3 พ.ย. 2021 เวลา 01:45 • หุ้น & เศรษฐกิจ
Theory SEPA กลยุทธ์การเทรดแบบ SEPA ตอน2
Theory SEPA กลยุทธ์การเทรดแบบ SEPA ตอน2
จากเดิมตอนที่แล้วเราได้พูดถึงวิธีการซื้อขาย กลยุทธ์การเทรดแบบ SEPA ไปแล้ว จากจุดเข้าซื้อ และจุดออกขาย โดยเขาใช้ระยะเวลา 5 ปี ในการสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 220% จากเงินในบัญชีที่มี USD 100,000 วิ่งขึ้นไปสู่ USD 30 ล้าน เน้นการเทรดระยะยาว(ถือยาวมากๆ )
ถึงแม้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดในการเทรดของ มาร์ค มิเนอร์วินี (Mark Minervini) จะเป็นจุดเข้าซื้อ แต่เขาก็ให้ความสำคัญในอันดับรองลงมาคือการบริหารความเสี่ยงด้วยเช่นกัน จากในหนังสือโมเมนตัมมาสเตอร์ที่เขาได้ให้สัมภาษณ์ไว้ เขากล่าวว่าความเสี่ยงสำหรับพอร์ตโฟลิโอของเขาจะอยู่ที่ราวๆ 1-2% เท่านั้นเอง นั่นคือ กล้าและคิดตัดสินใจเร็ว ในการตัดขาดทุน
ความหมายก็คือ ด้วยเงินทุน 1 ล้านบาท จะยอมขาดทุนสูงสุดไม่เกิน 1-2 หมื่นบาทเท่านั้น ยิ่งขาดทุนน้อยเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำกำไรกลับมาได้โดยง่าย นั่นหมายความว่ารูปแบบการเทรดของ มาร์ค มิเนอร์วินี เป็นแบบซื้อถูกขายแพง และเป็นการเทรดแบบ Trend Following ไม่ซื้อบ่อย ขยันซอยไม้ ตามแนวย่อแนวรับของเทรน
ข้อเสียของ SEPA
การเทรดแบบ Trend Following เกือบทุกแบบล้วนมีข้อเสียคล้ายๆ กันคือ มีโอกาสผิดทางสูง (เดาถูกได้ 30-40% ก็เก่งแล้ว) และราคาย่อตัวแต่ละครั้งที่รุนแรง การควบคุมความเสี่ยงจึงไม่ได้จบที่เฉพาะการขายตัดขาดทุน แต่อาจจะต้องพิจารณาทางเลือกอื่นเพิ่มเติมด้วย และเนื่องจากวิธีการลงทุนลักษณะนี้จะต้องใช้เวลาถือหุ้นประมาณหนึ่ง โอกาสเกิดเรื่องไม่คาดฝันจึงมีสิทธิ์เกิดขึ้นได้ง่ายเช่นกัน
5 กุญแจที่สำคัญของระบบ SEPA
- เน้น trend ขาขึ้น จะไม่เข้าเทรดในช่วงที่เป็น trend sideway หรือ downtrend
- Fundamentals: เน้นสะสมกำไร หุ้น super performance จะถูกขับเคลื่อนด้วย กำไรที่เติบโตขึ้นอย่างมากมาย ซึ่งอาจจะเกิดจากการยอดขายที่เพิ่มขึ้นเพราะมีสินค้าใหม่ หรือ ลด Cost เพราะปรับปรุงกระบวนการผลิต
- Catalyst : หุ้นที่มีกำไรมหาศาล เนื่องมาจากมีตัวเร่ง (Catalyst) อาจจะเกิดจาก สินค้าที่ออกมาใหม่ทำให้ได้รับความนิยม ทำให้ขายได้มาก หรือ เข้าไปซื้อบริษัทเพิ่มที่ทำให้เกิด เป็นหุ้นวัฏจักรเป็นราคาขาขึ้นของสินค้านั้นๆ
- Entry Point : เวลาที่เข้าซื้อหุ้นนั้นสำคัญมาก จะดู VCP Pattern ที่จะ break แนวต้านก่อนพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
- Exit Point: ปกป้องกำไรและเงินต้น โดยมีการทำ stop-loss ตัดขาดทุนให้ไว
Mark Minervini เป็นนักลงทุนแนว techno-fundamental คือ การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical analysis) และการวิเคราะห์เชิงพื้นฐานกิจการ (Fundamental Analysis) เข้าด้วยกัน โดยแนวทางการลงทุนลักษณะนี้ สามารถประยุกต์ใช้ได้ทั้งการลงทุนทั้งแบบระยะกลางและระยะยาว
โดยเขาได้เขียนหนังสือคือ Trade Like a stock market Wizard และ Think and Trade like a Champion สามารถหามาอ่านได้ และยังมีหนังสือที่เขาถูกเชิญไปในสัมภาษณ์ได้แก่
Momentum Master: A roundtable interview with super traders
Stock Market Wizards: Conversation with America’s top stock trader
The Earnings Maturation Cycle
หากเราอยากประสบความสำเร็จในการเทรดหรือลงทุนในหุ้นจริงๆ การหาต้นแบบหรือไอดอลเพื่อเป็นแนวทางในการปูพื้นของเราก็เป็นส่วนช่วยส่งเสริมความมั่นใจอีกทางหนึ่ง แถมยังสร้างแรงบันดาลใจได้ดีอีกด้วยนะ
ขอบคุณข้อมูลจาก zyo71.com
"สนับสนุนบทความนี้ด้วยการส่งเพชร 💎ส่งดาว🌟 และกดติดตาม ใน Blockdit ของเรา
โฆษณา