30 ต.ค. 2021 เวลา 10:37 • ไลฟ์สไตล์
เรื่องราวของ “ต๊อกบกกี (떡볶이)” เมนูอาหารเกาหลี ที่แทบจะไม่มีใครไม่รู้จัก
พวกเราค่อนข้างมั่นใจว่า เกือบ 80% ของเพื่อน ๆ ที่ติดตามเพจเราน่าจะรู้จักและคุ้นเคยกับรสชาติของอาหารสัญชาติเกาหลีจานนี้ดี
ว่าแต่เพื่อน ๆ จำกันได้ไหมนะ ว่าเริ่มรู้จักและลองทานเมนูนี้กันตั้งแต่เมื่อไร ?
สำหรับพวกเราเอง จุดเริ่มต้นที่ทำให้รู้จักเมนูต็อกบกกี ก็มาจากการเริ่มดูซีรี่ส์เกาหลี (ซึ่งคงต้องย้อนไป 10-15 ปีก่อนโน้นเลยละ คือโผล่มาพร้อมกับเมนูรามยอนแทบจะทุกเรื่องเลย แห่ะ ๆ)
ซึ่งตอนแรกพวกเราก็เข้าใจว่าเมนูนี่คงต้องไม่ธรรมดาแน่นอน เพราะสังเกตจากท่าทางของตัวละครในซีรี่ส์ที่ทานอย่างเอร็ดอร่อย
แต่หลังจากที่มีโอกาสได้ไปเที่ยวเกาหลีบ่อย ๆ
ก็พบว่า เอ้อ ! เจ้าเมนูนี้มันช่างหาทานง๊ายง่าย คือแทบจะเกือบทุกร้านอาหารข้างทางเลยทีเดียว แถมยังมีการพัฒนานำมาสร้างสรรค์เป็นเมนูอื่น ๆ อีกมากมาย
เมนูต๊อกบกกี ที่เราเห็นกันจนชินตาและดูเหมือนจะธรรมดานี้ กลับมาที่ต้นกำเนิดที่แสนจะยาวนาน (อาจไม่ได้เหมือนกับความธรรมดาที่เราคุ้นชิน)
งั้นวันนี้พวกเรา InfoStory ขอพาเพื่อน ๆ ไปรับชมภาพอินโฟกราฟิกสุดสบายตา พร้อมความรู้สบายสมองเกี่ยวกับเมนูต๊อกบกกี (떡볶이) กันเลยดีกว่า !
สำหรับเพื่อน ๆ ที่อยากอ่านเรื่องราวความเป็นมาสั้น ๆ ของ “ต๊อกบกกี (떡볶이)” ก็ขอเชิญอ่านกันเพลิน ๆ ด้านล่างกันได้เลย
1
อย่างที่ได้เกริ่นไปว่า เมนูต๊อกบกกีที่สุดจะธรรมดาอันนี้ มีความเป็นมาที่ค่อนข้างยาวนานอยู่พอสมควร
เพราะว่า เราอาจจะต้องย้อนกลับไปในยุคสมัยโชซ็อน (Joseon Dynasty 대조선국) จากตำราอาหารที่มีชื่อว่า “Si Eui Jeon Seo” ซึ่งจะบันทึกสูตรอาหารในช่วงปลายของยุคสมัยโชซ็อน ซึ่งต๊อกบกกี ก็เป็นหนึ่งใน 422 เมนูที่ถูกบันทึกลงในหนังสือเล่มนี้ (โห..! มีเมนูเยอะม๊ากกกก)
เรื่องราวของต๊อกบกกี ว่ากันว่าเริ่มต้นจากการคิดค้นสูตรเมนูอาหารที่ไม่จำเจจากตระกูลยุน ที่เลื่องลือในฝีมือการทำอาหาร ในคิดค้นเมนูที่มีชื่อว่า “กุงจุง ต๊อกบกกี (궁중떡볶이)” แปลเป็นไทยก็คือ ต๊อกบกกีในพระราชสำนัก คือ แป้งต๊อกผัดกับเห็ดหอมและผัก พร้อมผัดกับซอสถั่วเหลืองซีอิ๊ว
“กุงจุง ต๊อกบกกี (궁중떡볶이)”
แน่นอนว่ากษัตริย์ ก็ประทับใจเมนูนี้เสียมาก ๆ (บ้างก็ว่าเมนูนี้ประกอบด้วยวัตถุดิบชั้นสูงและมีประโยชน์เสมือนยาเลยทีเดียว)
มันเลยทำให้เจ้าเมนูกุงจุงต๊อกบกกีนี้ จะได้ถูกเสิร์ฟเฉพาะกษัตริย์และข้าราชการชั้นสูงในวังเท่านั้น
และยังเพิ่มเติมมูลค่าความเข้าถึงยากเข้าไปอีกกับการที่นำเมนู กุงจุง ต๊อกบกกี มาใช้เป็นเมนูที่กษัตริย์จะต้องเสวยเพื่อเฉลิมฉลองในช่วงเริ่มเดือนแรกประจำปีอีกจ้า
1
ซึ่งต่อมาไม่นานนัก เมื่อกษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์โชซ็อนรวมถึงรัชทายาทได้สิ้นพระชนม์ลง (ซึ่งอย่างที่เพื่อน ๆ หลายคนอาจทราบกันว่าราชวงศ์โชซ็อนเป็นราชวงศ์สุดท้ายของประเทศเกาหลีจากน้ำมือของชาวญี่ปุ่นในช่วงปี ค.ศ. 1910)
เหล่าขุนนางเกาหลีที่รู้สูตรอาหาร จึงนำเมนูกุงจุงต๊อกบกกี ไปขายและเผยแพร่แก่สามัญชนเพื่ออาหารเลี้ยงชีพ
และด้วยความที่สูตรดั้งเดิมอย่างกุงจุงต๊อกบกกี มันจะมีแต่ผัก
ชาวบ้านจึงค่อย ๆ นำสูตรการทำเมนูนี้มาทานรวมกับเนื้อย่างหรือบูลโกกิ จนกลายเป็นเมนูบูลโกกิ ต๊อกบกกี (불고기 떡볶이) ที่เราพอจะคุ้นหูกันนั่นเอง
บูลโกกิ ต๊อกบกกี (불고기 떡볶이)
จากกุงจุงต๊อกบกกี (궁중떡볶이) จนมาถึง บูลโกกิต๊อกบกกี (불고기 떡볶이) ก็ยังหาได้มีส่วนประกอบของความเผ็ดจากซอสพริกเกาหลีไม่ได้เลย..
เออ ว่าแต่...ต๊อกบกกีที่มีสีแดงและความเผ็ดอร่อยจากซอสโคชูจังละ มันมาได้ยังไงอะ ?
1
โอเค ก็คือหลังจากการรุกรานของชาวญี่ปุ่น จนมาถึงเรื่องราวของสงครามเกาหลี (Korean War) ต้องบอกว่าประเทศเกาหลีในตอนนี้ ค่อนข้างได้รับอิทธิพลทั้งการเมืองและการค้าจากต่างประเทศพอสมควร
อาหารและวัตถุดิบอย่างเช่น ซอสพริกก็เริ่มเป็นที่นิยมกับคนเกาหลีในสมัยนั้นเช่นกัน
เมนูต๊อกบกกีเผ็ดร้อนสีแดงที่เราคุ้นตาจากซีรีส์ ก็เริ่มในช่วงปี ค.ศ. 1950 จากหญิงที่มีมีชื่อว่า “Ma Bok Rim” ที่ได้ลองกินต๊อกพร้อมกับซอสพริกเกาหลีโคชูจัง แล้วจึงพบว่านี่คือส่วนผสมที่ลงตัวที่สุด !
ซอสพริกข้นหนืด เนื้อเนียน "โคชูจัง"
มันก็พอดีกับในช่วงนั้น ที่ประเทศเกาหลีได้มีการผลิตและนำเข้าวัตถุดิบประเภทแป้งสาลี นั่นจึงทำให้แป้งต๊อกมีการพัฒนาให้แตกต่างไปจากสมัยก่อนด้วย
ก็คือตัวแป้งที่ใช้ทำต๊อก มีความหลากหลายไม่ว่าจะเป็นแป้งสาลี แป้งข้าวเจ้าหรือแป้งข้าวเหนียว ที่สามารถหาซื้อได้ง่ายและมีราคาถูกทำให้ทุกคนสามารถทำต๊อกได้ง่ายขึ้นและแพร่กระจายไปทั่วประเทศ
คือเมนูต๊อกบกกีมันนิยมขนาดที่ทหารอเมริกันที่ได้เข้ามาช่วยรบกับเก่หลีใต้ในช่วงสงครามเกาหลีประมาณปี ค.ศ. 1953 ก็ได้ลิ้มรสกับความอร่อยเผ็ดพร้อมแป้งต๊อกในเมนูต๊อกบกกี (ในแบบเวอร์ชั่นสมัยใหม่)
และหลังจากที่สหรัฐอเมริกากับสหประชาชาติสามารถยุติสงครามเกาหลีได้ ชาวอเมริกันก็ได้นำไปเผยแพร่ต่อจนค่อย ๆ เริ่มเป็นที่รู้จักในโลกของชาวตะวันตก
แต่ถ้าเป็นในยุคปัจจุบัน ก็คงจะต้องบอกว่า ผู้คนทั้งโลกได้ซึมซับวัฒนธรรมการกินอาหารของคนเกาหลี จากการดูซีรี่ส์ หรือ จากนักร้อง/ไอดอล ที่เราชื่นชอบรับประทานกันนี่ละเนอะ
ก็พอหอมปากหอมคอกันเช่นเคย
ถ้าหยั่งงั้นพวกเราก็ขอตัวไปสั่งจาจังต๊อกบกกี ก่อนดีกว่า ! :):)
โฆษณา