31 ต.ค. 2021 เวลา 07:10 • นิยาย เรื่องสั้น
ถามไถ่ทั่วโลกหล้า 🌎
อันว่ารักเป็นฉันใด💘
จากลี้มกโช้วถึงอินทรีขาว 🦅🦅
มังกรหยกภาคเอี้ยก่วยเจ้าอินทรี ขึ้นต้นด้วยลำนำ
“ถามไถ่ทั่วโลกหล้า อันว่ารักเป็นฉันใดจึงมอบให้กันและกันด้วยชีวิต”
.
ซึ่งผู้แต่งคือ #ง้วนเฮ่ามึ่ง (หยวนเฮ่าเวิ่น) เป็นกวีสมัยราชวงศ์ไต้กิม
แต่งเมื่อปีที่ห้าในรัชกาลไท้ฮั้วฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ไต้กิม
(ค.ศ.1205 )
.
โดยที่ตอนนั้นลี้มกโช้วยังไม่ถือกำเนิด
ง้วนเฮ่ามึ่งเดินทางไปสอบแข่งขันที่เมืองไท่หยวนมณฑลซานซี
ระหว่างทางพบเห็นคนล่านกหงัง (ห่านป่า)
อ้างว่าวันนี้ดักได้ห่านป่าตัวหนึ่งจึงฆ่าเป็นอาหาร
ปรากฏว่าห่านป่าตัวที่เล็ดลอดจากร่างเเหร้องร่ำคร่ำครวญ
ไม่ยอมบินจากไป กลับพุ่งตัวลงสู่พื้นฆ่าตัวตาย
ง้วนเฮ่ามึงจึงซื้อซากนกมา
ฝังอยู่เหนือลำน้ำฮั่นสุย
.
ก่อตั้งป้ายสลักอักษรว่า✝️ “เนินนกหงัง”
พร้อมกับแต่งลำนำมีใจความว่า
“ถามไถ่ทั่วโลกหล้าอันว่ารักเป็นฉันใด
.
จึงมอบให้กันและกันด้วยชีวิต
.
วิหคคู่เคียงจากดินอุดรฟ้าทักษิณ
.
เทียบปีกบินโผผินกี่ฤดูกาล
.
ร่วมหรรษาเริงรื่นขื่นขมยามพลัดพรากหาย
.
กอปรด้วยบุตรธิดางมงายท่านจึงหมายจำนรรจา
.
ชั้นเมฆสูงหมื่นลี้ทัศนียพันภูผาไศล
.
เงาเดียวดายดำรงอยู่ได้อย่างไร
.
...ความหมายคือความจริงเป็นคู่ชีวิตบินเคียงกัน
หลังจากนี้ต้องบินข้ามพันขุนเขา
ผ่านชั้นเมฆหมื่นลี้ เพียงเดียวดาย จะไปยังแห่งหนใด
กาลเวลาเลยผ่านถึงรัชสมัยลี่จงฮ่องเต้ในราชวงศ์น่ำซ้อง (ซ้องใต้)
พลันปรากฏนักพรตหญิง (เต้าโกว) งามสะคราญนางหนึ่ง นามว่า
“ลี้มกโช้ว (อโศก) ฉายา #เทพธิดาไหมแดง (เชียะเลี่ยงเซียนจื้อ )
.
มีพลังฝีมือสูงเยี่ยม เคยมีอดีตรักอันหวานชื่นกับเล็กเตียงง้วน
ซึ่งเล็กเตียงง้วนได้เคยเดินทางไปยังดินแดนไต้ลี้
พบดรุณีสาวงดงามนุ่มนวล
อาจเป็นบาปรักแต่ชาติปางก่อน
ลี้มกโช้วเมื่อพบพานเล็กเตียงง้วน
จึงได้เพาะสร้างความรักขึ้น
.
ภายหลังเล็กเตียงง้วนพบฮ่อง้วนกุน
ซึ่งเป็นลูกสาวบุญธรรมของบู๊ซำทง
ทั้งสองผูกสมัครรักใคร่จึงประกอบพิธีวิวาห์
.
บู๊ซำทงกับลี้มกโช้วถึงกับรุดรังควานในงานวิวาห์
สุดท้ายได้หลวงจีนวัดเทียนเล้งยี่รูปหนึ่งแห่งแดนไต้ลี้ (ต้าหลี่)
ลงมือสยบคนทั้งสองไว้ ขอให้ทั้งสองเห็นแก่หน้าท่านที่เป็นบรรพชิต
รับประกันความปลอดภัยของคู่สามีภรรยาแซ่เล็กไปอีกสิบปี
.
มิคาดว่าแต่งงานไปไม่ถึงสิบปีเล็กเตียงง้วนพลันป่วยหนักถึงแก่ชีวิต
ภรรยาคือฮ่อง้วนกุนเชือดคอตายตามสามีไป
ลี้มกโช้วคิดว่า นางความจริงสามารถครองคู่อยู่ร่วมกับชายคนรัก
.
มิคาดในโลกยังมีฮ่อง้วนกุน ทำให้นางต้องอับอายขายหน้า
พริบตาที่ครุ่นคิดจากสายใยรักพลันเปลี่ยนเป็นความอาฆาตแค้น
.
นางจึงใช้ฝ่ามือเบญพิษอันเหี้ยมโหดเข่นฆ่าล่าล้างคนของตึกตระกูลเล็ก
จนหมดสิ้น และรับเล็กบ้อซังหลานสาวของชายคนรักเป็นลูกศิษย์
ชั่วชีวิตลี้มกโช้วมีเพียงความอาฆาตแค้น
เป็นดั่งเชื้อเพลิงแห่งชีวิตคอยทำร้ายผู้คน
ณ หุบเขาสิ้นไมตรี ⛰
ได้มีดรุณีนางหนึ่งหน้าสะสวยงดงามสะคราญ
ผิวพรรณขาวละเอียดอ่อน ประกายตากระจ่างสุกใส
ที่มุมปากไฝดำเม็ดเล็กๆ แซ่ #กงซุน นาม #เล็กงัก (ขั้วหุ้มดอกไม้เขียว)
บุตรีแห่งเจ้าหุบเขาสิ้นไมตรี นางพบเห็นบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งมายังหุบเขาสิ้นไมตรี เพื่อช่วยเหลือเฒ่าทารกจิวแป๊ะทง
บุรุษหนุ่มนั้นหน้าตาหล่อเหลา คมคาย
มิเพียงเท่านั้น มันยังมีเสน่ห์อย่างยิ่ง
ขณะที่นางกำลังเด็ดดอกไม้
ได้ยินบุรุษหนุ่มนั้นเดินมาจึงชักชวนมันรับประทาน
กลีบดอกไม้ของหุบเขาซึ่งมีรสหอมหวาน 🌺
กลมกล่อมปานน้ำผึ้ง🍯 ทั้งยังมีกลิ่นรสของสุราชวนมึนเมา
ทั้งยังมีกลิ่นรสขมฝาดชนิดหนึ่ง คิดคายออกมาคล้ายไม่อาจตัดใจ
คิดกลืนลงท้องไปก็ยากจะผ่านล่วงลำคอ
.
บุรุษหนุ่มรูปงามพลันถามนางว่า
“ นี่เป็นดอกอะไร ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นมาก่อน"
นางจึงตอบว่า นี่เรียกว่า #ดอกรัก (เช้งฮวย)
ฟังว่าในโลกนี้ไม่ใคร่พบพาน ท่านเห็นว่าน่ารับประทานหรือไม่
บุรุษหนุ่มตอบว่า “ตอนแรกที่เข้าปากหวานยิ่ง ภายหลังกลายเป็นรสขม ดอกไม้นี้เรียกว่าดอกรักหรือ ชื่อนี้กลับพิเศษเฉพาะยิ่ง
.
ภายหลังนางทราบว่าบุรุษนั้น แซ่ เอี้ย นาม ก่วย
ซึ่งเป็นชายที่เป็นรักแรกและรักสุดท้ายของนาง
หากเปรียบเปรยความรักของกงซุนเล็กงักกับเอี้ยก่วย
รสชาติความรักตอนแรกหอมหวาน
เมื่อตอนท้ายกลับกลายเป็นขมฝาด บุรุษสตรีหนุ่มสาวคู่นี้
หนึ่งมีคนรักอยู่แล้ว อีกหนึ่งเป็นดรุณีพึ่งแรกรัก
ผลสุดท้ายความรักของนางกลับกลายเป็นขมฝาดยิ่ง
เอี้ยก่วยนั้นเห็นนางมีคิ้วเรียวงาม ผิวพรรณหมดจดสดใน
องค์เอวอ่อนแอ้นพิศแล้ว นางงามเฉิดฉายยิ่ง
เอี้ยก่วยยามเห็นนางแย้มยิ้มถึงกลับกล่าวว่า
.
“...ข้าพเจ้าเคยได้ยินผู้คนเล่านิทานว่า เมื่อครั้งบรรพกาลมีเจ้าผู้ครองแคว้นอันใดจุดเพลิงสัญญาณกลั่นแกล้งเหล่าขุนนาง
.
เป็นเหตุให้บ้านเมืองพินาศ เพียงเพื่อแลกกับยิ้มเดียวของโฉมสะคราญ แสดงว่ายิ้มเดียวยากแสวงหา ไม่ว่าโบราณกาลจวบจนปัจจุบัน
ล้วนเป็นเช่นเดียวกัน.. ”
.
ในนิสัยของเอี้ยก่วยแฝงความเจ้าชู้กรุ่มกริ่มอยู่สามส่วน
มาตรว่าไม่มีอคติคิดบัดสี แต่กับดรุณีทุกนางต้องหยอกล้ออยู่หลายคำ
ตอแยสักครั้ง ทำให้เกิดฟุ้งซ่านรัญจวน
กลับเป็นเรื่องที่เอี้ยก่วยยินดีประพฤติปฏิบัติ
ซึ่งความจริงกงซุนเล็กงักมีรูปโฉมโนมพรรณไม่ถึงกับล้ำเลิศ
แต่เปรียบกับเซียวเล้งนึ่งมิเพียงมิอาจเทียบได้ เปรียบกับความนุ่มนวล
ของเที้ยเอ็ง ความคมขำของเล็กบ้อซัง
คล้ายกับเป็นรองอยู่บ้าง เพียงแต่นางหมดจดสดใส
เป็นเสน่ห์อีกแบบในชีวิตนางไม่เคยมีคนชมเชยว่านางมีรูปโฉมงดงามจริงๆ
.
ทั้งนี้เพราะวิชาฝีมือที่นางฝึกปรือ แทบเป็นแนวทางลัทธิเซน
ทุกผู้คนตอนพบล้วนเย็นชาเข้าใส่กัน ในใจผู้อื่นแม้เห็นว่านางงดงาม
ก็ไม่มีผู้ใดกล้าวกล่าวจากปาก วันนี้พลันพบพานเอี้ยก่วย
ซึ่งมีนิสัยคึกคะนองยิ่ง เห็นนางเคร่งขรึมสำรวม
ยิ่งคิดหยอกเย้านางผ่อนคลายท่าทีที่ไร้น้ำใจ ปฏิเสธผู้คนห่างไกล
นางพอฟังวาจาเอี้ยก่วยบังเกิดความนิยมยินดี
บังเกิดจิตปฏิพัทธ์ก่อเกิดเป็นความรักขึ้นมา💟
………..
ต่อมาแม้นางทราบว่าเอี้ยก่วยมีรักมั่นต่อเซียวเล้งนึ่ง
ไม่อาจมีที่ให้นางแทรกเข้าไปในหัวใจได้อีก
แต่เอี้ยก่วยถูกพิษดอกรัก
นางเพื่อช่วยชายคนรัก กลับลอบเข้าห้องปรุงโอสถของบิดานาง
เพื่อขโมยยาเม็ดสิ้นไมตรีให้ชายในดวงใจ
เมื่อบิดาเกิดความคลางแคลงใจเพื่อช่วยชีวิตของเอี้ยก่วย
ไม่เสียดายกับการเปลื้องผ้าเปิดเผยเรืองร่างต่อหน้าผู้คน
สุดท้ายบิดาของนางไม่คำนึงถึงน้ำใจฉันพ่อลูก
จึงคิดฆ่านางถึงกลับผลักนางลงบึงจระเข้พร้อมกับเอี้ยก่วย
.
แม้นางตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้าย แต่ก็ได้อยู่ร่วมกับชายในดวงใจ
ในสถานการณ์ร้ายกลับมีผลดีกับนางอยู่บ้าง
เปรียบดั่งกลีบดอกรักที่หอมหวานปานน้ำผึ้ง
ส่วนลี้มกโช้วเมื่อโดนค่ายกลร่างแหคมมีดของหุบเขาสิ้นไมตรี
เนื่องจากกลัวพิษดอกรัก ถึงกับเหวี่ยง #อั้งเล่งปอ ศิษย์เอกของตนเองลงพุ่มดอกรัก จากนั้นตัวเองลอยตัวกระโดด
ใช้เท้าซ้ายเหยียบทรวงอกอั้งเล่งปอ เพื่อเหวี่ยงข้ามพุ่มดอกรักไป
.
ขณะลี้มกโช้วจะทะยานขึ้นอีก อั้งเล่งปอพลันทะลึ่งกายขึ้น
ยื่นมือโอบเท้าซ้ายของอาจารย์ไว้ ร่างลี้มกโช้วจึงตกวูบลง
.
ยามอยู่กลางอากาศไม่มีที่หยั่งเท้ายืมกำลัง
พลันตวัดเท้าขวาออกเสียงโครม เมื่อเตะถูกทรวงอกอั้งเล่งปอ
จนอวัยวะภายในอั้งเล่งปอแหลกสลาย ขาดใจตายในบัดดล
แต่สองมืออั้งเล่งปอยังกอดขาลี้มกโช้วไว้ไม่ปล่อย
สองอาจารย์กับศิษย์ร่วงฟาดลงพร้อมกัน
หนามพิษดอกรักนับร้อยนับพันอันล้วนทิ่มแทงใส่ลี้มกโช้ว
.
อึ้งย้งเห็นดังนั้นจึงบอกลี้มกโช้วว่า
ขอเพียงลี้มกโช้วใช้กระบี่ขุดดิน
จากนั้นเปลื้องเสื้อยาวชั้นนอกออก
ห่อดินสองห่อใหญ่โยนใส่พุ่มดอกไม้
ไยมิใช่เป็นที่รองรับเท้า
ไม่ต้องถึงกับฆ่าศิษย์ซึ่งเป็นคนสนิทเพียงคนเดียวในโลกไป
.
วิธีการนี้แม้ไม่ยาก แต่ยามร้อนรุ่มลนลานลี้มกโช้วพลันคิดไม่ถึง
ลี้มกโช้วเป็นคนใจดำอำมหิต แต่กลับมีความรักฉันบุรุษสตรีแน่วแน่
ในชีวิตก่อสร้างเวรกรรมสืบเนื่องจากคำว่า “ รัก”
.
เมื่อพานพบกงซุนจี้ เพราะต้องการยาขจัดพิษ จึงแกล้งปั้นสีหน้า
แต่วาจาโอนอ่อนผ่อนตาม กงซุนจี้จึงคิดแผนอุบายเพื่อช่วยลี้มกโช้ว
ด้วยถูกใจในรูปโฉมอันงามของนักพรตหญิงนี้
.
กงซุนจี้คิดคร่ากุมธิดาของตนคือ กงซุนเล็กงักโยนใส่พุ่มดอกรัก
เพื่อบังคับฮิ้วโชยเชียะภรรยาของตนมอบยาเม็ดสิ้นไมตรีออกมา
เพื่อหญิงงามนางหนึ่ง มันมิเสียดายชีวิตของบุตรีตนเองแต่ประการใด
.
กงซุนเล็กงักได้ยินบิดาของตนกับลี้มกโช้ว วางแผนฆ่าตน
เพื่อช่วยเอี้ยก่วยแล้ว นางจึงยินยอมถูกพิษดอกรักตามแผนของบิดา
เพื่อขอให้มารดามอบยาเม็ดสิ้นไมตรีขจัดพิษให้ชายคนรัก
.
ด้วยความรักต่อเอี้ยก่วยชายในดวงใจ กงซุนเล็กงักยินยอมผิดใจกับมารดาล้วงขวดเคลือบซึ่งเป็นยาขจัดพิษของจริงให้เอี้ยก่วย
มิคาดกงซุนจี้บิดาของนางพลันช่วงชิงไป
กงซุนเล็กงักเห็นบิดาพกยาเม็ดสิ้นไมตรีไป
รีบกระโดดปราดไปถึงเบื้องหน้าขัดขวางบิดา
.
ยามนั้น ฮิวโชยเชียะมารดาของนาง ใช้เม็ดจ้อเหล็กสองลูกจู่โจมใส่บิดาตนเอง กงซุนจี้เมื่อโดนอดีตภรรยาใช้เม็ดจ้อเหล็กจู่โจม
จึงคว้าชีพจรข้อมือของกงซุงเล็กงัก ใช้ร่างของธิดาบัง
อยู่เบื้องหน้าทรวงอก ปากตวาดด่าฮิ้วโชยเชียะว่า
.
“ หากท่านคิดเสี่ยงชีวิตทั้งหมดตายตกตามกันเถอะ ”
.
ยามนั้นเอี้ยก่วยสกัดขวางทางกงซุนจี้ไว้ กงซุนจี้จึงชูร่างธิดาขึ้น
พลางแสยะยิ้มถามเอี้ยก่วยว่า “เจ้ากล้าขัดขวางเรา”
.
พลางใช้เท้าซ้ายเป็นแกนกลาง หมุนคว้างเป็นวง
จากนั้นใช้เท้าขวาเป็นแกนกลาง หมุนตัวอีกวงหนึ่ง
พอหมุนได้สองรอบ
ก็คืบหน้าเข้าใกล้ตัวเอี้ยก่วย เอี้ยก่วยเห็นดังนั้น
เกรงทำร้ายกงซุนเล็กงักจึงรีบกระโดดหลบด้านข้าง
.
กงซุนเล็กงักตกอยู่ในเงื้อมมือบิดา ไม่อาจขยับเคลื่อนไหว
พอถูกหมุนรอบหนึ่ง เห็นเอี้ยก่วยกระโดดหลบ เปิดทางให้แก่บิดานาง
ในดวงตาทอแววห่วงใยกังวล อดปลาบปลื้มประโลมใจมิได้ ครุ่นคิดขึ้น
.
“เพราะเพื่อเรา เขายินยอมไม่ต้องการยาขจัด เราแม้ตายก็นอนหลับแล้ว “
.
มือเท้าของนางไม่อาจขยับเคลื่อนไหว แต่ลำคอยังบิดหมุนได้
ดังนั้นเรียกหาเบาๆ ว่า “เอี้ยนึ้ง (ชายคนรักแซ่เอี้ย)”
.
พลางโขกหน้าผากใส่กระบี่ดำที่ยกตั้งขึ้นของกงซุนจี้
กระบี่ดำคมกล้าสุดเปรียบปาน กงซุนเล็กงักถึงกับสิ้นชีพดับชีวัน
ตกตายใต้เงื้อมมือบิดานาง เพื่อชีวิตของเอี้ยก่วย นางมิเสียดายแม้ชีวิต
นางแม้รู้ว่าตนเองไม่มีที่ยืนในใจของเอี้ยก่วย นางก็พร้อมที่จะกระทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือชายในดวงใจของตน
.
นับว่าความรักของนางอาภัพ ดังเช่นดอกรัก
แรกพบมีรสหวาน ตอนจบกลับมีรสขมยิ่ง
กงซุนเล็กงักหญิงงามผู้อาภัพจึงตกตายในลักษณะนี้ไป
.
ส่วนลี้มกโช้วผู้ถูกพิษดอกรัก นางหลบซ่อนตัวอยู่หลังก้อนหิน
ข้างต้นดอกรัก พลันพบหลวงจีนชมพูทวีป
ก้มหน้าก้มตามองหาหญ้าสมุนไพร ใกล้กับที่นางซ่อนตัว
นางไม่ถามไถ่ต้นสายปลายเหตุ ก็ซัดเข็มเงินน้ำแข็งเย็นออกเล่มหนึ่ง☄️
.
หลวงจีนชมพูทวีป👨‍🦲 ไม่รู้จักวิชาฝีมือ เข็มพิษจึงพุ่งทะลุอก
มรณภาพในบัดดล ลี้มกโช้วหาทราบไม่ว่าพิษดอกรักของตนเองนั้น
หลวงจีนรูปนี้พบวิธีขจัดรักษา นางยามหวาดกลัวกลับทำผิดพลาดครั้งใหญ่เป็นคำรบสอง สังหารผู้สามารถช่วยชีวิตของตนเองไปอีกผู้หนึ่ง
.
ต่อมาเซียวเล้งนึ่งแม้สยบกงซุนจี้จนได้ยาเม็ดสิ้นไมตรีมา
แต่เอี้ยก่วยตกลงใจร่วมเป็นตายกับภรรยา
จึงโยนยาเม็ดที่สามารถขจัดพิษในกาย
ทั่วทั้งแผ่นดินมีเพียงครึ่งเม็ดนี้ลงยังหุบเหวใต้หน้าผา
.
ลี้มกโช้ว ทราบภายหลังจากเซียวเล้งนึ่งว่า ยาเม็ดสิ้นไมตรีถูกเอี้ยก่วยโยนลงหุบเหวไป แถมคนที่สามารถพบยาขจัดรักษาให้แก่ตนเอง
อย่างหลวงจีนชมพูทวีป กลับถูกตนปลิดปลงสังหารไป
.
เมื่อทราบดังนั้น ลี้มกโช้วใจหนักอึ้งราวถูกถ่วงด้วยตะกั่ว
คาดว่าคำพูดของซือม่วยตนคงไม่แปลกปลอม
คิดไม่ถึงว่าเข็มเงินน้ำแข็งเย็นเล่มหนึ่งหลังสังหารหลวงจีนรูปหนึ่ง
สุดท้ายกลับย้อนทำร้ายตนเอง
.
บู๊ซำทงเห็นลี้มกโช้วพลันตวาดว่า “ลี้มกโช้ว เราถามท่านคำหนึ่ง
ท่านจัดการกับซากศพเล็กเตียงง้วนกับซากศพฮ่อง้วนกุนอย่างไร?
.
ลี้มกโช้วพลันได้ยินชื่อเล็กเตียงง้วนกับฮ่อง้วนกุนถึงกับสะท้านทั้งร่าง
กล้ามเนื้อใบหน้าสั่นกระตุกกล่าวว่า
.
“ล้วนเผาเป็นเถ้าถ่านแล้ว นำเถ้ากระดูกคนหนึ่ง
โปรยอยู่บนยอดเขาฮั้วซัว เถ้ากระดูกอีกคนหนึ่งทิ้งลงสู่ทะเลตังไฮ้
มิให้คนทั้งสองอยู่รวมกันอีกทุกชาติภพ ”😡
.
ทุกคนได้ยินนางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกล่าววาจา
ความลึกล้ำของความอาฆาตพยาบาทนับว่าสลักตราตรึงใจ
จึงตัดสินใจจะฆ่านาง แต่ปรากฏว่าเกิดเหตุเพลิงไม้
ทุกคนจึงตัดสินใจคร่ากุมนางไว้ก่อน
.
ลี้มกโช้วถูกสกัดจุด แม้สามารถเดินเหิน แต่ไม่อาจใช้พลังฝีมือ
นางจึงลอบโคจรพลังคิดทะลวงจุดอย่างเงียบงัน
หาคาดไม่ว่าพอโคจรพลังลมปราณ
บริเวณทรวงอกน้อยก็ปวดแปลบอย่างรุนแรง อดร้องมิได้
.
ตลอดทั้งร่างนางถูกหนามของดอกรักแทงใส่
ตอนแรกลี้มกโช้วยังอาศัยลมปราณคุ้มครองกาย
พิษดอกรักไม่กำเริบ ยามนี้จุดเส้นถูกสยบพลังลมปราณแตกซ่าน
พิษดอกรักยิ่งกำเริบรุนแรง ทรวงอก ท้องน้อย ปวดแปลบปลาบ
.
ยามเคลิบเคลิ้มเลอะเลือนงมงาน เห็นเอี้ยก่วยกับเซียวเล้งนึ่งเดินเคียงคู่มาแต่ไกล คนหนึ่งเป็นบุรษงามสง่า อีกคนหนึ่งเป็นหญิงสาวอ้อนแอ้นสะคราญ รู้สึกละลานตาวูบ กลับเห็นเป็นชายคนรักของนางนามเล็กเตียงง้วน
อีกผู้หนึ่งเป็นภรรยาของเขาฮ่อง้วนกุน
.
ถึงกับร้องโพล่งว่า “เตียงง้วน ท่านช่างโหดร้าย
ตอนนี้ยังมีหน้ามาพบเราหรือ??”
.
ยามนางพลุ่งพล่านใจ พิษของดอกรักยิ่งกำเริบร้ายแรง
ตลอดทั้งร่างสั่นสะท้าน กล้ามเนื้อใบหน้าเต้นกระตุก
ทุกผู้คนเห็นนางมีสารรูปน่าสะพรึงกลัว อดถอยกายไปหลายก้าวมิได้
.
หากมิใช่นางฆ่าฟันคนไปทั่วไม่แยกแยะ
แม้แต่อั้งเล่งปอ ศิษย์เอกที่ใกล้ชิด กับหลวงจีนชมพูทวีป
ผู้สามารถขจัดรักษาพิษดอกรัก
นางคงมิต้องเจ็บปวดรวดร้าวสุดทนทานเยี่ยงนี้
.
ฉับพลันนางขยับสองแขนโถมใส่กระบี่ที่ถืออยู่ในมือของบู๊ตุงยู้
บู๊ตุงยู้วาดหวังทุกเมื่อเชื่อวันว่าจะล้างแค้นให้มารดาผู้ล่วงลับ
แต่พอเห็นนางพุ่งตัวเข้าหาปลายกระบี่ของเขา
ยามไม่ทันระวังต้องใจหายวาบ
หดรั้งกระบี่หลบเลี่ยงตามสัญชาตญาน
ลี้มกโช้วพุ่งใส่อากาศธาตุ ต้องตีลังกาทอดหนึ่ง
กลิ้งหลุนๆ ลงจากเนินเขา พลัดตกลงไปในกองเพลิง
ทุกผู้คนพากันอุทานด้วยความตระหนก เห็นเสื้อผ้าของนางลุกไหม้ในชั่วพริบตา เปลวอัคคีสีแดงล้อมรอบอยู่ข้างกาย
แต่นางยืนตัวตรงแน่นิ่ง กลับไม่ขยับเคลื่อนไหว
สร้างความตื่นตระหนกแก่ผู้คนยิ่ง
เซียวเล้งนึ่งแม้เรียกให้ออกมาแต่ลี้มกโช้วยืนตัวแข็งทื่อ
อยู่ท่ามกลางเปลวเพลิงอันร้อนแรง หาแยแสในใจไม่
ชั่วพริบตาเปลวอัคคีเผาไหม้ตลอดทั้งร่างนาง🔥
ทันใดนั้นในอัคคีเพลิงบังเกิดเสียงเพลงอันเกรี้ยวกราดโหยหวน🧟‍♀️
ดังออกมาว่า
“ถามไถ่ทั่วโลกหล้า อันว่ารักเป็นฉันใด
จึงมอบให้แก่กันและกันด้วยชีวิต
วิหคเคียงคู่จากดินอุดรฟ้าทักษิณ...”
.
ร้องถึงตอนนี้ สุ้มเสียงคลายสายใยอันละเอียดอ่อน จวบจนชะงักหายไป
.
ในความเห็นข้าพเจ้าหากให้ถามไถ่เรื่องของกงซุนเล็กงัก
ว่ารักของนางเป็นฉันใด ข้าพเจ้าคงเปรียบความรักของนางดั่ง
ต้นดอกรัก (เช้งฮวย) 🌾
กลีบของดอกรักตอนแรกเข้าไปกลับหวานยิ่ง
ภายหลังกลับกลายเป็นขม
หนามของดอกรักกลับมีพิษร้ายแรงดังเช่นความคะนึงหาคนรัก
เมื่อรำลึกนึกถึงจะบังเกิดความปวดร้าวสุดทนทาน
.
ผลของดอกรัก เหมือนผลของความรัก ส่วนใหญ่รับประทานไม่ได้
บางผลมีรสเปรี้ยว บางผลมีรสเผ็ด บางผลยังเหม็นคลุ้งสุดทนทาน
ชวนให้ผู้คนสะอิดสะเอียนแทบอาเจียน แม้บางผลจะมีรสหวาน
.
แต่ยากสังเกตออกได้ บางผลขัดตาแต่รสชาติกลับหวานยิ่ง
แต่ผลที่ขัดตาไม่แน่ว่าจะมีรสหวาน มีแต่กัดกินด้วยตนเองค่อยทราบได้
แต่ผลของต้นดอกรัก 10 ผล มีรสขมเสีย 9 ผล เปรียบดั่งความรักฉันบุรุษสตรี รสชาติความรักตอนแรกหอมหวาน
เมื่อถึงตอนท้ายกลับกลายเป็นขมฝาด
.
สุดท้ายกงซุนเล็กงัก ต้องตกตายอย่างอาภัพ ในภายหลังเอี้ยก่วยตบแต่งเซียวเล้งนึ่งกำเนิดบุตรธิดา ใช่ยังคิดถึงนางหรือไม่ ? มิอาจทราบได้
หากถามไถ่ลี้มกโช้ว ว่าความรักของนางเป็นฉันใด
ในความเห็นของข้าพเจ้า ความรักของนางเป็น
ดั่งเปลวเพลิงที่เผาผลาญ🔥 ตัวนางเองจนมอดไหม้
ชั่วชีวิตของลี้มกโช้วแม้ก่อกรรมทำเข็ญ แม้ต้องจบชีวิต
นับว่าสาสมกับความผิด แต่นางมิใช่มีจิตใจชั่วร้ายแต่กำเนิด
เพียงแต่ผิดพลาดเพราะรัก เป็นเหตุให้เดินหลงทาง
ยิ่งถลำยิ่งลึกล้ำ รักที่ผิดหวังยิ่งเผาผลาญใจของนาง
ดั่งไฟสุมทรวงตลอดเวลา
สุดท้ายนางมิอาจถอนตัวจาก “รัก” ได้
ต้องจบชีวิตในเปลวเพลิงที่เผาผลาญกายและใจของนางจนมอดไหม้เป็นธุลี
หากว่าเหล่าสหายชาวยุทธท่านใด มี “รัก” ข้าพเจ้าขอให้ท่านพบรักที่
“พิสุทธิ์ “ ดั่ง “ห่านป่า” ซึ่งมิยอมโบยบินอย่างเดียวดาย
หากยอมตายเพื่อคู่ชีวิตของตน 🦢🦢
.
หรือขอให้ท่านครองรักเฉกเช่นดังคู่อินทรีขาวของก๊วยเจ๋งและอึ้งย้ง
🦅🦅
เมื่ออินทรีตัวผู้ถูกกิมลุ้นก๊กซือปาดมือทำร้ายบาดเจ็บ
จนไม่อาจประคองตนอยู่ได้ พลันร่วงหล่นลงสู่ก้นหุบเหวสิ้นไมตรี
อินทรีตัวเมีย นั้นพลันขยับปีกทั้งสองบินสูงเสียดก้อนเมฆ
วนเวียนอยู่หลายรอบ ส่งเสียงร้องดังโหยหวน ‼️
.
พลันพุ่งตัวลงจากกลางอากาศอย่างเร่งร้อน
แม้แต่อึ้งย้งซึ่งแม้ส่งเสียงผิวปาก อินทรีตัวเมียก็หาตอบรับไม่
ซึ่งหลายสิบปีนี้ ไม่เคยเป็นมาก่อน จนอึ้งย้งส่งเสียงร้องเรียก
“เตียวยี้” (อินทรีน้อย)
.
พลันเห็นอินทรีตัวเมียนั้นพุ่งหัวชนใส่ก้อนหินจนหัวเหลกเละ
ปีกหักถึงแก่ความตาย 💀
ทุกผู้คนล้วนใจหายวาบ ค่อยทราบว่าอินทรีตัวผู้นั้นสิ้นใจตายไป
อินทรีตัวเมียมีความรักความผูกพันกับคู่ของตน
จึงกระทำอัตวินิบาตกรรมฆ่าตัวตาย ล้วนทอดถอนรำพัน
ด้วยความสะทกสะท้อน อึ้งย้งยึดถืออินทรีทั้งคู่
เป็นเพื่อนเล่นตั้งแต่เล็ก ยิ่งเศร้าโศกเสียใจ
อดหลั่งน้ำตาออกมามิได้😢
ที่ริมโสตของเล็กบ้อซัง คล้ายพลันได้ยินเสียง
เพลงอันแผ่วทุ้มราวสายในของลี้มกโช้วผู้เป็นซือแป๋🎼🎼
“...ถามไถ่ทั่วโลกหล้าอันว่ารักเป็นฉันใด💖
.
จึงมอบให้กันและกันด้วยชีวิต🦢🦢
.
วิหคคู่เคียงจากดินอุดรฟ้าทักษิณ🕊🕊
.
เทียบปีกบินโผผินกี่ฤดูกาล🦅
.
ร่วมหรรษาเริงรื่นขื่นขมยามพลัดพรากหาย🦚
.
กอปรด้วยบุตรธิดางมงายท่านจึงหมายจำนรรจา
.
ชั้นเมฆสูงหมื่นลี้ทัศนียพันภูผาไศล🗻
.
เงาเดียวดายดำรงอยู่ได้อย่างไร🌌...."
นางเมื่อเยาว์วัย ฝึกฝีมือกับลี้มกโช้ว พอถึงกลางยามวิกาล
หลับฝันมักได้ยินซือแป๋ร้องเพลงนี้
ตอนนั้นยังไม่ผ่านเหตุการณ์ทางโลก ไม่รู้ซึ้งถึงความหมายในบทเพลง
ยามนี้เห็นอินทรีตัวผู้ตกตาย
อินทรีตัวเมียก็พลีชีพบูชารัก ต้องครุ่นคิดขึ้น
.
“หากอินทรีตัวเมียไม่ตาย หลังจากนี้ชั้นเมฆสูงหมื่นลี้
พันภูผาไศล เงาเดียวดายเช่นมันจะดำรงอยู่ได้อย่างไร? “
.
หากแต่คำถามซึ่งถามไถ่ผ่านห้วงความคิดคำนึงของเล็กบ้อซัง
ล้วนไม่ต้องการคำตอบอีกแล้ว ...
ขอให้เหล่าสหายชาวยุทธมีรักที่พิสุทธิ์ยิ่ง🤍🤍
อนันตทวิ☯️
ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ท
โฆษณา