3 พ.ย. 2021 เวลา 09:10 • ไลฟ์สไตล์
มาออมเงินกันดีกว่า
วิธีเก็บเงินไม่ได้ยุ่งยากและน่าเบื่ออย่างที่คิด เพียงแค่เลือกวิธีเก็บเงินให้เหมาะกับตัวเอง ลองเปิดใจดูวิธีเก็บเงิน 7 วิธีที่เรานำมาเสนอ ซึ่งถ้าหากคุณนำวิธีการต่าง ๆ เหล่านี้มารวมกันให้เหมาะสม คุณก็อาจกลายเป็นเศรษฐีเงินเก็บ 7 หลักได้ภายใน 10 ปี จะมีวิธีไหนบ้างนั้น ลองมาดูกัน
1. วิธีเก็บเงินด้วยการเก็บแบงก์ 50
เก็บเงินด้วยแบงก์ 50 ถือเป็นวิธีการเก็บเงินที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย วิธีการก็คือ ทุกครั้งที่ใช้จ่ายในการซื้อของหรือบริการต่าง ๆ หากได้ทอนเป็นแบงก์ 50 ก็จะต้องเก็บและห้ามยุ่งกับแบงค์ดังกล่าวเด็ดขาด ซึ่งวิธีเก็บเงินแบบนี้มีข้อดีคือ เป็นวิธีออมเงินที่ง่าย สามารถทำได้ทันทีเมื่อได้เงินทอน อีกทั้งการเก็บเงินด้วยแบงก์ 50 ก็ถือว่าไม่มากและไม่น้อยเกินไป แล้วยังทำให้รู้สึกสนุกกับการลุ้นว่าจะได้หรือไม่
จากการคาดคะเนแล้วเราคิดว่าสัปดาห์หนึ่งน่าจะเจอแบงก์ 50 อย่างน้อย 3-5 ใบ เมื่อลองมาคำนวณดูเป็นระยะเวลา 10 ปี จะพบว่า
สมมุติว่า 1 สัปดาห์ เก็บได้ 5 ใบ ใน 1 ปี มี 52 สัปดาห์ ดังนั้นจะเก็บแบงก์ 50 จะได้
52 x 5 = 260 ใบ
ภายในหนึ่งปีจะสามารถเก็บเงินได้
260 X 50 = 13,000 บาท
เพราะฉะนั้น 10 ปี จะสามารถเก็บเงินได้ 13,000 X 10 = 130,000 บาท
2. วิธีเก็บเงินด้วยการเก็บเหรียญ
อีกหนึ่งวิธีเก็บเงินง่าย ๆ คือ การเก็บเหรียญ
ตั้งปณิธานไว้เลยว่าระหว่างวันไม่ว่าหลังจากที่ซื้อของหรือใช้บริการต่าง ๆ แล้วได้เงินทอนเป็นเศษเหรียญ จะไม่แตะต้องเหรียญเหล่านั้นเด็ดขาด เพราะจะต้องนำเหรียญทั้งหมดที่ได้มาแต่ละวันไปหยอดกระปุกที่บ้านก่อนเข้านอน
วิธีออมเงินด้วยการเก็บเหรียญนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกและน่าจะคุ้นเคยกันมาแต่เด็ก เก็บสะสมทีละเล็กละน้อยไม่ต้องคิดมากรับรองว่าเมื่อครบ 10 ปี ลองมานับกระปุกดูน่าจะมีเงินออมเพิ่มจำนวนไม่น้อย หรือทยอยทุบกระปุกไปฝากบัญชีออมทรัพย์ทุกเดือนก็ได้ จะได้ไม่กินเนื้อที่ในห้องนอนมากนัก
วิธีเก็บเงินนี้นอกจากจะทำให้มีเงินเพิ่มพูนโดยไม่รู้ตัวแล้วยังช่วยทำให้คุณไม่ต้องแบกกระเป๋าที่เต็มไปด้วยเหรียญหนัก ๆ ตลอดเวลา อีกทั้งสำหรับคนที่ไม่รู้จะนำเหรียญสตางค์ เช่น 50 สตางค์ 25 สตางค์ ไปทำอะไร เก็บเงินวิธีนี้ก็ช่วยได้
3. วิธีออมเงินด้วยการเก็บเงินตามปฎิทิน 1-365
หนักพอสมควรสำหรับวิธีออมเงินด้วยวิธีเก็บเงินตามปฏิทินหรือ 365 days saving money challenge ที่อันที่จริงแล้วก็คือ การเก็บเงินทบไปเรื่อย ๆ จากของเดิมวันละ 1 บาท จนครบ 365 วันนั่นเอง โดยเริ่มแรกก็สร้างตารางดังตัวอย่างด้านล่างนี้ก่อน
วิธีเก็บเงินด้วยการเก็บเงินตามปฎิทิน 1-365
จากนั้นเก็บเงินตามตัวเลขในปฏิทินที่คุณสร้างได้เลย แม้ว่าวันหลังจะต้องออมเยอะมากจนแทบเป็นลม แต่เมื่อนับดูดี ๆ 1 ปี จะได้ถึง 66,795 บาท ถ้า 10 ปีก็จะเท่ากับว่าสามารถเก็บเงินได้ถึง 667,950 บาท
ในอีกด้านหนึ่งคนที่ไม่สามารถเก็บเงินตามตารางปฏิทินได้เป๊ะ ๆ โดยเฉพาะช่วงเดือนท้าย ๆ ที่จำนวนที่ต้องเก็บเงินสูงถึงวันละ 300 กว่าบาท แนะนำให้ลองประยุกต์โดยการนำจำนวนวันที่ต้องเก็บมาหารให้กลายเป็นหลายวัน ไม่ต้องทบ เช่น
(365 + 1) ÷ 2 = 183
หมายความว่า เก็บเงินวันละ 183 บาทจนถึงสิ้นปี ก็จะได้เงินเท่ากับวิธีการทบ
หรืออีกวิธีหนึ่งที่ดูสนุกขึ้นมาหน่อย ก็คือ เก็บสลับหัวปีท้ายปี ไปเรื่อย ๆ เช่น
- วันที่ 1 เก็บเงิน 1 บาท
- วันที่ 2 เก็บเงิน 365 บาท
- วันที่ 3 เก็บเงิน 2 บาท
- วันที่ 4 เก็บเงิน 364 บาท
4. วิธีเก็บเงินด้วยการฝากประจำ
วิธีเก็บเงินด้วยการฝากประจำเป็นอีกทางเลือกของคนที่ยังไม่พร้อมลงทุนหุ้น กองทุน ที่มีความเสี่ยงปานกลาง-สูง ต้องการที่เก็บเงินที่ปลอดภัยและได้ดอกเบี้ยสูงกว่าการฝากออมทรัพย์
โดยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ได้แก่
ระยะเวลาฝากประจำ อัตราดอกเบี้ยต่อปี
3 เดือน 0.3000-1.0000%
6 เดือน 0.4000-1.1000%
12 เดือน 0.4000-1.5000%
24 เดือน 0.4500-1.3000%
(ตัวอย่างดอกเบี้ยเท่านั้น)
5. วิธีเก็บเงินด้วยการเก็บแบบมีเงื่อนไข ถ้า...ต้องเก็บเงินไว้...บาท
ถ้านับจากวิธีเก็บเงินทั้งหมดในที่นี้ การเก็บเงินโดยสร้างเงื่อนไขให้ตัวเองน่าจะเป็นวิธีที่สนุกและอาจจะทำให้เก็บเงินได้มากที่สุดก็ว่าได้ โดยจะขอยกตัวอย่างเงื่อนไขง่าย ๆ ที่น่านำไปใช้
- ถ้าพูดคำหยาบ 1 คำ ต้องเก็บเงิน คำละ 10 บาท
เงิน 10 บาทดูเหมือนจะไม่มากแต่ถ้าวันหนึ่งเราเผลอพูดคำหยาบอย่างน้อย 10 คำต่อวัน 1 เดือนก็จะเก็บเงินได้ถึง 300 บาท เมื่อครบปี ได้ 3,600 บาท และเมื่อครบ 10 ปี จะได้ประมาณ 36,000 บาท
เงื่อนไขการเก็บเงินแบบนี้นอกจากจะช่วยให้เรามีเงินเก็บแล้วยังช่วยในการพัฒนาคำพูด โดยอาจลองปรับจากคำหยาบเป็นพูดจาอย่างอื่นที่ไม่ทำร้ายจิตใจก็ได้
- ถ้าน้ำหนักขึ้น 1 ขีด ต้องเก็บเงิน ขีดละ 20 บาท
น้ำหนักก็ต้องมีขึ้นมีลง รับประกันว่าคุณจะได้เก็บเงินจากเงื่อนไขนี้แน่ ๆ วิธีเก็บเงินนี้เหมาะมากสำหรับหนุ่มสาวที่กำลังควบคุมน้ำหนัก นอกจากจะได้เก็บเงินแล้วยังได้ท้าทายตัวเอง
- ทุกครั้งที่ทำงานพลาด จ่ายค่าปรับ 100 บาท
เก็บเงินด้วยเงื่อนไขนี้นอกจากจะช่วยให้มีเงินเก็บแล้วยังช่วยให้รอบคอบมากขึ้น
- เก็บเงิน 500 บาททุกวันพระ
1 เดือนจะต้องมีวันพระอย่างน้อยสัก 4 วัน หากเก็บวันละ 500 บาท เท่ากับ 1 เดือนได้ 2,000 บาท ถ้า 1 ปี 24,000 บาท เมื่อครบ 10 ปีจะเก็บเงินได้ถึง 240,000 บาท
6. วิธีเก็บเงินด้วยการตั้งงบใช้ต่อวันแบบแน่นอน
หลังจากหักค่าใช้จ่ายหลัก ๆ ที่จำเป็น เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเดินทาง ลองกำหนดงบให้ตัวเองดูว่าใน 1 วัน จำเป็นต้องใช้เงินเท่าไหร่แล้วใช้ตามงบต่อวันนั้น ๆ ส่วนเงินที่เหลือจากการหารวันก็นำหยอดกระปุกหรือใช้ฉุกเฉิน
ตัวอย่าง เงินเดือน 20,000 บาท หักค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต้องจ่ายทุกเดือน 7,000 บาท เหลือเงินที่ใช้ได้ 13,000 บาท
ลองคำนวณดูแล้วพบว่าใช้วันละ 300 บาทก็เพียงพอ = 1 เดือนใช้ 9,000 บาท
สรุป เงินเหลือเก็บ 13,000 - 9,000 = 4,000 บาทต่อเดือน
7. วิธีเก็บเงินด้วยการนำเงินโบนัสมาทำประกันแบบสะสมทรัพย์ ซื้อสลากออมสิน ซื้อกองทุนเพื่อการเกษียณ
สำหรับพนักงานบริษัทบางรายที่ได้โบนัส การนำเงินโบนัสที่ได้ไปเก็บไว้ในประกันแบบสะสมทรัพย์ สลากออมสิน กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ก็ถือเป็นวิธีเก็บเงินอย่างหนึ่ง ซึ่งแต่ละประเภทมีรายละเอียดต่างกันดังนี้
- ประกันแบบสะสมทรัพย์
เป็นประกันชีวิตที่เราน่าจะคุ้นเคยมากที่สุด เน้นเรื่องได้เงินคืนเมื่อครบกำหนดระยะเวลามากกว่าเน้นคุ้มครอง (ผลพลอยได้) ซึ่งกำหนดระยะเวลาที่ได้รับเงินคืนมีตั้งแต่ 10-25 ปี และนำไปลดหย่อนภาษีได้
- สลากออมสิน
สลากออมสิน รูปแบบหนึ่งของวิธีออมเงิน โดยเราจะได้รับดอกเบี้ยตามอัตราที่กำหนด พร้อมมีสิทธิ์ลุ้นรางวัลทุกเดือน เมื่อครบกำหนดก็ได้เงินต้นคืนพร้อมดอกเบี้ย ทั้งนี้ สลากออมสินนั้นมีหลายรูปแบบ แต่ที่นิยมมากก็คือ สลากออมสินพิเศษอายุ 3 ปี
- กองทุนเพื่อการเกษียณ
กองทุนที่สามารถเก็บออมไว้ใช้ในยามเกษียณ รวมทั้งยังสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ด้วย
แม้ว่าวิธีเก็บเงินบางข้อในที่นี้อาจไม่ได้พาคุณไปแตะหลักล้าน แต่อย่างที่บอกว่าถ้าหากนำมาใช้ออมเงินควบคู่กันตั้งแต่ 2 วิธีขึ้นไปก็จะสามารถช่วยให้ให้คุณมีเงินเก็บหลักล้านได้อย่างที่ต้องการ เช่น เก็บเงินด้วยแบงก์ 50 พร้อมกับเก็บเงินด้วยการฝากประจำ ฯลฯ ซึ่งจะทำให้เราสามารถได้เงินก้อนมาฝากประจำและได้ดอกเบี้ยเพิ่มจากเงินเก็บของเราเอง
นอกจากนี้ก่อนที่คิดจะเก็บเงิน แนะนำว่าให้ลองตั้งเป้าหมายก่อนเป็นอันดับแรก เช่น ต้องการเก็บเงินเพื่อซื้อบ้าน ซื้อคอนโด เก็บเงินเพื่อท่องเที่ยว เก็บเงินเพื่อซื้อของชิ้นใหญ่ เก็บเงินเพื่อปลดหนี้ ฯลฯ การออมเงินแบบมีเป้าหมายนั้นจะช่วยให้คุณกระตือรือร้น และมองเห็นภาพตัวเองในอนาคตได้ง่ายขึ้น
โฆษณา