Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ประวัติศาสตร์ทางทหาร
•
ติดตาม
2 พ.ย. 2021 เวลา 03:03 • ประวัติศาสตร์
เอฟ-๕ ฟรีดอม ไฟเตอร์ ในกองทัพอากาศฟิลิปปินส์
ในปี พ.ศ. ๒๕๐๗ รัฐบาลฟิลิปปินส์ได้เจรจากับรัฐบาลสหรัฐฯ ในการจัดหาเครื่องบินขับไล่รุ่นใหม่ จำนวน ๒ ฝูงบิน เพื่อมาทดแทนเครื่องบินขับไล่แบบ เอฟ-๘๖เอฟ เซเบอร์ และเอฟ-๘๖ดี เซเบอร์ ที่ใช้งานอยู่ โดยสหรัฐฯ ได้เสนอเครื่องบินขับไล่แบบ นอร์ธรอป เอฟ-๕ ฟรีดอม ไฟเตอร์ ซึ่งเป็นเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์น้ำหนักเบาความเร็วเหนือเสียงที่สหรัฐฯ พัฒนาขึ้นเพื่อกองทัพอากาศในองค์การนาโต้และซีโต้ ตลอดจนประเทศในโลกเสรีอื่นๆ เพื่อใช้งานแทนเครื่องบินขับไล่แบบ เอฟ-๘๔ ธันเดอร์เจ็ต/ธันเดอร์สตรีค และเอฟ-๘๖ เซเบอร์
แต่ทางฟิลิปปินส์ยังยืนกรานในความต้องการเครื่องบินขับไล่แบบ เอฟ-๑๐๔ สตาร์ไฟเตอร์ ซึ่งมองว่ามีสมรรถนะสูงกว่า แต่คำร้องขอนี้ไม่ได้รับความยินยอมจากรัฐบาลสหรัฐฯ และยังคงตกลงที่จะส่งมอบ เอฟ-๕ ฟรีดอม ไฟเตอร์ ให้กับฟิลิปปินส์ตามเดิม
เอฟ-๕เอ ฟรีดอม ไฟเตอร์ ขณะบินลาดตระเวนรักษาเขต
วันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๔๐๘ การส่งมอบ เอฟ-๕เอ/บี จำนวน ๒ ฝูงบิน ให้กับกองทัพอากาศฟิลิปปินส์ เริ่มขึ้นโดยเครื่องบินชุดแรกเป็นเครื่องบินขับไล่ เอฟ-๕เอ ๗ เครื่อง และเครื่องบินฝึกขับไล่ เอฟ-๕บี ๒ เครื่อง ทั้งหมดบรรจุเข้าประจำการในฝูงบินขับไล่ทางยุทธวิธีที่ ๖ “คอบร้า” สังกัดกองบินขับไล่ทางยุทธวิธีที่ ๕ ฐานทัพอากาศบาซา มีภารกิจหลักในการป้องกันภัยทางอากาศเหนือหมู่เกาะลูซอน โดยโอน เอฟ-๘๖เอฟ เซเบอร์ ที่ใช้อยู่เดิมไปให้ฝูงบินขับไล่ทางยุทธวิธีที่ ๗ และ ๙ ซึ่งทั้งสองฝูงนี้มี เอฟ-๘๖เอฟ ประจำการอยู่ก่อนแล้ว
1
ต่อมาสหรัฐฯ ได้ลดความช่วยเหลือทางทหารต่อฟิลิปปินส์ลง ทำให้การส่งมอบ เอฟ-๕ หยุดชะงักลงชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะทยอยส่งมอบ เอฟ-๕เอ จำนวน ๑๒ เครื่อง และเอฟ-๕บี จำนวน ๑ เครื่อง ให้อีกในระหว่างปี ๒๕๐๙ – ๒๕๑๐ รวมแล้วกองทัพอากาศฟิลิปปินส์ได้รับมอบ เอฟ-๕ ฟรีดอมไฟเตอร์ เพียง ๑ ฝูงบินเท่านั้น รวมทั้งสิ้น ๒๒ เครื่อง แบ่งเป็น รุ่น เอ จำนวน ๑๙ เครื่อง และรุ่น บี จำนวน ๓ เครื่อง
เอฟ-๕บี ฟรีดอม ไฟเตอร์
เมื่อเริ่มเข้าประจำการภารกิจของ เอฟ-๕เอ คือการบินลาดตระเวนจากฐานบินมักตัน (Mactan Airbase) บนเกาะเซบูไปถึงสุดเขตแดนใกล้รัฐซาบาร์ บนเกาะบอร์เนียวของประเทศมาเลเซีย เป็นการบินลาดตระเวนรักษาเขตระยะไกล โดยพื้นที่ปฏิบัติการส่วนใหญ่อยู่เหนือทะเลซูลู ในแต่ละครั้งจะใช้ เอฟ-๕เอ จำนวน ๒ เครื่อง แต่ละเครื่องติดถังน้ำมันภายนอกเต็มอัตรา ที่ใต้ปีกข้างละถัง ที่ใต้ลำตัวอีกหนึ่งถังและที่ปลายปีกอีกข้างละถัง ติดอาวุธเฉพาะปืนใหญ่อากาศประจำเครื่องขนาด ๒๐ มม. จำนวน ๒ กระบอก พร้อมบรรจุกระสุนเต็มอัตรากระบอกละ ๒๘๐ นัด
ในปี ๒๕๑๔ – ๒๕๑๖ เอฟ-๕ ได้ร่วมกับเครื่องบินโจมตีแบบ ที-๒๘ดี โทรจัน และเครื่องบินขับไล่ไอพ่นแบบ เอฟ-๘๖เอฟ เซเบอร์ ปฏิบัติการโจมตีที่มั่นของกองโจรมุสลิมบนหมู่เกาะลูซอนและหมู่เกาะวิสายาร์ การปฏิบัติการสำคัญในช่วงนี้เป็นการรบในบริเวณภูเขาซิบารูบนเกาะซูลู ในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๑๕ และในปลายปี ๒๕๑๖ เอฟ-๕ ร่วมกับ เอฟ-๘๖เอฟ และที-๓๓เอ โจมตีที่มั่นของกองโจรมุสลิมด้วยปืนกล จรวด และลูกระเบิด บริเวณเมืองซัมโบอังกาบนเกาะมินดาเนา สามารถทำลายเรือ คลังกระสุนและคลังเชื้อเพลิง ของฝ่ายกองโจรได้อย่างราบคาบ
เอฟ-๕เอ ก่อนออกปฏิบัติการโจมตีเป้าหมาย
หลังจากปี ๒๕๑๖ รัฐบาลฟิลิปปินส์กับกองโจรกลุ่มต่างๆ มีการเจรจากันหลายครั้ง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ รัฐบาลฟิลิปปินส์ยังคงเปิดปฏิบัติทางทหารอีกหลายครั้งในการปรามปรามกองโจรกลุ่มต่างๆ ซึ่ง เครื่องบินขับไล่ เอฟ-๕เอ/บี จากฝูงบินขับไล่ทางยุทธวิธีที่ ๖ กับเครื่องบินรบแบบต่างๆ ของกองทัพฟิลิปปินส์ ได้เข้าร่วมการปฏิบัติการเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง
ส่วนภารกิจหลักของ เอฟ-๕ คือ การปกป้องผลประโยชน์ของฟิลิปปินส์ในหมู่เกาะสแปรตลีย์ หรือที่ฟิลิปปินส์เรียกว่า หมู่เกาะ "กาปูลูอันงัง กาลายาอัน" (Kapuluan Ng Kalayaan) ร่วมกับเครื่องบินขับไล่แบบ เอฟ-๘๖เอฟ เซเบอร์ จากฐานทัพอากาศอันโตนิโอ บาทิสต้า เมืองปวยร์โต ปรินเซซา บนเกาะปาลาวัน
ในปี ๒๕๑๙ ทางรัฐบาลฟิลิปปินส์ได้ร้องขอผ่านโครงการช่วยเหลือทางทหารในการจัดหา เครื่องบินขับไล่แบบ นอร์ธรอป เอฟ-๕อี ไทเกอร์ จำนวน ๑๑ เครื่อง มาทดแทนเครื่องบินขับไล่แบบ เอฟ-๘๖เอฟ เซเบอร์ ที่ล้าสมัย ซึ่งไม่ได้รับการตอบรับจากทางสหรัฐฯ
แต่ด้วยความจำเป็นในการจัดหาเครื่องบินรบ ทำให้ฟิลิปปินส์ต้องหันไปจัดหาเครื่องบินขับไล่แบบ วอช์ท เอฟ-๘เอช ครูเซเดอร์ จำนวน ๓๕ เครื่องในปี ๒๕๒๐ ซึ่งทั้งหมดเป็นเครื่องบินขับไล่ที่เคยใช้งานในกองทัพเรือสหรัฐมาก่อน โดยนำมาปรับปรุงก่อนนำเข้าประจำการ ๒๕ เครื่อง และอีก ๑๐ เครื่องถอดแยกไว้เป็นอะไหล่
อย่างไรก็ดีในปลายปี ๒๕๒๐ เอฟ-๕เอ ที่เหลืออยู่ ๑๓ เครื่อง และเอฟ-๕บี อีก ๓ เครื่อง ยังคงปฏิบัติการเคียงคู่กับ เอฟ-๘เอช ครูเซเดอร์ แต่ภารกิจหลักของฝูงบินขับไล่ทางยุทธวิธีที่ ๖ เปลี่ยนไปเป็นการโจมตีสนับสนุนกองกำลังภาคพื้นดิน ในการปราบปรามกลุ่มกองโจรมุสลิมแบ่งแยกดินแดนแทน
ต่อมาในปี ๒๕๓๑ กองทัพอากาศฟิลิปปินส์ ได้ปลดประจำการ เอฟ-๘เอช ครูเซเดอร์ หลังจากเข้าประจำการได้ ๑๑ ปี ทำให้ เอฟ-๕เอ/บี กลายเป็นเครื่องบินขับไล่ไอพ่นแบบเดียวของกองทัพอากาศฟิลิปปินส์ที่ยังใช้งานอยู่ ซึ่งมีเหลือรุ่น เอ อยู่ ๙ เครื่อง รุ่น บี อีก ๒ เครื่อง
เมื่อประธานาธิบดี เฟอร์ดินาน มาร์กอส ถูกประชาชนขับไล่ออกนอกประเทศ ในปี ๒๕๒๙ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในฟิลิปปินส์ครั้งใหญ่ สิ่งที่ตามมาคือเกิดการปฏิวัติ/รัฐประหารของกองทัพขึ้นอีกหลายครั้ง มีการปะทะกันเองระหว่างทหารในกองทัพที่อยู่กันละฝ่าย รุนแรงถึงขั้นเอาเครื่องบินรบมาทิ้งระเบิดใส่กัน ในปี ๒๕๓๒ ฝ่ายรัฐบาล สูญเสียเอฟ-๕เอ พร้อมนักบิน นาวาอากาศตรี ดานิโล อาเตียนซา จากอุบัติเหตุขณะดำลงใช้อาวุธโจมตีกองกำลังของฝ่ายกบฏ ณ ฐานบินแซงเลย์ พอยท์ เนื่องจากปัญหาความล้าของโครงสร้างอากาศยาน
ปัญหาทางการเมืองและปัญหาทางเศรษฐกิจในฟิลิปปินส์ ส่งผลให้การพัฒนากองทัพเป็นไปอย่างยากลำบาก อาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ทรุดโทรมเป็นอย่างมาก เนื่องจากปัญหาในการซ่อมบำรุง และขาดแคลนอะไหล่ ฝูงบินขับไล่ เอฟ-๕ ก็ได้รับผลกระทบจากปัญหาต่างๆ เหล่านี้ เช่นเดียวกัน
หลังปี ๒๕๓๒ เอฟ-๕เอ/บี ของฟิลิปปินส์เริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับความล้าของโครงสร้าง ไม่สามารถทำการบินที่มีแรงจีสูงๆ ได้ ประกอบกับขาดแคลนอะไหล่ ต้องเอาชิ้นส่วนจากเครื่องอื่นที่ยังพอใช้ได้ มาใช้กับอีกเครื่องหนึ่งที่มีพร้อมบินมากกว่า การซ่อมแบบนี้เรียกกันว่า “การซ่อมแบบกินตัว” ทำให้ฝูงบิน เอฟ-๕ ของฟิลิปปินส์มีปัญหาในเรื่องความพร้อมรบ
กองทัพอากาศฟิลิปปินส์แก้ปัญหาด้วยการเจรจากับมิตรประเทศที่มี เอฟ-๕เอ/บี ใช้งาน เพื่อขอซื้อเครื่องบินที่เกินความต้องการซึ่งถูกเก็บสำรองไว้ในคลัง เพื่อนำมาปรับปรุงและนำมาใช้งาน เริ่มจากในปี ๒๕๓๒ ได้จัดหา เอฟ-๕เอ ๑ เครื่อง และ เอฟ-๕บี ๑ เครื่อง จาก ทอ.ไต้หวัน ตามด้วยในปี ๒๕๓๖ มีการแลก เอฟ-๕เอ ๑ เครื่อง ของไต้หวัน กับเครื่องบินขับไล่แบบ พี-๕๑ดี ของฟิลิปปินส์ ที่ตั้งแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศในกรุงมะนิลา
ต่อมาในปี ๒๕๓๘ รัฐบาลฟิลิปปินส์ได้เจรจาจัดหา เอฟ-๕เอ ที่ปลดประจำการแล้วจาก ทอ.เกาหลีใต้ โดยได้รับมา ๓ เครื่อง ในปลายปี ๒๕๓๘ และอีก ๕ เครื่องในปี ๒๕๔๑ นอกจากนี้ในปี ๒๕๔๐ ยังได้ เอฟ-๕เอ มาจากบริษัทเอกชนในสหรัฐฯ อีก ๒ เครื่อง โดยทั้งสองเครื่องนี้เคยประจำการใน ทอ.จอร์แดน สรุปว่า ในช่วงระหว่างปี ๒๕๓๒ – ๒๕๔๐ ทอ.ฟิลิปปินส์ ได้รับ เอฟ-๕เอ มือสองมาใช้งาน ๑๒ เครื่อง กับ เอฟ-๕บี อีก ๑ เครื่อง นอกจากนี้ยังมี เอฟ-๕เอ จากไต้หวันอีก ๒ เครื่องที่นำมาถอดชิ้นส่วนไว้เป็นอะไหล่
1
กองทัพอากาศฟิลิปปินส์ใช้งาน เอฟ-๕เอ/บี อยู่จนถึงปี ๒๕๔๖ และยุติการใช้งานหลังจากสูญเสีย เอฟ-๕เอ หมายเลข ๖๗-๒๑๑๗๖ พร้อมนักบินเนื่องจากเครื่องยนต์ขัดข้อง ในวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๔๕ โดยพิธีปลดประจำการ เอฟ-๕เอ/บี อย่างเป็นทางการของกองทัพอากาศฟิลิปปินส์มีขึ้นในวันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ที่ฐานทัพอากาศบาซา
เอฟ-๕เอ ที่ถูกทำสีใหม่สำหรับพิธีปลดประจำการในปี พ.ศ. ๒๕๔๘
หลังจากกองทัพอากาศฟิลิปปินส์ปลดประจำการ เอฟ-๕เอ/บี ฟรีดอม ไฟเตอร์ แล้วก็ไม่มีเครื่องบินขับไล่ไอพ่นใช้งานอีกเกือบ ๑๐ ปี มีแต่เครื่องบินฝึก/โจมตีเบาไอพ่นแบบ เอเอส-๒๑๑ วอร์ริเออร์ ที่อัพเกรดจากเครื่องบินฝึก เอส-๒๑๑ ให้มีขีดความสามารถในการใช้อาวุธในภารกิจป้องกันภัยทางอากาศและโจมตีภาคพื้นดิน แต่ก็มีข้อจำกัดในการใช้งานหลายประการ จนได้รับมอบเครื่องบินขับไล่เบา เอฟเอ-๕๐พีเอช ไฟติ้ง อีเกิ้ล จำนวน ๑๒ เครื่อง ที่จัดหามาจากเกาหลีใต้ ซึ่งทำให้กองทัพอากาศฟิลิปปินส์มีขีดความสามารถในการป้องกันภัยทางอากาศสูงขึ้น
เอเอส-๒๑๑ วอร์ริเออร์
เอฟเอ-๕๐ ไฟติ้ง อีเกิ้ล
ประวัติศาสตร์
เล่าเรื่องการบิน
1 บันทึก
2
1
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย