29 ต.ค. 2021 เวลา 23:31 • หนังสือ
9 อุปนิสัยทำลายชีวิต ต้นเหตุทำลายเป้าหมาย ทำให้ความฝันไม่เป็นจริง !!
5
9 อุปนิสัยทำลายชีวิต ต้นเหตุทำลายเป้าหมาย ทำให้ความฝันไม่เป็นจริง
มหาเศรษฐี ผู้ผลิตรถยนต์ “เฮนรี่ ฟอร์ด” จากลูกคนจนสู่มหาเศรษฐี ข้อคิดชีวิตที่เขาฝากไว้เรื่องการเงิน
“ หากเงิน คือ ความหวังของคุณสู่อิสรภาพ คุณจะไม่มีวันได้อิสรภาพนั้นมา
2
ความมั่นคง แท้จริงที่มนุษย์ต้องมี คือ ความรู้ ประสบการณ์ และความสามารถ ”
1
รูปภาพ จาก วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี [ เฮนรี ฟอร์ด มหาเศรษฐีอเมริกัน ]
“ If money is your hope for independence you will never have it.
The only real security that a man will have in this world is a reserve of knowledge, experience and ability.”
[ Henry Ford ]
อุปนิสัยทาลายชีวิต ต้นเหตุความฝันของคนส่วนใหญ่ไม่เป็นจริง เกิดจากอุปนิสัย
ปัญหาใหญ่เจ้าตัวความฝันของคนส่วนใหญ่ เกิดจากอุปนิสัยและวินัยมันมีฤทธิ์มาก มันมาหลายรูปแบบซึ่งเกิดจากพฤติกรรมและความเชื่อปลูกฝังมาเนินนาน จากชาติกำเนิด บรรพบุรุษ สถานที่เกิด จากสังคมแวดล้อมและผู้อื่นส่งต่อให้ อุปนิสัยของคนเราเกิดจากพฤติกรรมที่มีการทำสิ่งนั้น ซ้ำๆ บ่อยๆ ติดต่อเป็นเวลานานๆ โดยข้อมูลนั้นจะถูกจัดเก็บและบันทึกไว้ในจิตใต้สำนึกของเรา
ทุกคนมีความฝัน แต่ความฝันจะเป็นจริงหรือไม่ ซึ่งขึ้นอยู่กับอุปนิสัยและวินัยของแต่ละบุคคล ความฝันนั้นเป็นสมบัติที่ล้ำค่าของมนุษย์ที่พระเจ้าประทานมาให้กับทุกคนและไม่มีใครจะทำลายความฝันมันลงได้นอกจากตัวเรานั้นเอง
นักปราชญ์หลายคนเคยบอกว่า ความฝัน คือ จุดเริ่มต้นเป็นของขวัญสิ่งล้ำค่าที่มนุษย์ทุกคนได้รับพรจากพระเจ้า โดยไม่มีการแบ่งแยกชั้นวรรณะ ความฝันนี้ทำให้มนุษย์เจริญและมีความสุขกับชีวิตจนถึงทุกวันนี้
แต่ทุกคนมีความฝันแล้วใช่ว่า จะทำให้มันกลายเป็นจริงได้ทุกคนไม่ ความฝันทุกความฝันมันจะเป็นจริงได้หรือไม่..หากแต่ต้องมีแรงปรารถนาบันดาลใจอันสูงส่งเป็นแรงผลักดันหรือการลงมือทำเป็นตัวขับเคลื่อนจนก่อเกิดรูปร่างจากความฝันนั้นสู่ความเป็นจริงสำเร็จลงได้
หลายคนล้มเลิกความฝันลงกลางทาง เพราะเจอปัญหาอุปสรรคและมีคนจำนวนมากล้มเลิกลงไม่ถึงเป้าหมายความฝัน สาเหตุส่วนใหญ่มาจากเพราะตัวเรานั้นเองไปไม่ถึงฝันนี้ล้มเลิกมันเสียก่อน
โดยผู้เขียนค้นพบกว่าปัญหาใหญ่ของผู้คนส่วนใหญ่ รวมถึงผู้เขียนเองในช่วงชีวิตที่ผ่านมาไม่ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ฝันมาจากอุปนิสัยและไม่มีวินัยในตัวเอง โดยมีความเชื่อเดิม ด้านผิดๆ ที่ถูกปลูกฝั่งไว้ในจิตใต้สำนึกมายาวนานมันทำลายความฝันให้หยุดลง
1
ความเชื่อเดิมด้านผิดๆ ที่ถูกปลูกฝั่งไว้ในจิตใต้สำนึก
จากการเป็นทนายความมานานกว่า 20 ปี และการเป็นนักพยากรณ์โหราศาสตร์พบว่า คนส่วนใหญ่มีอุปนิสัย 9 ข้อนี้ ที่ทำให้ชีวิตไม่เปลี่ยนแปลงและไม่สามารถทำสิ่งที่เป็นความฝันให้สำเร็จลุ่ล่วงเป็นจริงได้
9 อุปนิสัยทำลายอนาคตตัวเอง ที่ทำให้ความฝันไม่เป็นจริง
อุปนิสัยที่ 1 : ข้ออ้างแห่งความล้มเหลว สุดฮิต เพื่อผัดวันประกันพรุ่ง
1
#ข้ออ้างแห่งความล้มเหลว สุดฮิต
ตัวอย่างของข้ออ้าง สาเหตุแห่งการไม่ทำงานหรือไม่ลงมือทำทันที
ข้ออ้างที่ 1 ฉันไม่มีเวลา ตอนนี้
ข้ออ้างที่ 2 ฉันลืมทำมัน ...เอาไว้ก่อน ..เดี๋ยวก่อน...
ข้ออ้างที่ 3 ฉันต้องการข้อมูลเพิ่มเติมก่อน...จะเริ่มลงมือทำงาน...
ข้ออ้างที่ 4 ฉันยังไม่รู้สึกอยากทำมัน..
ข้ออ้างที่ 5 รอก่อน ...ฉันต้องทำสิ่งนี้ก่อน
ข้ออ้างที่ 6 มันยังไม่สำคัญหรอก..เอาไว้ก่อน
ข้ออ้างที่ 7 ฉันรู้สึกว่างานของฉัน ..มันเริ่มเยอะเกินไป ทำมากเหลือเกิน โดนถ้าโถม ทำไม่หมด..
ข้ออ้างที่ 8 ฉันไม่ชอบงานนี้มันยากซับซ้อน.. รอไว้ก่อน
ข้ออ้างที่ 9 ฉันไม่เคยทำไม ขอเวลาก่อน
ข้ออ้างอื่นๆ ...
อุปนิสัยที่ 2 ชอบคิดด้านลบ มองโลกในแง่ร้าย
คิดด้านลบ มองโลกในแง่ร้าย
การคิดด้านลบมองโลกในแง่ร้าย เชื่อว่าหลายคนคงจะตอบว่า ชีวิตมันเจอผู้คนเยอะแยะมากมายจะคิดด้านดีได้อย่างไร ต้องเจอคนพูดลบ ฉันไม่สามารถคิดบวกได้ สิ่งนี้ เป็นข้อโต้แย้งในจิตใจของหลายคน เมื่อมีคนบอกให้คิดบวก พูดบวก และมักจะบอกว่า "ไม่มีใครทำได้หลอก"
ผู้เขียนเอง เคยเจอผู้โต้แย้งเมื่อผู้เขียนพูดถึงการคิดด้านบวกและมองโลกแง้ดี โดยผู้โต้แย้งตอบผู้เขียนว่า "ไม่มีใครทำได้หลอก คุณทนายบ้าไปแล้ว โลกสวยเกิดไป ชีวิตมันต้องอยู่กับการคิดลบตลอดเวลาไม่มีใครสามารถคิดบวกได้..." คำนี้ ผู้เขียนนำมาพูดในการสอนคอร์สออนไลน์บอกมาก แต่ผู้ที่พูดคำนี้ ตอนนี้เปลี่ยนไป เพราะเขาเชื่อเรื่องคำพูดความคิดส่งผลต่อชีวิตเรามาก
3
การที่เราเข้าใจเช่นนั้น ไม่ผิด เพราะเราเคยชินกับการคิดลบและชีวิตมันอยู่กับสังคมสภาพแวดล้อมที่ทำให้ต้องระวัดระวังต้องมองโลกแง่ร้าย แต่หากเราเข้าใจกฎธรรมชาติกฎแรงดึงดูดและมองย้อนในอดีตที่ผ่านมาเราจะเข้าใจว่า ทำไมชีวิตจึงเจอแต่เรื่องไม่ดีเข้ามาหรือมีแต่ความวุ่นวายในชีวิต เพราะจิตใจเราไม่เคยสงบเลยนั้นเอง
ทำไม เราต้องฝึกสมาธิ ทำไมเราต้องมีสติ เพราะมันช่วยให้เราอยู่ในเคลื่อนพลังงานดี ส่งผลต่ออารมณ์ความรู้สึกด้านดีๆ ให้กับเรา เมื่อเราคิดดีคิดบวก เราย่อมมีอารมณ์ความรู้สึกดี เมื่ออารมณ์ดี ย่อมกระทำสิ่งดีๆ และเมื่อกระทำสิ่งดีๆ เราย่อมได้รับผลลัพธ์สิ่งดีๆ ตามมา นี่คือ เหตุผล ทำไมเราต้องคิดบวกคิดในแง่ดี เพราะมันคือกฎแห่งเหตุและผล หรือกฎแห่งกรรมนั้นเอง (กรรมจากตัวเราสร้างให้มันเกิด)
อุปนิสัยที่ 3 ไม่ให้คุณค่าตัวเอง พูดสิ่งที่ไม่ดีต่อตัวเองและผู้อื่น
#ไม่ให้คุณค่าตัวเอง #พูดสิ่งที่ไม่ดีต่อตัวเองและผู้อื่น
คนส่วนใหญ่ มักชอบพูดว่าตัวเอง ไม่ให้คุณค่าตัวเอง หรือ พูดถึงคนอื่น โดยไม่รู้ตัวเองว่า สิ่งนี้ คือการทำลายตัวเอง สร้างนิสัยให้ตัวเองติดการพูดด้านไม่ดี ชีวิตเรามักจะดึงดูดสิ่งไม่ดีเข้ามาในชีวิตโดยไม่รู้ตัวเพราะไม่เข้าใจกฎแห่งธรรมชาติ กฎแรงดึงดูดมันทำงานตลอดเวลาจากภายในตัวเราสร้างให้มันเกิดขึ้น [เช่น ชอบนิทำ ต่อว่า บ่น พูดลบ]
อุปนิสัยที่ 4 เคยชินนิสัยเดิมๆ กลัวการเปลี่ยนแปลง
เคยชินนิสัยเดิมๆ กลัวการเปลี่ยนแปลง
ลายครั้งความกล้ว ทำลายชีวิต และความสำเร็จ และหลายคนมักไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงมักทำอะไรซ้ำๆ เดิม เช่น เคยเป็นลูกจ้างมา 10 ก็ยังเป็นลูกจ้างเหมือนเดิมไม่ได้พัฒนาเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง ใช้ชีวิตเป็นลูกจ้างเช่นเดิมทุกๆ ปี และมักไม่อยากพัฒนาเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่ก็มักจะชอบเรียกร้องสิ่งโน้นสิ่งนี้ อยากให้ชีวิตดีขึ้น
นี่ก็ข้อเสียที่ไม่กล้าเปลี่ยนแปลงและไม่ชอบการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ หากจะให้เปลี่ยนแปลงมักวิ่งหนี หรือโต้กลับทันที เวลาชีวิตไม่สำเร็จมักจะโทษผู้อื่น โทษฟ้าโทษดิน โทษกรรม โทษคนโน้นโทษคนนี่ โทษเจ้านาย ....
อุปนิสัยที่ 5 ไม่ลงมือทำ ไม่อดทน ล้มเลิกความฝันง่าย
ไม่ลงมือทำ ไม่อดทน ล้มเลิกความฝันง่าย
ความสำเร็จเกิดจากการลงมือทำ และทำอย่างต่อเนื่อง ไม่มีใครทำเพียงวันเดียวแล้วสำเร็จเลย หากคุณมีเป้าหมายความฝันอันยิ่งใหญ่ คุณอาจต้องใช้เวลา
ความสำเร็จมักเริ่มจากเป้าหมายเล็กๆ ชิ้นเล็ก เริ่มจากได้ก้าวลงมือทำแม้เพียง 1 ก้าว ชีวิตเริ่มเข้าสู่เส้นทางแห่งเป้าหมาย แต่หากเมื่อไร เราไม่เริ่มลงมือทำก็คือคุณยังไม่เริ่มก้าวเท้าเข้าสู่ถนนแห่งเป้าหมายเลย คุณยังคงย่ำอยู่กับที่ เมื่อคุณยังไม่เข้าสู่ถนนเส้นทางแห่งเป้าหมาย ความสำเร็จย่อมไม่สามารถวิ่งมาหาคุณได้แน่นอน
หลายครั้งเราก้าวเดินแล้ว แต่เจออุปสรรค์ เรามักหยุดเดินไม่ก้าวต่อหรือล้มเลิกเป้าหมายกลางคัน ซึ่งก็เป็นอุปนิสัยของคนส่วนใหญ่ ที่ชีวิตไม่เปลี่ยนแปลง ทำให้ชีวิตย่ำอยู่กับที่เพราะหยุดเดิน นี่คือ อุปนิสัยของผู้ยอมแพ้
1
อุปนิสัยที่ 6 อารมณ์เสียง่าย ขี้หงุดหงิด รำคาญและใช้อารมณ์ลบ
1
อารมณ์เสียง่าย ขี้หงุดหงิด รำคาญและใช้อารมณ์ลบ
อารมณ์ของคุณ ส่งผลต่อการกระทำของคุณ และผลลัพธ์อนาคตที่จะตามมา เราจะเห็นได้ชัดเมื่อเราอารมณ์ไม่ดี เรามักจะพูดหรือกระทำไม่ดี เช่น ขับรถไปมีคนขับรถปราดหน้ารถของเรา... เราก็มักอารมณ์เสียและด่ากลับ หรือขับรถแข่งกัน ก็เกิดผลตามมา คือ การทะเลาะวิวาท หรือเกิดอุปบัติเหตุ นั้นคือ อารมณ์ส่งผลแห่งการกระทำ
2
อารมณ์ คือ อนาคตตของคุณ
นอกจากนี้ อารมณ์ยังพาให้เราตัดสินใจด้านผิดๆ ส่งผลให้กิจการงานหรือสิ่งที่จะต้องทำเกิดความผิดพลาด รวมถึงความสัมพันธ์ย่ำแย่ ตัดขาดเพราะอารมณ์
ในแง่การแพทย์ อารมณ์ส่งผลต่อสุภาพของคุณเป็นอย่างมาก หากคุณอารมณ์วิตกกังวล อารมณ์เศร้าทุกข์ อารมณ์โกรธ อารมณ์ด้านไม่ดีต่างๆ กราฟหัวใจของคุณมันจะทำงานหนักสูงขึ้น ส่งผลต่อสุขภาพ หากคุณฝึกให้มีอุปนิสัยอารมณ์เสียง่าย ย่อมส่งผลไม่ดีต่อสุขภาพในระยะยาว เสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ
นายแพทย์ คริส เอเคน แห่งศูนย์บําบัดด้านอารมณ์แห่งนอร์ทแคโรไลนา สหรัฐอเมริกา อธิบายว่า ในช่วง 2 ชั่วโมงแรกของการระเบิดอารมณ์โกรธ คุณมีความเสี่ยงต่อการป่วยเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว และการโกรธยังมีความเสี่ยงเกิดลิ่มเลือดอุดตันในสมองเสี่ยงเกิดเส้นเลือดในสมองแตกได้มากกว่าเวลาปกติถึง 6 เท่า นี่คือผลร้ายของอารมณ์
อุปนิสัยที่ 7 ชอบดูข่าวและเสพสื่อด้านลบต่างๆ
ชอบดูข่าวและเสพสื่อด้านลบต่างๆ
ด้วยยุคนี้ เป็นยุคดิจิทัล ใช้มือถือก็เสพสื่อ เสพข่าวสารได้ง่าย และยังมีโซเซียมิเดียลให้เราได้เสพ ทั้งด้านบวกด้านลบ ด้านสนุก บันเทิงใจ หรือด้านข่าวสารสะเทือนจิตใจ ข่าวไม่ดีต่างๆ ซึ่งอยู่ที่เราจะเลือกเสพสื่อต่างๆ ด้านไหน
การสื่อสารผ่านโลกออนไลน์มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ด้วยยุคนี้ กลายเป็นวัฒนธรรมการแสดงออกทางความคิด ความเชื่อ จากการเสพสื่อข่าวสาร หากเราไม่เลือกไม่คัดกรองเราก็จะเชื่อข่าวนั้น สิ่งที่เราเชื่อมันจะถูกเจาะลึกถึงระดับก้านสมองของเราเลยทีเดียว หรือจะเรียกว่า มีความเชื่อแบบไหนชีวิตย่อมมีทิศทางไปใกล้เคียงหรือเหมือนสิ่งนั้น เพราะไอ้ความเชื่อนี่แหละ มันถูกบันทึกไว้ที่จิตใต้สำนึกจิตวิญญาณของเรา และพลังความคิดความรูสึกของเรามันเป็นพลังงานแรงสั่นสะเทือนคลื่นความถี่ หากเราเชื่อและรู้สึกแบบไหนมันจะเป็นพลังงานดึงดูดในแง่วิทยาศาสตร์
ฉะนั้น เมื่อเราเสพข่าว เสพสื่อสารใดๆ และเรามักจะเก็บเรื่องราวนั้นไว้ในความคิด ความนึกหรือจิตนาการถึงข่าวสารนั้น ภัยอันตรายที่เราไม่รู้เลย มันมาจากการเสพข่าวนั้น หากข่าวนั้น เป็นด้วยลบและเราชอบการเสพข่าวลบทั้งหลาย นั้นหมายความว่า เรากำลังนำเรื่องไม่ดีเข้ามาใส่ในสมองของเราและมันกำลังนำพาสิ่งที่ไม่ดีให้เกิดขึ้นในชีวิตของเรา ทุกสิ่งไม่ใช่ความบังเอิญในชีวิต
คนส่วนใหญ่ชอบการเสพสื่อข่าวสารด้านลบๆ เราไม่รู้เลยว่าเรากำลังเชื่อเชิญเรื่องไม่ดีให้เข้ามาในชีวิตของเรา
เมื่อเราเสพเราดู เราย่อมมีความรู้สึกตามเรื่องนั้น ส่งผลต่อชีวิตของเรา เช่น เมื่อคุณรู้สึกสนุกสนานมีความสุข สุขภาพก็ดี แต่หากเมื่อไรคุณรู้สึกเครียดกังวลโกรธตามข่าวนั้น สะสมพฤติกรรมด้านอารมณ์ไม่ดี เมื่อระยะเวลาผ่านไปย่อมส่งผลต่อสุขภาพไม่ดี ทุกสิ่งทุกอย่างมันเกี่ยวโยงกัน สิ่งที่เราเสพส่งผลต่อความคิด และความคิดส่งผลต่ออารมณ์ , อารมณ์ส่งผลต่อการกระทำ และการกระทำส่งผลต่อผลลัพธ์ในชีวิตของเราเสมอ
1
อุปนิสัยที่ 8 ไม่มีเป้าหมายและไม่วางแผนชีวิตประจำวัน
ไม่มีเป้าหมายและไม่วางแผนชีวิตประจำวัน
คนส่วนใหญ่จะมุ่นเน้นการใช้ชีวิตให้มันเป็นไปตามกาลเวลามากกว่าจะกำหนดเป้าหมายและแผนที่ของชีวิต จึงทำให้เวลาในการชีวิตหมดไปกับการติดสินใจแก้ไขปัญหาในชีวิต ตัดสินใจเลือกเมื่อเจอทางแยกหรือทางตัน หรือเจอปัญหามรสมชีวิต จึงลงมือตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับชีวิตในแต่ละช่วงเวลาจึงมักเจออุปสรรคในชีวิต เพราะเราไม่มีเป้าหมายและการวางแผนที่ชีวิตไว้
อุปนิสัยที่ 9 ไม่เรียนรู้และไม่พัฒนาทักษะใหม่ๆ เชื่อข้อมูลเดิม
ไม่เรียนรู้และไม่พัฒนาทักษะใหม่ๆ เชื่อข้อมูลเดิม
เมื่อไรเราหยุดการเรียนรู้ ไม่ฝึกทักษะสิ่งใหม่ ชีวิตย่อมหยุดความก้าวหน้า
เหตุผลที่เรามักหยุดการเรียนรู้ เพราะเรามักยึดติดกับข้อมูลเดิมความเชื่อเดิมหรือสิ่งที่เราเรียนรู้มาในอดีต ชีวิตมักย่ำอยู่กับที่ตามความรู้ที่มี
หากวันนี้ เราต้องการชีวิตที่ดีขึ้น การเงินดีขึ้น สิ่งแรกที่ต้องลงมือทำ คือการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพิ่มทักษะใหม่ๆ เงินในกระเป้าของเราจะเพิ่มขึ้นตามความรู้ของเรา
1
สาเหตุของอุปนิสัยทั้ง 9 ข้อนี้ เป็นอุปนิสัยด้านทำลายชีวิตเป้าหมายความฝันความของหลายคน โดยทำให้หลายคนล้มเหลว ไม่สามารถทำงานให้สำเร็จได้
กูรู้ทางจิตวิทยาของโลก ++แอริสตอเติล++ท่านกล่าวว่า
แอริสตอเติลอริสโตเติล (Aristotle, 384-322 B.C.) รูปภาพ วิกีพีเดีย สารานุกรมเสรี
“ นิสัย หรือ Hablt นั้น เกิดจากความเคยชินของการกระทำซ้ำๆ ของคน”
แอริสโตเติล ยังได้กล่าวต่อไปอีกว่า
“ เราจะเป็นอย่างที่ทำซ้ำซาก
ความเป็นเลิศ เช่นนั้น หาใช่การแสดง หากแต่เป็นอุปนิสัย “
วิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา >>
นักดาราศาสตร์
นักปรัชญากรีกโบราณที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ อริสโตเติล, เพลโต (อาจารย์ของอริสโตเติล) และโสกราติส (ที่แนวคิดของเขานั้นมีอิทธิพลอย่างสูงกับเพลโต) พวกเขาได้เปลี่ยนโฉมหน้าของปรัชญากรีก สมัยก่อนโสกราติส จนกลายเป็นรากฐานสำคัญของปรัชญาตะวันตกในลักษณะปัจจุบัน โสกราติสนั้นไม่ได้เขียนอะไรทิ้งไว้เลย ทั้งนี้เนื่องจากผลของแนวคิดปรากฏในบทสนทนาของเพลโตชื่อ เฟดรัส เราได้ศึกษาแนวคิดของเขาผ่านทางงานเขียนของเพลโตและนักเขียนคนอื่น ๆ ผลงานของเพลโตและอริสโตเติลเป็นแก่นของปรัชญาโบราณ
สรุป หากเราจะเอาชนะอุปนิสัยทำลายอนาคตความสำเร็จตัวเอง คุณจะต้องฝึกสร้างนิสัยใหม่ และมีวินัยกับตัวเอง โดยฝึกทำบ่อยๆ ซ้ำๆ ให้มันถูกจัดเก็บบันทึกไว้ในจิตใต้สำนึก จิตวิญญาณของเรา จนเกิดความเคยชิน
1
ฝึกตัวเองให้เป็นผู้เสพติดสิ่งดีๆ
ฝึกพัฒนาตัวเอง และเพิ่มทักษะสิ่งใหม่ๆ
ฝึกตั้งเป้าหมายและวางแผนชีวิต
ฝึกลงมือทำทันที ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง
2
ฝึกสร้างนิสัยใหม่ และมีวินัยในตัวเองและทำซ้ำๆ ทุกๆ วัน
เลิกอุปนิสัย 9 ข้อ เคลื่อนย้ายตัวเองออกห่างจากความคิด อารมณ์ คำพูด และการกระทำด้านทำลายชีวิตต่างๆ
[ วิธีแก้ไขอุปนิสัยทำลายอนาคตตัวเอง และเคล็ดลับสร้างความสำเร็จอ่านบทต่อไป ]
สามารถติดตามอ่านต่อได้ที่นี่ <<คลิกที่รูปภาพอ่านเพิ่มเติม>>
►ออกแบบตกแต่งปกและภาพประกอบ จาก : canva : จาก pixabay
►ภาพ เฮนรี่ ฟอร์ด ประกอบจาก วิกีพีเดีย สารานุกรมเสรี
โดย อมรรัตน์ บุญฤทธิ์ : Ami Lawyer ผู้เขียนบทความ & Ebook
โฆษณา