3 พ.ย. 2021 เวลา 03:18 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
วิเคราะห์ & อธิบายหนังร่างทรง : ย่าบาหยัน, ตัวละครมิ้งกับป้านิ่ม ,คอนเซ็ปต์ความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องวิญญาณ และฉากจบกับช่วงท้ายของหนังที่หลายคนสงสัย (เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ ควรดูจบก่อนอ่าน)
บทความนี้จะพยายามพูดให้ครอบคลุมทั้งหมดถึงประเด็นหลักของหนังและสิ่งที่หลายๆคนสงสัยนะครับเลยยาวหน่อย ทั้งหมดนี้เป็นการวิเคราะห์และทฤษฎีของผมเอง อาจจะใช่หรือไม่ใช่ก็ได้ แต่จะอธิบายตามความเข้าใจ ประเด็นที่จับได้ และพูดถึงให้เข้าใจง่ายที่สุดครับ
ก่อนอื่นเลยต้องพูดถึงเรื่องวิญญาณก่อน
คือประเทศไทยเราอย่างที่รู้กันว่าศาสนาดั้งเดิมคือศาสนาผี (ก่อนที่จะเอาพุทธ พราห์ม-ฮินดู จีน มาผสมจนเป็นทุกวันนี้) และเท่าที่เห็นคือมีคนไทยไม่น้อยที่บูชาผี วิญญาณ สิ่งเหนือธรรมชาติ กับกระทำการไหว้เพื่อขอขมาขอพร ความเชื่อนี้จะมีความเหนียวแน่นทางภาคเหนือกับอีสานเป็นพิเศษครับ และในหนังเลือกแบ็คกราวน์เป็นภาคอีสาน
ทีนี้หนังร่างทรงมีคอนเซ็ปต์ที่ถือว่าใหม่กว่าที่เคยเห็นในหนังเรื่องไหนมากๆ เป็นการเอาตรงนี้มาต่อยอดเป็นความเชื่อที่ว่า "วิญญาณไม่ได้มีแค่ในสิ่งใดสิ่งนึง แต่มีอยู่ในทุกสิ่ง"
ผมชอบตรงที่มันสอดคล้องกับความเชื่อเรื่องผีๆของบ้านเราด้วยครับว่ามีวิญญาณสิงอยู่ที่ต้นไม้ใบหญ้า, ลำธาร, สัตว์ทุกชนิด โดยเฉพาะมนุษย์ที่ตายไปแล้วกลายไปเป็น soul และทั้งหมดที่พูดไปก็สามารถเปลี่ยนถ่ายไปสู่สถานที่กับวัตถุสิ่งของได้ด้วย
ง่ายๆคือวิญญาณในหนังเรื่องนี้สามารถถ่ายโอนไปสู่อีกสิ่งและมีอยู่ในทุกที่ทุกแห่งไม่ว่าจะตอนมีชีวิตอยู่ ตายแล้ว หรือเป็นอะไรไม่เคลื่อนไหว
1
ส่วนย่าบาหยัน
เป็นประมาณเทพปกปักรักษาของแถบอีสานครับ คนอีสานแบ่งว่า วิญญาณมีดีมีร้าย และในหนังเชื่อกันว่าย่าบาหยันเป็นฝั่งดี และจะปกปักรักษาผู้คนที่นับถือและบูชาจากภยันตราย
ทีนี้หลังจากเข้าใจคร่าวๆแล้ว ต่อมาจะพูดถึงมิ้ง ป้านิ่ม และตระกูลร่างทรง
ตระกูลฝั่งป้านิ่มเป็นตระกูลที่เหมือนถูกกำหนดมาให้เป็นดั่ง 'ภาชนะ' สำหรับย่าบาหยัน และสามารถ sense ถึงสิ่งเหนือธรรมชาติได้ เลยรับหน้าที่เป็นร่างให้กับย่าเพื่อสื่อสารและช่วยเหลือผู้คนในแถบนั้น มาตั้งแต่รุ่นยายเลยครับ และร่างทรงจะต้องเป็นผู้หญิงเท่านั้น
แล้วเหมือนพอครบกำหนดอายุ ไม่ก็ถึงจุดใดจุดนึงของเวลา ผู้ถูกเลือกในตระกูลก็จะมีอาการประหลาด เป็นสัญญาณบอกว่าคนนี้ถูกเลือกให้เป็นร่างทรงของย่าบาหยัน
แต่ก็มีการบิดพริ้วได้เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่นน้อยที่พยายามนำข้าวของตัวเองไปให้นิ่มใช้จนถ่ายโอนความเป็นผู้สืบทอดได้สำเร็จ ถามว่าน้อยรู้ได้ไงก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ผมคิดเองว่าถ้าสิ่งของ = สิ่งที่บ่งบอกได้ถึงตัวตน น้อยก็คงคิดแบบนั้นและถ่ายโอนตัวตนไปที่นิ่ม แล้วตัวเองก็ convert ไปนับถือคริสต์เพื่อให้พ้นๆจากวงโคจร
แต่ก็ยังปฏิเสธความจริงไม่ได้ครับว่าน้อย นิ่ม และตระกูลนี้ยังอยู่ในเซิร์ฟไทย โดยเฉพาะแถบอีสานที่พลังพวกนี้แรงกล้า พระเจ้าหรือพระเยซูเลยไม่อาจช่วยได้
ทีนี้อย่างที่เห็น ร่างทรงปัจจุบันคือป้านิ่ม ส่วนมิ้งคือผู้ถูกเลือก แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่าผู้ถูกเลือกนั้นจริงๆเราไม่อาจตอบได้ว่าถูกเลือกเป็นร่างทรงย่าบาหยัน 'โดยย่าบาหยัน'
เก็ทมั้ยครับที่ผมจะสื่อ? ผมกำลังบอกว่าเอาย่าบาหยันออกไปไว้ข้างๆก่อน ตามลำพังแล้วผู้หญิงตระกูลนี้ดูจะเป็น spirit sensitive ครับ (ประมาณ force sensitive ใน Star Wars) คือติดต่อสื่อสารและรับเอาวิญญาณเข้ามาในร่างได้
พอเป็นเช่นนั้น มิ้งในวัยกลัดมันที่กำลังพลังแกร่งกล้า ก็ดูจะสัมผัสได้กับวิญญาณจำนวนมาก สังเกตได้จาก
1. ฉากที่ถามตากล้องว่า "พี่ๆเห็นคนนั้นปะ" นั่นคือเธอไม่แน่ใจครับว่าที่เธอเห็นมันคนหรือผี เพราะเธอน่าจะเห็นผีเยอะช่วงนี้
2. ที่ลุกมากลางคืนแล้วมองยายตาบอด ผมเดาว่าน่าจะเพราะยายคนนี้ใกล้จะถึงฆาตแล้ว ทั้งสองเลยสื่อสารกันได้ ความใกล้ตาย = สภาวะเป็นตายเท่ากัน อาจจะกำลังคุยกันการโทรจิตอะไรแบบนี้ ย้ำนะครับว่าเดา
3. จะมีฉากที่มิ้งเมา แล้วพูดว่า "ห๊ะ?" เธอน่าจะกำลังสื่อสารกับวิญญาณอยู่เช่นกัน
4. ฝันเห็นคนถูกตัดคอซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เชื่อมโยงกับบรรพบุรุษฝั่งพ่อตระกูลยะสันเที๊ยะ ที่เคยเป็นเพชรฆาต อันนี้นับว่าพลังโหดกว่า Paul Atreides ในหนัง Dune: Part 1 อีกครับ
5. แล้วดูเหมือนจะหูแว่วตอนกินเหล้าด้วย (คนอีกวงไม่น่าใช่คนพูด)
พอมิ้ง sensitive ปั๊บ นั่นทำให้วิญญาณมาวนเวียนอยู่กับมิ้งเป็นพิเศษ (ตรงนี้อยากให้นึกถึงอิจิโกะใน Bleach เทพมรณะที่ฮอลโลว์จะมาวนเวียนเสมอ)
1
แล้วยิ่งน้อยพาไปรับขันธ์มั่วโดยพวกคนทำพิธีปลอมๆ เท่ากับว่า จริงๆพิธีนั้นไม่สำคัญอะไรเลย มันสำคัญที่ว่ามีวิญญาณอยู่กี่ตัว และมีอะไรที่รอเข้ามาสิงสู่ในช่องว่างในตัวของมิ้งมากกว่า จากตรงนั้นทำให้สถานการณ์แย่ไปกันใหญ่
แล้วอะไรสิงมิ้ง? มิ้งกลายเป็นอะไรไปแล้ว?
สิงสาราสัตว์อะไรไม่รู้เต็มไปหมด รวมถึงวิญญาณอาฆาตพยาบาท วิญญาณเร่ร่อนหลงทางที่ต้องการปลดปล่อยโทสะมาสู่โลกด้วยครับ พอเป็น soul ในรูปพลังงานแล้วไม่มีกายเนื้อ มิ้งเลยเป็นภาชนะที่ดี แล้วยิ่งเป็นคนที่ incest กับคนในครอบครัวด้วยแล้ว (แม็กซ์พี่ชายของเธอ) ยิ่งทำให้ดูเสื่อมและเหมาะกับการเป็นแหล่งบรรจุวิญญาณชั้นต่ำมากๆ
อย่างที่ในหนังบอกว่า "มิ้งเหมือนรถที่เสียบกุญแจค้างไว้ ใครจะขับไปไหนก็ได้"
มิ้งเลยสติผิดเพี้ยนและไม่เป็นตัวของตัวเองเนื่องจากถูกวิญญาณมาควบคุมตามใจชอบ ซึ่งต่อมามันก็ได้ develop ไปเป็นสิ่งที่น่ากลัวกว่า คือก้อนมวลของ 'ปีศาจ' ที่ต้องการทำสิ่งชั่วร้ายและปลดปล่อยสัญชาติญาณดิบในตัวมนุษย์ออกมาโดยไม่สนสิทธิ เสรีภาพ และความเป็นอารยะ
ฉากที่เล่าตรงนี้และเป็น transition ให้มิ้งเปลี่ยนไปสู่เวอร์ชั่นที่น่ากลัวกว่าเดิม นอกจากพฤติกรรมประหลาดต่างๆแล้ว คือฉากที่มิ้งมีอะไรกับผู้ชายมากหน้าหลายตาในที่ทำงานครับ คือมิ้งก็ไม่ได้เป็นคนเรียบร้อยอยู่แล้ว ยิ่งพอโดนสิง ก็เลยเป็นอย่างที่เห็น ตรงกันคอนเซ็ปต์ที่ว่า "สัตว์สมสู่ไม่เลือกหน้า"
พลังของปีศาจ
นี่เป็นอีกจุดที่ผมชอบ มันเป็น elements ที่มีความเมืองนอกหรือสากลสูงมากๆครับ จากที่ดูหนังผีต่างประเทศมา ส่วนใหญ่จะเป็นผี/ปีศาจประเภทสิงคน (อย่างเช่น Conjuring เป็นต้น) ไม่ได้ออกมาเป็นตัวแล้วมาจั๊มสแคร์คนดูเหมือนหนังผีไทยหลายเรื่องแบบนั้น
โดยปีศาจสิงคนจะมีอยู่ 3 process ด้วยกัน อาจจะจำได้ไม่เป๊ะแต่ประมาณนี้นะครับ คือ ทำให้หลอนและอ่อนแอ > สิงสู่ > กลืนกินเอาชีวิต และในกระบวนการไล่ปีศาจออก เราจะต้องถามชื่อมัน (เหมือนที่ป้านิ่มถามว่ามึงเป็นใคร) และมันจะมีพลังอำนาจในการ move ข้าวของ ทำให้เกิดภาพหลอนต่างๆนานา
ทั้งหมดก็เพื่อขัดขวางกระบวนการไล่ออก และในหนังก็ได้ผลครับ พอพิธีล้มเหลวเพราะแป้งหลอน ผลลัพธ์เลย reverse มาสู่ตัวละครร่างทรงผู้ชาย
มาสู่ประเด็นตอนจบนะครับ
หลังจากที่ เป็นแบบนั้น น้อยที่มาทำพิธีไล่ผีสไตล์ 'รถคันนี้สีแดง' ตื่นมาบอกว่า "ย่าบาหยันมาประทับร่างกูแล้ว ทำพิธีต่อ" ผมมองว่ามันเป็นแบบนี้ ย้ำนะครับว่ามองว่า เป็นความเข้าใจส่วนตัวจริงๆ และมันมีความเป็นไปได้สองอย่าง
1. ย่าบาหยันไม่ใช่ฝั่งดีครับ ตอนต้นบอกว่ามีฝ่ายดีกับฝ่ายร้าย ย่าบาหยันมีจริงแต่เป็นปีศาจที่เกิดมาจากการหลอมรวมความชั่ว และต้องการเห็นอะไรๆวินาศมากกว่า เลยปักธูปลงดินให้ reverse ผลลัพธ์บริเวณใกล้
2. ไม่ใช่ย่าบาหยันตัวจริงที่มาสิงน้อย แต่น้อยเป็น spirit sensitive เช่นเดียวกัน และเคยเป็นมาก่อน น้อยเองก็ไปเปิดรับพวกวิญญาณร้ายเข้ามา ถึงได้ปักธูปลงดิน เพื่อให้ผลลัพธ์ไม่ได้ reverse แค่ร่างทรงผู้ชาย แต่พวกลูกน้องชุดขาวก็ด้วย
คิดว่าอยู่ในไม่ข้อใดข้อนึง ก็ทั้งสองข้อครอสๆกันในบางวรรคเนี่ยแหละครับ
ต่อมาฉากจบที่ป้านิ่มมาพูดว่า "ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าย่าบาหยันมีจริงมั้ย ไม่รู้อะไรอีกแล้ว" แปลได้หลายความหมาย
มันจะมีอีพีนึงของซีรีส์ Supernatural ที่วิญญาณร้ายเกิดมาจากความเชื่อของคนท้องที่ มาจากเรื่องแต่งบนเน็ต ข่าวลือ และเชื่อๆกัน จึงฟอร์มเป็นพลังงานที่แข็งแกร่ง ทำให้คิดว่าบางทีตระกูลนี้อาจไม่ใช่แค่ spirit sensitive ก็ได้นะครับ
ป้านิ่มรักษาคน บางทีมันอาจสำเร็จเพราะป้านิ่มหรือคนตระกูลนี้เองที่ฟอร์มพลังงานดีๆ จากความต้องการช่วยเหลือคน
หรือไม่ก็อีกแบบไปเลย ย่าบาหยันฝ่ายดีไม่มีอยู่จริง กลายเป็นว่าการที่คนที่มาหาเชื่อว่าพวกเค้ามารักษากับร่างทรงย่าบาหยันแล้วจะหายครับ ตามทฤษฎี 'placebo' หรือการหลอก/ใช้ยาหลอก ที่ว่ากันว่า mind over body และความคิดกับจิตคนสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระดับโมเลกุลได้แม้กระทั่งหายจากโรคหรืออาการต่างๆได้เลย
แต่เป็นไปได้เช่นกันว่า 'ย่าบาหยันมีจริง' เพราะหลักฐานที่ซัพพอร์ตตรงนี้คือการที่น้อยสลับเสื้อผ้ากับนิ่ม โดยที่นิ่มไม่รู้มาก่อน แต่นิ่มก็ยังเป็นร่างทรงย่าบาหยัน
หรือถ้าจะมองว่า 'ไม่มีย่าบาหยัน ไม่มีพลังงานอะไรทั้งนั้น เป็นเรื่องของจิตใจ' ก็ได้อีกเช่นกันครับ
ถ้ามองแบบนี้เท่ากับว่าการสลับเสื้อผ้าตัดทิ้งไปเลย มันสำคัญที่นิ่มมารับตำแหน่ง ตัวนิ่มเลยไม่ได้มีอาการแปลกๆแล้วเพราะคิดว่ารับแล้วนะ ไม่มีอะไรแล้ว ส่วนน้อยเองพอเห็นนิ่มรับก็เลยอาการหายเช่นกัน ทั้งๆที่การเป็นเมนส์ติดกันมันอาจเกิดได้กับผู้หญิงบางคน เพียงแต่คนต่างจังหวัดที่อิงความเชื่อว่าวิทยาศาสตร์ก็จะมองว่าเพราะย่าบาหยันจะมาแน่ๆ
ยังไงก็ตาม ไม่ว่าย่าบาหยันหรือผู้พิทักษ์มีจริงหรือไม่ เรื่องนี้จะบอกว่าเราปีศาจและสิ่งชั่วร้ายมีจริงครับ บางทีที่ป้านิ่มพูดอาจเพราะไม่แน่ใจว่าที่ประทับร่างตัวเองเรื่อยมาเนี่ย ย่าบ่าหยันจริงรึเปล่า
แล้วที่เรียกกันว่าซอมบี้ = ไม่ใช่ซอมบี้ แต่เป็นมนุษย์ที่ถูกวิญญาณมากมายที่ผสมปนเปกันเข้าสิงจนเหมือนมิ้งในกล้องวงจรปิด ส่วนมิ้งที่เป็นเหมือนน่ากลัวที่สุดจนตัวอื่นๆกลัว ก็เพราะเป็น spirit sensitive นั่นเองครับ จะแกร่งกล้ากว่าร่างอื่นๆ
ส่วนฉากตุ๊กตาตอนท้ายก็ตามนั้นเลยครับ ตระกูลยะสันเที๊ยะของฝั่งพ่อมิ้งโดนสาปแช่งแต่แรกถึงได้วินาศสันตะโรอย่างที่เห็น และไหนจะมีตุ๊กตาสาปแช่งอีก
ตรงนี้ผมเดาว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับคนในโรงงานครับ ประมาณว่าลูกจ้างอาจตายเพราะการเผาโรงงานเอาประกันครั้งนั้น แล้วญาติใกล้ชิดแค้น ไม่ก็ลูกจ้างไม่ได้ค่าจ้างอะไรประมาณนั้นครับ เลยเคียดแค้นจนเล่นของใส่ ไม่ก็อีกทางคือลูกหลานตระกูลที่ถูกตัดหัวเนี่ยแหละที่ยังทำของสาปแช่งมาถึงทุกวันนี้
ซึ่งตามลำพังโดนเล่นของกับโดนแช่งก็ว่าแย่แล้ว นี่ยิ่งเป็นตระกูล sensitive กลายเป็นว่ามิ้งเป็นแหล่งรวมพลังงานความชั่วร้ายที่ทำลายครอบครัวตัวเองอีก ยิ่งหนัก
ส่วนป้านิ่มที่ไหลตาย เป็นไปได้ว่าเพราะเป็นญาติห่างๆของคนตระกูลยะสันเที๊ยะ ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้คือหมายคำว่าคำสาปแรงมาก ไม่ได้เล่นแค่ตระกูลสายตรงแต่เล่นไปยังคนเกี่ยวข้องทางสายเลือดด้วย
แล้วก็สุดท้ายเรื่องย่าบาหยันถูกตัดเศียร ความเป็นไปได้คือ 'เป็นความเย้ยหยัน' ไม่ก็ 'ตัดตัวช่วยตระกูลยะสันเที๊ยะ' โดยคนเดียวกับที่เล่นของนั่นแหละครับ เป็นไปได้ว่าการ 'ตัดคอ' นี้จะเชื่อมโยงไปยังการ 'ตัดคอคนอื่นโดยบรรพบุรุษยะสันเที๊ยะ' ซึ่งนั่นจะทำให้ที่เก็งไว้ว่า 'คนเล่นของคือลูกหลานของคนที่บรรพบุรุษเคยถูกตัดหัว' มีน้ำหนักที่สุด
ทั้งหมดก็ประมาณนี้ อ่านจบคิดเห็นยังไง มาคุยกันได้นะครับ อยากรู้ความเห็นลูกเพจเหมือนกันครับ
ญดากับการลดน้ำหนักเพื่อมาเล่นบทมิ้ง : www.facebook.com/wmwatchman/photos/a.389292827836453/4349324251833271
#Watchman #ร่างทรง
โฆษณา