29 ต.ค. 2021 เวลา 02:59 • หุ้น & เศรษฐกิจ
หุ้น Apple ร่วง 4% หลังขายดี แต่ขาดแคลนชิปจนผลิตไม่ทัน
เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา Apple ได้รายงาน
ผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2021
ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่เดือนกรกฎาคม จนถึงกันยายน
2
โดยในไตรมาสที่ผ่านมานั้น Apple มีทั้งรายได้และกำไร ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้ รวมถึงทิม คุก ได้มีการรายงานเพิ่มเติม
ว่าปัญหาด้านความขาดแคลนวัตถุดิบในสายการผลิต ส่งผลกระทบทำให้บริษัท มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น และปัญหาดังกล่าวจะยังคงอยู่ในไตรมาสถัด ๆ ไป
ทำให้หลังตลาดรับรู้ข้อมูลดังกล่าว หุ้นของ Apple ก็ได้ถูกขาย จนร่วงลงราว 4% ทันทีในช่วงปิดทำการซื้อขาย
แล้วผลประกอบการไตรมาสที่ผ่านมาของ Apple เป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
เรามาเริ่มกันที่ผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2021
รายได้ 2.8 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 29%
กำไร 6.8 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 62%
แม้ว่าเราจะเห็นว่าผลประกอบการของ Apple จะยังคงเติบโต แต่ทั้งรายได้และกำไร ที่บริษัททำได้นั้น ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ทั้งหมด
ซึ่งครั้งสุดท้ายที่ Apple ทำกำไรได้น้อยกว่าคาดนั้น ต้องย้อนกลับไปตั้งแต่ในปี 2016
หรือราว 5 ปีก่อน รวมถึงรายได้ ที่ทำได้ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี
หากเรามาดูการเติบโตในแต่ละกลุ่มผลิตภัณฑ์
iPhone รายได้ 1.3 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 47%
Mac รายได้ 3.0 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.6%
1
iPad รายได้ 2.7 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.4%
Wearables เช่น Apple Watch และ AirPod รายได้ 2.9 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.5%
Services เช่น App Store, Apple Music, Apple TV+ รวมถึง AppleCare รายได้ 6.1 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.6%
ในขณะที่ถ้าเรามาดูสัดส่วนรายได้และการเติบโตในแต่ละภูมิภาค
อเมริกา 1.2 ล้านล้านบาท เป็นสัดส่วนรายได้ 44% (เติบโต 20%)
ยุโรป 6.9 แสนล้านบาท เป็นสัดส่วนรายได้ 25% (เติบโต 23%)
จีนแผ่นดินใหญ่ 4.8 แสนล้านบาท เป็นสัดส่วนรายได้ 17% (เติบโต 83%)
ญี่ปุ่น 2.0 แสนล้านบาท เป็นสัดส่วนรายได้ 7% (เติบโต 19%)
ภูมิภาคอื่น ๆ 1.7 แสนล้านบาท เป็นสัดส่วนรายได้ 6% (เติบโต 26%)
จากตรงนี้ จะเห็นได้ว่ารายได้จากประเทศจีน กลับมาสร้างการเติบโตได้แบบก้าวกระโดด
ทั้งนี้ ทิม คุก ก็ได้รายงานว่า Apple จะยังคงมีรายได้เติบโตขึ้นในไตรมาสถัดไป
ซึ่งเขาก็ได้ระบุว่า 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้จะเป็นช่วงที่บริษัท ทำรายได้สูงที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมาเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ปัญหาเรื่องความขาดแคลนวัตถุดิบ โดยเฉพาะชิปเซ็ต
สำหรับหลายผลิตภัณฑ์ของบริษัท เช่น Mac, iPhone และ iPad จะยังคงส่งผลกระทบอยู่
ซึ่ง Apple ก็ได้ระบุว่าปัญหาขาดแคลนวัตถุ ทำให้ไตรมาสที่ผ่านมา
บริษัทได้รับผลกระทบต่อยอดขาย ตีเป็นมูลค่าราว 2 แสนล้านบาท และในไตรมาสถัดไป ก็ได้คาดการณ์จะได้รับผลกระทบเป็นมูลค่ามากกว่านี้
Luca Maestri ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน หรือ CFO ของ Apple ก็ได้ระบุเพิ่มเติมว่าปัญหาขาดชิปเซ็ตนั้น จะทำให้ธุรกิจกลุ่ม iPad มีรายได้ลดลง ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี ในขณะที่ธุรกิจกลุ่มอื่น ๆ จะยังคงเติบโต
แต่หากเรามาดูภาพรวมผลประกอบการทั้งปีของ Apple เทียบกับในปีก่อนหน้า
ปี 2020 รายได้ 9.1 ล้านล้านบาท กำไร 1.9 ล้านล้านบาท
ปี 2021 รายได้ 12.1 ล้านล้านบาท กำไร 3.1 ล้านล้านบาท
รายได้เพิ่มขึ้น 33%
กำไรเพิ่มขึ้น 63%
โดยการเติบโตตลอดทั้งปีที่ผ่านมา นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์ของ Apple แล้ว
อีกส่วนก็ยังเป็นผลมาจากรายได้จากค่าบริการ
ที่ได้กลายมาเป็นกลุ่มธุรกิจที่สร้างรายได้และการเติบโตมากเป็นอันดับที่ 2 ของบริษัท
เป็นรองเพียงกลุ่มธุรกิจ iPhone
ซึ่งทิม คุก ก็บอกว่าเป็นส่วนที่เติบโตมากกว่าที่บริษัทคาดการณ์ไว้
โดยปัจจุบัน Apple มีสมาชิกที่จ่ายค่าบริการรายเดือน จากทั้งบริการของบริษัทเอง อย่าง Apple Music และบริการอื่น ๆ ที่มีการสมัครสมาชิกผ่าน App Store รวม 745 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้น 160 ล้านบัญชี จากปีก่อน
และคิดเป็นการเติบโตขึ้น 5 เท่า ใน 5 ปี
ซึ่งทิม คุก ก็มองว่า กลุ่มบริการเหล่านี้ ยังคงเป็นธุรกิจ ที่อยู่ในระยะเติบโต
ทั้งนี้ Apple เป็นหนึ่งในหลายบริษัท ที่ได้ยกเลิกการประกาศ Guidance หรือการคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาสถัดไปของบริษัท ตั้งแต่เกิดโรคระบาดโควิด 19
โดยภายหลังจากนักลงทุนรับรู้ข้อมูลผลประกอบการไตรมาสนี้
หุ้นของ Apple ก็ได้ถูกขาย จนปรับตัวลดลงราว -4% ทันที
แต่จริง ๆ แล้ว หากเราดูผลประกอบการที่ผ่านมาของ Apple ตลอดทั้งปี
เราก็น่าจะเห็นได้ว่าบริษัทนี้ ยังมีการเติบโตที่ดีในทุกธุรกิจ
เพียงแค่อาจจะดีไม่เท่ากับที่นักลงทุนคาดการณ์ไว้
อีกทั้ง ที่บอกว่ากังวลเรื่องปัญหาการขาดแคลนชิปเซ็ต ก็ดูเป็นปัญหาที่ต่างจากบริษัทอื่น ๆ
เพราะความกังวลต่อ Apple นั้น เกิดจากการที่ผลิตภัณฑ์ขายดี จนผลิตไม่ทัน..
โฆษณา