29 ต.ค. 2021 เวลา 14:10 • ประวัติศาสตร์
ลอนดอนวันที่ 4 (ตอน 5) ศึกแย่งชิงบัลลังก์ของเหล่าราชินีทิวดอร์ 4 พระองค์ ของอังกฤษ
https://i0.wp.com/www.tudorsdynasty.com/wp-content/uploads/2017/02/Courtesy-LIsby-via-Flickr-5.jpg
สำหรับราชินี 4 พระองค์ที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นราชินีในราชวงศ์ทิวดอร์ ซึ่งต่างก็เป็นคู่แข่งห้ำหั่นกันถึงขั้นฆ่าแกง ทั้งที่เป็นญาติกัน
ก่อนอื่นแนะนำให้ไปอ่านเรื่องของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ก่อนนะครับ ที่นี่ https://www.blockdit.com/posts/6178d9d3ce9e0303ccef9d0b และมาอ่านต่ออีกทีตรงนี้จะสนุกมาก
ทั้งนี้จะขอเริ่มจาก เลดี้ เจน เกรย์ ก่อน เพื่อการเรียงตามลำดับเหตุการณ์
เลดี้ เจน เกรย์ ราชินี 9 วัน
พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 มีผู้สืบราชสมบัติคือพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 6 ซึ่งเป็นพระโอรสของพระนางแอน ซีมัวร์ ขึ้นครองราชย์ในพระชนมายุ 9 พรรษา
ก่อนสวรรคตด้วยอายุ 15 พรรษาได้แต่งตั้งเลดี้เจน เกรย์ เป็นรัชทายาทเนื่องจากเป็นพระญาติที่สนิทสนม ทั้งๆที่รัชทายาทที่ใกล้ชิดที่สุดคือพระนางแมรี่ซึ่งเป็นคาธอลิค เแต่ เลดี้เจน เกรย์ เป็นโปรเตสแตนท์ เช่นเดียวกับ พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 จึงได้รับเลือกให้ครองราชย์แทน
พระเจ้าเอดเวิร์ดที่ 6 (By Circle of William Scrots - Sotheby's London, 04 July 2012, Sale L12033, Lot 10; direct link: [1], Public Domain, https://commons.wikimedia.org/w/index.php?curid=20165105)
เลดี้ เจน เกรย์ https://en.wikipedia.org/wiki/Lady_Jane_Grey
แต่เลดี้เจน เกรย์ได้เป็นพระราชินีเพียง 9 วันเท่านั้น เพราะพระนางแมรี่ซึ่งมีอำนาจมากกว่าได้เสด็จมาชิงมงกุฎไปในที่สุด หลังจากนั้นพระราชินีแมรี่ก็ได้กักบริเวณให้เลดี้เจนอยู่ในสถานที่กำหนดไว้โดยมีข้าใช้สอยตามสมควร
อันที่จริงพระนางแมรี่ก็ไม่ได้คิดจะทำร้ายเธอแต่อย่างใดเพราะทราบดีว่าเลดี้เจนไม่ได้ตั้งใจจะแย่งชิงราชสมบัติ แต่เกิดจากการแต่งตั้งของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดมากกว่า
เรื่องของพระนางแมรี่ จะมีเล่าต่อไปนะครับ ว่านางกระหายเลือดอย่างไร
อย่างไรก็ตาม ความผิดพลาดก็เกิดขึ้นเมื่อเฮรี่ เกรย์ บิดาของเลดี้เจนก่อการจราจลขึ้น และยังได้ประกาศด้วยว่าพวกเขาต้องการให้เลดี้เจนขึ้นเป็นราชินี พระนางแมรี่จึงตัดสินใจตัดรากถอนโคนด้วยการประหารทั้งครอบครัว
เลดี้เจนผู้น่าสงสารจึงถูกคุมขังและประหารที่หอคอยแห่งลอนดอน โดยในขณะนั้นเธอมีอายุเพียง 16 ปีเท่านั้นเอง
ภาพเขียนชื่อ การประหารชีวิต เลดี้ เจน เกรย์ The Execution of Lady Jane Grey ที่หอศิลป์แห่งลอนดอน (By Paul Delaroche, Public Domain, https://commons.wikimedia.org/w/index.php?curid=17589386)
(ภาพเขียนชื่อ การประหารชีวิต เลดี้ เจน เกรย์ ถ้าสนใจ ไปที่ลิงก์ นำชมหอศิลป์แห่งลอนดอน (National Gallerly of London) ได้ครับ)
ในปัจจุบันนี้ เมื่อกล่าวถึงเรื่องราวของเลดี้เจน เกรย์ เธอมักจะถูกมองอย่างเห็นอกเห็นใจ เนื่องด้วยพระนางเป็นเหยื่อทางการเมืองโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ภาพจำของเลดี้เจน เกรย์ ที่เราได้เห็นจึงมักเป็นสตรีที่มีความเยาว์วัย บริสุทธิ์ไร้เดียงสาน่าสงสาร
จิตรกรรมรูปการประหารเลดี้ เจน เกรย์ (The Execution of Lady Jane Grey ของ Delaroche) ที่หอศิลป์แห่งลอนดอน เป็นภาพสตรีที่สวยงามผมยาวสลวยแต่ชุดสีขาวนวล ถูกปิดตาก่อนถูกประหารด้วยลักษณะอาการที่กำลังหวาดกลัว โดยมีเพชฌฆาตรอคอยอยู่ข้างๆ ในขณะที่ข้าราชบริพารกำลังเศร้าโศกเสียใจสุดซึ้ง
ราชินีองค์ต่อไปครับ ซึ่งก็คือ พระนางแมรี่ ผู้ซึ่งสั่งประหารชีวิต พระนางเจน เกรย์ นั่นเอง
ในที่สุด พระนางแมรี่ก็ได้มาเป็นราชินีอังกฤษจนได้ พระนางเป็นคาทอลิกที่เคร่งครัดมากก็เลยทำให้พวกโปรเตสแตนต์ได้กลายเป็นศัตรูผู้น่าสงสาร สิ่งที่พระนางกระทำและถูกจดจำเลื่องลือในประวัติศาสตร์คือการนำโปรเตสแตนต์มากำจัดเสีย ด้วยเหตุนี้การประหัตประหารอันเกิดจากศาสนาจึงเกิดขึ้นจำนวนมาก ทำให้พระองค์มีฉายาว่าพระนางแมรี่ผู้กระหายเลือด หรือ Bloody Mary (คุ้นๆไหมชื่อนี้)
ชื่อคอกเทล Bloody Mary คอกเทล ก็นำชื่อมาจากราชินีองค์นี้แหละ
พระนางแมรี่ผู้กระหายเลือด (Bloody Mary) https://en.wikipedia.org/wiki/Mary_I_of_England
พระนางแมรี่นี่ แค่ดูในรูปก็คงรู้สึกหวาดหวั่นแล้ว ไม่รู้ว่าจิตรกรวาดไปแบบนี้ได้ไง ไปทำให้ควีนดุร้าย อาจโดนประหาร หรือว่าพระนางเองอยากให้ภาพลักษณ์ออกมาแบบนี้อยู่แล้วก็ไม่ทราบได้ แต่ที่แน่นอนคือ คนจดจำได้ในชื่อของคอกเทล เอ๊ย แมรี่ผู้กระหายเลือด (bloody Mary) ไปแล้ว โด่งดังไปทั่วโลก ที่เป็นเช่นนั้นเพราะเธอสั่งประหารและกดขี่ โปรเตสแตนต์ อย่างมาก
ความร้ายกาจอีกประการคือความหวาดระแวงเจ้าหญิงเอลิซาเบธ พระขนิษฐาต่างมารดา ว่าจะเป็นโปรเตสแตนต์หรือไม่ ทำให้พระองค์ถูกคุมตัวไปขังที่หอคอยแห่งลอนดอน ซึ่งเป็นคุกสำหรับชนชั้นสูง ใครไปอังกฤษต้องไปเที่ยวกันนะครับ
1
หอคอยแห่งลอนดอน (Tower of London)
อ่านเรื่องหอคอยแห่งลอนดอน (ที่ผมเขียนเอง) ได้ที่นี่ https://pantip.com/topic/41011754
อย่างไรก็ตาม พระนางแมรี่ไม่มีบุตรหรือธิดา แม้ว่าในช่วงปลายพระชนมชีพพระนางคิดว่ากำลังตั้งครรภ์ แต่อันที่จริงแล้วเป็นครรภ์เทียม (ซึ่งอาจเป็นเนื้องอกในมดลูก) ทำให้ร่างกายเสื่อมโทรมลงเรื่อยๆจนสวรรคต (เศร้าๆๆๆๆ)
ด้วยเหตุที่ไม่มีทายาทสืบราชสมบัติ ราชบัลลังก์จึงต้องตกอยู่กับน้องสาวต่างมารดาของพระองค์ ซึ่งก็คือเจ้าหญิงเอลิซาเบธ
พระราชินีเอลิซาเบธที่ 1 ยุคทองของอังกฤษ
เมื่อพระนางแมรี่สวรรคตโดยไม่ทรงมีทายาท เจ้าหญิงเอลิซาเบธก็จึงได้ถูกเชิญออกจากคุกหอคอยขึ้นมาเป็นพระราชินีองค์ต่อไป ฟากฟ้าของอังกฤษก็เปลี่ยนสีไปอีกครั้ง นิกายโปรเตสแตนต์ได้รับการสนับสนุนขึ้นมาอีก
พระราชินีเอลิซาเบธที่ 1 https://en.wikipedia.org/wiki/Elizabeth_I
รัชสมัยที่ยาวนานของพระองค์ถือว่าเป็นยุคทองของอังกฤษ (The Golden Age) เนื่องจากงานศิลปะ ดนตรี วรรณคดี มีความรุ่งเรืองมาก ตัวอย่างเช่น วรรณกรรมและละครของเช็คสเปียร์ก็เกิดขึ้นและเฟื่องฟูในยุคนี้
อังกฤษแผ่อำนาจไปไกลจนมีอาณานิคมในอเมริกา และสามารถทำสงครามทางทะเลกับสเปนและเอาชนะกองเรืออาร์มาดา (Armada) ที่ทรงอำนาจมากที่สุดในโลกได้ ชัยชนะนั้นได้ทำให้อังกฤษกลายเป็นมหาอำนาจ อีกทั้งการค้าในยุคของพระองค์มีความเฟืองฟูร่ำรวยด้วย
หลายคนคงได้ดูหนังเกี่ยวกับพระองค์แล้ว แต่ถ้าใครรังไม่ได้ดู ลองไปหาดูนะครับ ลงตัวอย่างหนังให้ตามนี้
จริงๆมีอีกหลายเวอร์ชัน แต่ลงแค่นี้ก่อน
แมรี่ สจ๊วต คู่แข่งตัวร้ายจากสก๊อตแลนด์
ศึกแย่งชิงบัลลังก์ของราชินีอังกฤษยังไม่จบสิ้น ตัวละครต่อมาที่มีความร้ายกาจไม่แพ้กันคือ พระนางแมรี่แห่งราชวงศ์สจ๊วต ซึ่งเป็นพระราชินีของสก๊อตแลนด์
เรื่องราวของพระองค์มักถูกสวมบทตัวร้ายเพราะมีวีรกรรมอิจฉาริษยา แต่ว่าไปแล้วเธอเป็นสตรีผู้อาภัพน่าสงสาร เนื่องด้วยชีวิตของพระองค์มีทั้งจุดสูงสุดและตกต่ำสุดดังฟ้ากับเหวในแต่ละช่วงวัย
พระนางแมรี่ประสูติในราชวงศ์สจ๊วตแห่งสก๊อตแลนด์ ทรงเป็นพระญาติกับพระราชินีเอลิซาเบธเนื่องด้วยเป็นสายตระกูลของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 7 ซึ่งเป็นทวดพระองค์เดียวกัน พระนางได้สมรสกับเจ้าชายฝรั่งเศสซึ่งจะได้เป็นกษัตริย์ฟรานซิสที่ 2 ด้วยเหตุนี้พระนางจึงมีศักดิ์เป็นราชินีแห่งฝรั่งเศสอีกด้วย
พระราชินี แมรี่ สจ๊วต แห่งสก๊อตแลนด์ (By François Clouet - YQExprz3sIBJ8A at Google Cultural Institute maximum zoom level, Public Domain, https://commons.wikimedia.org/w/index.php?curid=22127280)
ชีวิตที่ดูเหมือนอยู่ในสวรรค์ชั้นสูงพลิกผันไปหลังสวามีสวรรคต พระนางแม่รี่ทรงแต่งงานใหม่ กับลอร์ดคาร์นลีย์แต่ไม่นานนักก็พบว่าชีวิตสมรสไม่ได้มีความสุข ต่อมาท่านลอร์ดเสียชีวิตปริศนา ผู้ต้องสงสัยคือเอิร์ลแห่งโบธเวล ซึ่งต่อมาก็ได้เป็นสวามีคนที่ 3 ของพระนาง
หลังจากนั้นชะตาก็ถึงคราวตกต่ำเมื่อชาวสก๊อตแลนด์ทำการเกิดการต่อต้านตัวพระนางและพระสวามีจนพระองค์ต้องหนีไปยังอังกฤษและไปพึ่งใบบุญของพระราชินีเอลิซาเบธที่ 1 ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องสาว ซึ่งในช่วงแรกนั้นพี่น้องสองคนก็รักใครกันดี
อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมาพระนางแมรี่ก็เริ่มมีคิดแปลกๆ โดยพยายามลอบปลงพระชนม์ราชินีเอลิซาเบธเพื่อแย่งสมบัติ ซึ่งกระทำไม่สำเร็จ และนั่นทำให้นางต้องถูกกำจัดไปในที่สุด
สิ้นสุดราชวงศ์ทิวดอร์
แม้ว่าพระนางเอลิซาเบธที่ 1 จะปกครองประเทศในยุคทองเป็นเวลายาวนาน แต่ปัญหาสำคัญ(อีกแล้ว) คือการไม่เคยสมรสกับผู้ใดเลยจนชั่วชีวิตจนได้รับฉายาว่าพระราชินีผู้ทรงพรมจรรย์ (Virgin Queen)
เมื่อพระองค์สวรรคตจึงต้องหาผู้เหมาะสมทางสายเลือดต่อไป จากการลำดับญาติและกลั่นกรองก็พบว่าผู้ที่จะเป็นรัชทายาทองค์ต่อไปก็มิใช่ใครที่ไหน แต่คือพระเจ้าเจมส์ที่ 6 ของสก๊อตแลนด์ซึ่งเป็นพระราชโอรสของพระนางแมรี่ สจ๊วต ที่ถูกประหารไปแล้วนั่นเอง
แปลกไหมครับ ในที่สุด พระราชาอังกฤษ ก็มาจากลูกชาย ของผู้ที่เป็นกบฏต่ออังกฤษไปซะงั้น
ก็แปลกอยู่ แต่ทำไงได้ล่ะ
พระเจ้าเจมส์ (By Attributed to John de Critz - Prado image, Public Domain, https://commons.wikimedia.org/w/index.php?curid=37047)
พระเจ้าเจมส์ที่ 6 แห่ง สก๊อตแลนด์ก็ได้มาเป็นพระเจ้าเจมส์ที่ 1 แห่งอังกฤษ (ชื่อพระเจ้าเจมส์คนเดียวกันแต่เลขที่ไม่เหมือนกัน ขึ้นกับว่าคนประเทศไหนจะเรียก ไม่ต้องงงนะครับ)
นี่เป็นการเปิดหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ของอังกฤษและสก๊อตแลนด์ซึ่งได้รวมอาณาจักรเข้าด้วยกัน พร้อมกับการสิ้นสุดลงของราชวงศ์ทิวดอร์และเข้าสู่ราชวงศ์สจ๊วตต่อไป
บอกอีกนิดว่าทายาทของพระเจ้าเจมส์คือพระเจ้าชาร์ลที่ 1 นั้นมีการขับเคี่ยวแย่งชิงอำนาจระหว่างกษัตริย์กับรัฐสภาอย่างมาก ทำให้เกิดสงครามกลางเมืองล้มล้างราชวงศ์โดยโทมัส ครอมเวลล์ ทำให้อังกฤษกลายเป็นสาธารณรัฐในระยะหนึ่ง ซึ่งเรื่องนี้จะได้เล่าถึงต่อไป โปรดติดตามชม
โฆษณา