและกับใคร การเป็นผู้นำต้นแบบและการช่วยเหลือคนรอบข้างให้ประสบความสำเร็จคือลักษณะของเขา”
Lakesha Cole ผู้ก่อตั้ง ‘She PR’ กล่าวว่าผู้บริหารองค์กรสามารถเรียนรู้จากพาวเวลล์ได้ว่า "คุณแทบจะไม่ได้ตัดสินใจอะไรง่ายๆ และคุณไม่ควรพยายามตัดสินใจเพียงลำพัง ใช้โอกาสในการพิจารณาปัญหาแต่ละประเด็นจากหลายๆ มุม ขอความคิดเห็นจากทุกคนในห้องโดยไม่คำนึงถึงตำแหน่งงาน สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของคุณในการพัฒนาแผนงานที่ครอบคลุมโดยอิงจากข้อเท็จจริงและตรรกะ และช่วยให้ทุกคนมีส่วนร่วมกับปัญหาและผลลัพธ์”
จาก 13 บทเรียน และมุมมองจากหลายๆ ท่านที่เคยพบปะหรือเคยอ่านหนังสือของพาวเวอร์ ทำให้เราเห็นว่า พาวเวอร์เป็นผู้ที่มีคุณสมบัติในการเป็นผู้นำอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นด้านการบริหารคน ทักษะการทำงาน ทัศนคติที่มีต่อสิ่งต่างๆ สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงทำให้องค์กรหรือประเทศมีการพัฒนา แต่ยังส่งเสริม สร้างขวัญกำลังใจให้กับลูกน้อง และยังเป็นบทเรียนที่ผู้นำคนอื่นๆ สามารถนำไปปรับใช้ในการทำงานได้อีกด้วย
แปลและเรียบเรียงจาก :
#missiontothemoon
#missionthemoonpodcast
#inspiration
โฆษณา