3 พ.ย. 2021 เวลา 08:51 • หุ้น & เศรษฐกิจ
เกิดอะไรขึ้นกับหุ้น KEX หุ้นร่วง 54% ทั้งที่กำไรยังเติบโต
KEX ทำราคาสูงสุดในวันแรกที่เข้าเทรดที่ ระดับ 73 บาท จากนั้นราคาหุ้นปรับตัวลดลงต่อเนื่อง จนล่าสุดทำราคาต่ำสุดใหม่ ที่ระดับ 33.50 บาท เมื่อวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา จึงเกิดคำถามว่าระดับราคานี้จะน่าสนใจเข้าสะสมหรือไม่? หาคำตอบในบทความนี้เลย
KEX หรือ บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการจัดส่งพัสดุด่วนภาคเอกชนแบบครบวงจรและครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทุกประเภทในประเทศไทย โดยพัสดุประเภทหลักที่จัดส่งได้แก่ สินค้าที่สั่งซื้อผ่านช่องทาง E-Commerce และผู้ค้าปลีกออนไลน์ พัสดุที่ส่งระหว่างบุคคล และพัสดุและเอกสารของบริษัทต่างๆ รวมถึงให้บริการเก็บเงินค่าพัสดุปลายทาง
2
โดย KEX เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.2563 ซึ่งมีที่ปรึกษาทางการเงิน IPO จำนวน 2 แห่ง ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
2
ทั้งนี้ KEX ทำราคาเปิดการซื้อขายในวันแรกที่เข้าเทรดที่ระดับ 65 บาท เพิ่มขึ้น 37 บาท หรือ 132.14 % จากราคา IPO ที่ 28 บาท ก่อนจะทำราคาปิดเทรดวันแรก 51.25 บาท เพิ่มขึ้น 23.15 บาท หรือเหนือจอง 83.04% โดยระหว่างวันทำราคาปรับขึ้นไปจุดสูงสุดที่ระดับ 73 บาท
1
จากราคาหุ้นที่ 73 บาท ดังกล่าว ถือเป็นราคาสูงสุดตั้งแต่เข้าตลาดหุ้น และเป็นราคาสูงสุดที่ทำในวันแรกของการเข้าเทรด โดยหลังจากนั้นราคาหุ้นก็ได้ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับราคาสูงสุด จนล่าสุดสร้างเสียงฮือฮาให้กับวงการตลาดทุน ด้วยการทำราคาต่ำสุดใหม่ ที่ระดับ 33.50 บาท เมื่อวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา เท่ากับว่าลดลงสูงถึง 54% จากราคาสูงสุดดังกล่าว จึงเกิดคำถามว่าระดับราคานี้จะน่าสนใจเข้าสะสมหรือไม่?
1
หากเข้าไปสำรวจมูลค่าที่เหมาะสมของ KEX โดย IAA Consensus ประเมินไว้ที่ระดับ 40.00-51.00 บาท แต่อย่างไรก็ตามหากเทียบกับราคาปิดวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมาที่ราคาต่ำสุดใหม่ระดับ 33.50 บาท เท่ากับว่า ราคาหุ้น KEX ยังมีอัพไซด์อยู่ในช่วงระดับสูงถึง 19-52%
1
“กรุงศรี” จ่อทบทวนคาดการณ์กำไรหลัง Q3/64
การประเมินพื้นฐานของนักวิเคราะห์พบว่า บริษัท หลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ได้แนะนำ ถือ ราคาเป้าหมาย DCF ที่ 45 บาท โดยบอกว่า แม้จะปรับคาดการณ์กำไรลง และแนวโน้มกำไรและระดับ PE ปัจจุบันดูไม่สอดคล้องกัน แต่ปริมาณเงินสดในบริษัทและอัพไซด์จากการเช่าทรัพย์สินเป็นการถือครองทรัพย์สินจะเป็นอัพไซด์จากประมาณการของเรา
ทั้งนี้คาดไตรมาส 3/64 กำไรจะลดลงจากไตรมาส 2/64 เพราะต้นทุนที่เพิ่มขึ้น โดยคาด KEX จะมีกำไร เป็น 302 ล้านบาท เติบโต 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 10% จากไตรมาส 2/64 เนื่องจากการใช้กลยุทธ์ราคาอย่างดุดันเพื่อดึงส่วนแบ่งตลาดกลับมาจากคู่แข่ง และจากกลยุทธ์ราคาทำให้บริษัทต้องรับมือการจัดส่งที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในไตรมาส 3/64 และทำให้บริษัทตัดสินใจขยายกำลังการจัดส่งเป็น 3 ล้านพัสดุต่อวันภายในสิ้นปีนี้ ต้นทุนการขยายกำลังการจัดส่งรวมถึง พนักงานและค่าเช่าที่จะเพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้และไตรมาสหน้า
สมมติฐานหลักในไตรมาส 3/64 มีดังนี้รายได้จะเพิ่มขึ้น 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ10%จากไตรมาส 2/64 หนุนจากจำนวนพัสดุจัดส่งที่เพิ่มขึ้น แต่ราคาต่อพัสดุลดลง 26% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 10% จากไตรมาส 2/64 จากกลยุทธ์ด้านราคาเพื่อดึงส่วนแบ่งตลาดกลับมาจากคู่แข่ง รวมทั้ง ต้นทุนการให้บริการเติบโต 16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 13% จากไตรมาส 2/64 จากต้นทุนการขยายกำลังการจัดส่ง
ดังนั้นหากกำไรไตรมาส 3/64 ออกมาใกล้คาด กำไร 9 เดือนปีนี้จะคิดเป็น 67% ของคาดการณ์ทั้งปี 64 ที่คาดจะมีกำไร 1,408 ล้านบาท เติบโตเล็กน้อยจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,405 ล้านบาท โดยคาดว่าต้นทุนจะเร่งตัวขึ้นต่อเนื่องในไตรมาส 4/64 เนื่องจากเป้าการขยายกำลังการจัดส่งแตะระดับ 3 ล้านชิ้นต่อวันภายในสิ้นปี จึงทำให้ดีดาวน์ไซด์ต่อคาดการณ์กำไรของเราในปี 64 และ 65 ผลจากต้นทุน จึงจะทบทวนคาดการณ์กำไรลองเราหลังผลประกอบการไตรมาส 3/64
1
“คันทรี่ กรุ๊ป” คาดผลงาน Q4/64 ทำนิวไฮ
ขณะที่นักวิเคราห์บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คาดบริษัทจะรายงานกำไรสุทธิในไตรมาส 3/64 ที่ 337 ล้านบาท เติบโต 16%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโตราว 1%จากไตรมาส 2/64 หนุนจากรายได้ที่ทำจุดสูงสุดในรอบ 5 ไตรมาสมาอยู่ที่ 5.2 พันล้านบาท เติบโต 15%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 12%จากไตรมาส 2/64 ตามปริมาณการขนส่งสินค้าที่เพิ่มขึ้นจากอุปสงค์ในช่วงล็อคดาวน์ที่ยังสูง
2
โดยคาดผลประกอบการจะทำจุดสูงสุดของปีในไตรมาส 4/64 หนุนโดยกำลังซื้อที่ฟื้นตัวหลังการเปิดเมือง ฤดูกาลการจัดกิจกรรมทางการตลาดของบริษัท E commerce ต่างๆ และกลยุทธิ์ในการลดราคาค่าบริการที่ยังใช้ต่อเนื่องเพื่อเพิ่มจำนวนการขนส่ง จึงคงคําแนะนํา “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 51 บาท และยังคงมุมมองเชิงบวกต่อกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของบริษัท ที่ทำได้ดีในการรักษาส่วนแบ่งการตลาดผ่านการลดราคาค่าบริการต่อหน่วยเพื่อเพิ่มปริมาณการขนส่ง
1
“ทิสโก้” ชี้มาร์จิ้นลดลง แต่จะดีขึ้นในระยะยาว
1
ส่วนนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด แนะนำ “ซื้อ” มูลค่าเหมาะสมที่ 45.00 บาท โดยคาดกำไรสุทธิ ในไตรมาส 3/64 ที่ 290 ล้านบาท ทรงตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 14%จากไตรมาสก่อน โดยคาดว่าปริมาณพัสดุจะผลักดันการเติบโตของรายได้สองหลักสำหรับทั้งทรงตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อน แต่คาดค่าใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากการขยายกำลังการดำเนินงาน (จากบริการจัดส่งระยะใกล้-ไกล) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดส่งในช่วงเวลาพีค มาร์จิ้นคาดลดลง แต่จะดีขึ้นในระยะยาว
KEX สามารถจัดส่งได้ 3 ล้านชิ้นต่อวัน เทียบกับ 2.2 ล้านชิ้นในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งเพียงพอต่อการสนับสนุนโมเมนตัมของปริมาณพัสดุในช่วงปลายปี คงการประเมินและแนะนำ “ซื้อ” ประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 45.00 บาท ในฐานะผู้นำตลาด มาร์จิ้นที่จัดการได้และการเพิ่มธุรกิจใหม่เพื่อปรับปรุงอัตรากำไรอย่างต่อเนื่อง
โดยคาดรายได้และกำไรในปี 64-65 ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งคาดปี 64 มีกำไร 1,320 ล้านบาท และปี 65 คาดมีกำไร 1,391 ล้านบาท โดยคาดรายได้ต่อพัสดุคาดว่าจะลดลง 18% ในปี 64 และ ลดลง 3% ในปี 65 ขณะที่ cost per parcel คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 26% ในปี 64 และ 8% ในปี 65 สมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นและ SG&A to sales ยังคงเดิม
1
จากมุมมองของนักวิเคราะห์ดังกล่าว เมื่อสรุปออกมาประเมินกำไรไตรมาส 3/64 จะอยู่ในช่วง 290-337 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/64 มีกำไร 335.63 ล้านบาท และไตรมาส 3/63 มีกำไร 292 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่มองว่าได้รับแรงกดดันจากต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น แต่เชื่อไตรมาส 4 จะเห็นการเติบโตได้
ติดตามอัพเดตความรู้ทางการเงิน-การลงทุนได้ที่
.
Facebook : Wealthy Thai
โฆษณา