ก็จะได้ข้อสรุปว่า
(อยากให้ทุกคนยังเชื่อว่าวิญญาณมีจริงตามในหนังนะครับ เหมือนที่ต้นเรื่องที่ป้านิ่มบอกว่า วิญญาณอยู่ในทุกหนทุกแห่ง ทุกที่ ทั้งสิ่งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต)
โอเค จากนั้นมารวมและวิเคราะห์กัน
ในอดีตบรรพบุรุษตระกูลนี้ เป็นโรคทางมดลูกที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ และอาการของโรคนี้มันทรมานมาก เหมือนอวัยวะเพศฉีกขาด คราวนี้ก็ไปโยงกับสภาพจิตใจคนที่มีอาการ ทุกคนที่เป็นจะทุกข์ทรมานสุดขีด นั่นแหละทำให้สภาพจิตใจอ่อนแอมากที่สุด รวมถึงร่างกายคนที่เป็นด้วย
คนในอดีตจึงพาคนเก่าแก่ในตระกูลนี้ มาทำพิธีรับขันธ์ ซึ่งด้วยสภาพจิตใจอ่อนแอที่เกิดจากโรคแล้ว วิญญาณเข้าได้ง่ายมาก
แต่ถ้าถามว่าทำไมวิญญาณไม่ทำร้ายคนอื่นเหมือนในหนังที่เห็นล่ะ?
คำตอบคือเมื่อทำพิธีรับขันธ์แล้ว มันเหมือนการยอมรับวิญญาณเข้ามา และเชื่อในเจตนาตัวเองในการที่จะใช้วิญญาณในร่าง ปกปักรักษาชาวบ้าน ทำให้จิตใจแน่วแน่ ยากต่อการบังคับของวิญญาณ
แต่มิ้งและป้าน้อย ไม่ได้อยู่จุดเดียวกับร่างทรงคนเก่าๆ จึงไม่มีจิตใจแน่วแน่ รวมถึงปฏิเสธ และไม่มีเจตนาชัดเจนในการเข้าร่าง ทั้งที่สภาพจิตใจและร่างกายเปิดรับวิญญาณให้เข้ามาแล้ว
เหมือนที่สันติว่า เหมือนรถที่เสียบกุญแจทิ้งไว้ ใครจะขับไปไหนก็ได้ นั่นเอง
ส่วนป้าน้อย เขาอาจจะมีจิตใจแน่วแน่นิดนึงแต่ไม่มาก เพราะตอนที่มิ้งเรียกว่าแม่ ทำให้มีความเป็นป้าน้อยมากกว่าเป็นวิญญาณร้ายในช่วงนึง
แต่ป้านิ่ม คือแน่วแน่ในเจตนาที่จะทำเมื่อวิญญาณได้เข้า เพราะเชื่อว่าเป็นย่าบาหยันคอยรักษาคน
แต่พอถึงฉากรูปปั้นย่าหัวขาด ทำให้จิตใจสิ้นหวังและเจตนาในการทำเริ่มลดลง เพราะหมดความมั่นใจ
จนสุดท้ายก็พ่ายแพ้ต่อวิญญาณร้าย