31 ต.ค. 2021 เวลา 01:00 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
My Name
อยากจะเอาใจช่วยนะ แต่ไม่ไหวจริงๆ
ด้วยความที่เริ่มดูแบบไม่รู้อะไรมาก่อนเลย สิ่งที่สงสัยเป็นอย่างแรกก็คือ ทำไมหนังถึงได้ใช้ชื่อ My Name? เราจึงคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับคำตอบเมื่อดูจนจบ แต่ท้ายที่สุดแล้ว แม้จะได้คำตอบนั้นมา คุณค่าของมันกลับแสนเบาบาง ไม่ค่อยคุ้มค่ากับการเดินทางตามหามันเท่าไรนัก
“ยุนจีอู” ลูกสาวของ “ยุนดงฮุน” นักเลงแก๊งดงชอน ซึ่งเป็นองค์กรค้ายาเสพย์ติดที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ พ่อของเธอถูกฆ่าตายอย่างปริศนาโดยที่เธอเชื่อว่าเป็นฝีมือของตำรวจ จีอูจึงได้ตัดสินใจเข้าเป็นหนึ่งในสมาชิกแก๊ง และแฝงตัวเป็นตำรวจเพื่อสืบหาคนที่ฆ่าพ่อของเธอ
พล็อตเรื่องคือมีแค่นี้ และมีเท่านี้จริงๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ แม้หนังจะพยายามสับขาหลอกบ้าง เพื่อให้จีอูและคนดูเข้าใจผิดไปทางนั้นทีทางนี้ที และยังพยายามใส่เหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงให้คนดูได้ลุ้นไปกับการเดินทางแก้แค้นของจีอูบ้างพอหอมปากหอมคอ แต่สุดท้ายแล้วเราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหนังยังไม่สามารถสร้างน้ำหนักที่มากพอให้กับ “แรงจูงใจ” ที่ขับเคลื่อนตัวละครแต่ละคน เพราะเราไม่รู้ว่าพวกเขาผ่านอะไรมาจึงไม่อาจสงสาร ไม่เข้าใจว่าพวกเขาเจ็บปวดแค่ไหนจึงไม่อาจเห็นใจได้อย่างที่ควรจะเป็น
1
“แรงจูงใจของตัวละคร” คือส่วนสำคัญที่หนังควรเล่าอย่างชัดเจนและมีชั้นเชิง เพื่อให้คนดูสามารถเข้าอกเข้าใจและรู้สึกร่วมไปกับสิ่งที่ตัวละครกระทำในหนังได้อย่างเต็มที่ ซึ่ง My Name มีข้อบกพร่องอย่างมากในการนำเสนอจุดนี้
อาจเพราะถูกวางเรื่องให้เป็นซีรี่ส์สั้นเพียง 8 ตอนหรือไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แต่หนังไม่ได้ให้เวลากับการพาคนดูไปรู้จักและเจาะลึกลงไปในจิตใจตัวละครสำคัญมากพอ ทำให้ตัวละครหลายคนไม่ค่อยมีมิติเท่าไหร่นัก หลายคนเปิดตัวน่าสนใจและทำให้คนดูอยากรู้ที่มาที่ไปของเขา แต่ส่วนมากก็กลับได้รู้จักเพียงผิวเผิน หรือผ่านบทสนทนาผ่านๆ เท่านั้น เป็นเหตุให้แม้อยากรักก็รักไม่ทัน อยากจะอินไปกับสิ่งที่พวกเขาทำก็อินไม่ลงเช่นกัน
ส่วนที่ดีงามที่สุดของหนังคือ “การแสดง” นอกจากฉากแอคชั่นจะบู๊กันสนั่น ลื่นไหลดูสนุกมากๆ แล้ว นักแสดงแต่ละคนแสดงบทบาทของตัวเองได้ดีมาก ไม่ว่าจะบทนางเอกแสนรันทด หัวหน้าแก๊งใจเหี้ยม ตำรวจแสนดี หรือตัวร้ายที่เลวสุดโต่ง จนยิ่งทำให้ข้อเสียก่อนหน้านี้ยิ่งน่าเสียดายหนักมาก เพราะหนังไม่ได้ให้แอร์ไทม์กับตัวละครเหล่านี้มากพอ หากหนังนำเสนอชีวิตและที่มาที่ไปของตัวละครแต่ละคนอีกนิด คงสามารถสร้างความรู้สึกกระอักกระอ่วน ไม่รู้จะเอาใจช่วยใคร หรือเห็นใจฝ่ายไหนดีให้กับคนดูได้ไม่น้อย
ช่วงที่เราชอบหนังเล่ามากคือ ความสัมพันธ์ระหว่าง จีอู กับ มูจิน ที่ต่างเติมเต็มซึ่งกันและกัน ค่อยๆ ผูกพันกันในแบบพ่อลูกมากขึ้นเรื่อยๆ ตลอดการเดินเรื่อง เราจึงคาดหวังว่าหนังจะสานเรื่องราวส่วนนี้ไปสู่บทสรุปที่พึงพอใจได้ แต่ก็กลับพังไม่เป็นท่าเช่นกัน ยิ่งช่วงท้ายๆ นี่เป็นอะไรที่ปาหมอนมากๆ เพราะหนังเลือกที่จะทิ้งปมความสัมพันธ์ที่ปูมาตลอด 7 ตอน แล้วให้ตอนสุดท้ายกลายเป็นศึกธรรมะปะทะอธรรม บทคนดีสู้กับคนเลวธรรมดาๆ ทำเอาสิ่งที่นำเสนอมาตลอดไร้ค่าไปเลย
ท้ายที่สุดแล้ว คนดูคงได้คำตอบว่าทำไมหนังถึงได้ชื่อว่า “My Name” แต่สุดท้ายแล้วคำตอบมันก็แสนธรรมดาจนน่าใจหาย ตื้นเขินเหมือนกับการนำเสนอของหนังที่ใช้นักแสดงได้ไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย
โดยรวมหนังก็ถือว่าดูได้สนุกแบบเรื่อยๆ เกือบจะพีคหลายครั้งแต่ก็ไม่สุดสักที เพราะหนังเดินเรื่องไวแบบรีบมาก ขาดความละเมียดละไมในการถ่ายทอดเรื่องราว จนทิ้งให้เห็นรอยร้าว ช่องโหว่ และข้อบกพร่องหลายอย่างที่ไม่อาจเติมเต็ม ซึ่งก็พอจะทดแทนได้ด้วยนักแสดงคุณภาพกับฉากแอคชั่นที่ทำออกมาได้ดุเดือดถึงใจ ถ้าไม่คาดหวังถึงขั้นว่าเราจะต้องได้ดูหนังแอคชั่นสืบสวนสนุกขึ้นหิ้งระดับ Vagabond แล้ว อันที่จริงการเลือกดู My Name ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ก็ถือว่าไม่ขี้เหร่เลยทีเดียว
Ace
211031
โฆษณา