29 ต.ค. 2021 เวลา 10:15 • หุ้น & เศรษฐกิจ
CPN ไตรมาส 3/64 เป็นจุดต่ำสุด หวังคลายล็อกดาวน์-เปิดศูนย์ฯ ใหม่ ดันผลงานฟื้น
จากแผนคลายล็อกดาวน์และเปิดประเทศที่ชัดเจนทำให้สถานการณ์ของหลายธุรกิจเริ่มเห็นแนวโน้มการฟื้นตัว โดยล่าสุดศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ประกาศกำหนดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว โดยเตรียมยกเลิกเคอร์ฟิวใน 17 จังหวัด ได้แก่ 1.กรุงเทพฯ 2.กระบี่ 3.ชลบุรี (เฉพาะ อ.บางละมุง เมืองพัทยา ศรีราชา เกาะสีชัง และสัตหีบ เฉพาะ ต.นาจอมเทียน และ ต.บางเสร่) 4.เชียงใหม่ (เฉพาะ อ.เมืองเชียงใหม่ ดอยเต่า แม่ริม และแม่แตง) 5.ตราด (เฉพาะ อ.เกาะช้าง) 6.บุรีรัมย์ (เฉพาะ อ.บุรีรัมย์) 7.ประจวบคีรีขันธ์ (เฉพาะ ต.หัวหิน และ ต.หนองแก)
8.พังงา 9.เพชรบุรี (เฉพาะเทศบาลเมืองชะอำ) 10.ภูเก็ต 11.ระนอง (เฉพาะเกาะพยาม) 12.ระยอง (เฉพาะเกาะเสม็ด) 13.เลย (เฉพาะ อ.เชียงคาน) 14.สมุทรปราการ (เฉพาะบริเวณพื้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ) 15.สุราษฎร์ธานี (เฉพาะเกาะสมุย เกาะพงัน และเกาะเต่า) 16.หนองคาย (เฉพาะ อ.เมืองหนองคาย สังคม ศรีเชียงใหม่ และท่าบ่อ) และ 17.อุดรธานี (เฉพาะ อ.เมืองอุดรธานี บ้านดุง กุมภวาปี นายูง หนองหาน และประจักษ์ศิลปาคม)
ปัจจัยดังกล่าวข้างต้นส่งผลบวกต่อหลายธุรกิจ ซึ่ง CPN หรือ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ก็เป็นหนึ่งในหุ้นที่ได้รับอานิสงส์เช่นเดียวกัน โดยนักวิเคราะห์จากบล.เคทีบีเอสที ระบุว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/64 จะเป็นจุดต่ำสุดของปี จากการล็อกดาวน์ที่เข้มงวด ทำให้ศูนย์การค้าต้องปิดดำเนินการชั่วคราว ก่อนจะค่อยๆ ฟื้นตัวในไตรมาส 4/64
ไตรมาส 3/64 จุดต่ำสุดของปี 2564
.
โดยคาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 3/64 จะอยู่ที่ 519 ล้นบาท ลดลง 79% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 59% จากไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่มีผลขาดทุนปกติที่ระดับ 191 ล้านบาท จากกำไรปกติในไตรมาส 3/63 ที่ 2.2 พันล้านบาท และจากไตรมาส 2/64 ที่ 829 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ เพราะผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 รอบ 3 ที่ยืดเยื้อและมีการประกาศให้ปิดศูนย์การค้าในพื้นที่เสี่ยงทั้งหมด 29 จังหวัดตั้งแต่ปลายเดือน ก.ค. เป็นต้นไป (จำนวนวันที่ปิดใกล้เคียงกับปี 2563 แต่ปิดแค่บางพื้นที่น้อยกว่ารอบก่อน)
โดย Traffic ลดลงมาอยู่ที่ 45% จากไตรมาสก่อนที่ 60-70% โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของร้านอาหารในศูนย์ฯ ที่ห้ามเปิดเลย ทำให้ CPN ต้องมีการให้ส่วนลดค่าเช่าเพิ่มขึ้นเป็น 55% จากไตรมาสก่อนที่ 41% เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ ด้าน Occupancy rate ยังทรงตัวในระดับสูงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนที่ 91% ส่วน Same store rental rate ลดลงถึง 45% เพราะฐานสูงใน 3020 ที่ไม่มีการล็อคดาวน์
ขณะเดียวกันก็มีรายการพิเศษจาก 1) discount amortization เข้ามาช่วยจากการรับรู้รายได้ค่าเช่าเป็นเส้นตรงเพิ่มขึ้นเป็น 515 ล้านบาท จากไตรมาส 2/64 ที่ 316 ล้านบาท และ 2) มี Tax loss จากการโอนหุ้นเพิ่มทุนของ CPNREIT ที่ติดลบ 125 ล้านบาท ทั้งนี้ ในไตรมาส 3/64 มีการ consol งบ SF (CPN ถือหุ้น 51% ในวันที่ 31 ส.ค. 64) เข้ามา 1 เดือน แต่ไม่มีนัยต่อกำไรสุทธิของ CPN เพราะมีสัดส่วนรายได้เพียง 1% จากรายได้รวมของ CPN
ปี 64 ล็อกดาวน์กดกำไรลง 27%
.
ฝ่ายวิเคราะห์การปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 ลง 15% จากการปรับส่วนลดค่าเช่าในปีนี้ลงเป็น 45% จากเดิมที่คาดไว้ที่ 37% และปรับ GPM ลงเหลือ 41% จากเดิมที่ 47% เพื่อสะท้อนการปิดศูนย์ฯ ทำให้ได้กำไรสุทธิปี 2564 อยู่ที่ 7 พันล้านบาท ลดลง 27% จากปีก่อน ขณะที่คาดว่าแนวโน้มกำไรในไตรมาส 4/64 จะฟื้นตัวจากไตรมาส 3/64 ได้ดีเพราะการคลาย
ล็อคดาวน์ โดย Traffic เดือน ต.ค. 64 กลับมาฟื้นตัวได้เกือบเท่าตัวอยู่ที่ 70-80% จากไตรมาส 3/64 ที่ 40% ซึ่งจะทำให้สวนลดค่าเช่าลดลง และยังมีการเปิด 2 ศูนย์ใหม่ที่ศรีราชาและอยุธยาช่วงปลายเดือนนี้ ซึ่งมี Secure leasing เข้ามาแล้วถึง 80% นอกจากนี้ มีการปรับประมาณการกำไรสุทธิในปี 2565 เพิ่มขึ้น 3% จากการเปิดประเทศ ซึ่งคาดว่าจะเห็นนักท่องเที่ยวทยอยกลับมาได้ตั้งแต่ปลายปีนี้เป็นต้นไป โดยคาดว่ากำไรสุทธิในปี 2565 จะอยู่ที่ 8.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 21% จากปีก่อน
ด้านราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 7% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา จากการผ่อนคลายล็อคดาวน์และแผนการเปิดประเทศที่ชัดเจน โดยฝ่ายวิเคราะห์ปรับคำแนะนำเป็น ซื้อ จากเดิม ถือ และปรับราคาเป้าหมายโดยการ rollover ไปปี 2565 ที่ 65.00 บาท จากราคาเป้าหมายเดิมในปีนี้ที่ 54.00 บาท
CPN
ติดตามอัพเดตความรู้ทางการเงิน-การลงทุนได้ที่
.
Facebook : Wealthy Thai
โฆษณา