4 พ.ย. 2021 เวลา 01:00 • ไลฟ์สไตล์
ใครหลายคนอาจใช้เวลาระหว่างวันในการทำสไลด์นานหลายชั่วโมง เพื่อจะพรีเซนต์เพียงแค่ไม่กี่นาที แต่ เจฟฟ์ เบโซส ไม่คิดอย่างนั้น เขาเห็นว่ามันไม่ใช่เครื่องมือที่ดีอีกต่อไป
.
ในชีวิตการเรียนหรือการทำงาน เราทุกคนต่างคุ้นเคยกับโปรแกรมที่มีชื่อว่า ‘PowerPoint’ กันเป็นอย่างดี เมื่อถึงเวลาที่ต้องพรีเซนต์โปรเจกต์มหาลัยหรือนำเสนอแผนงานกับบริษัท เราก็มักจะเปิดโปรแกรมตัวนี้ขึ้นมาเสมอ เรียกได้ว่าเป็นเครื่องมือสำหรับการสร้างสไลด์ที่แทบจะมีอยู่ในคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องทุกบริษัทเลยทีเดียว
.
1
ทว่า เจฟฟ์ เบโซส อดีตซีอีโอของบริษัทอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Amazon กลับไม่นิยมใช้เครื่องมือเดิมๆ แบบนั้น เพราะอะไรกันล่ะ? แล้วองค์กรของเขาใช้วิธีอะไรแทน PowerPoint กันนะ? วันนี้เราจะพาไปหาคำตอบกัน
.
1
ในปี 2018 เจฟฟ์ เบโซส ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Amazon ในขณะนั้น ยังคงกล่าวย้ำเตือนในจดหมายประจำปีถึงเหล่าผู้บริหารเช่นเดิมว่าบริษัทของเขาจะไม่มีการใช้ PowerPoint ในการประชุมผู้บริหารเป็นอันขาด เพราะสิ่งที่เขาจะให้บุคคลในบริษัทใช้แทนต่อจากนี้นั้นมีประโยชน์สำหรับการใช้ข้อมูลเชิงลึกเป็นอย่างมากและมันเหมาะกับผู้ประกอบการและผู้นำทุกคน
.
1
เจฟฟ์ระบุในจดหมายของเขาว่า “โครงสร้างการนำเสนอแบบเล่าเรื่อง” นั้นคือสิ่งที่มีประสิทธิภาพกว่า Powerpoint เขาให้ทุกคนในที่ประชุมควรนั่งเงียบๆ ทำความเข้าใจกับวาระการประชุมด้วยการอ่านบันทึกราวๆ 6 หน้าที่ใช้โครงสร้างการนำเสนอแบบเล่าเรื่องในเวลาครึ่งชั่วโมง หลังจากอ่านกันเสร็จ ก็ค่อยมาถกประเด็นกัน
.
ด้วยวัฒนธรรมองค์กรแบบนี้ ทำให้ผู้บริหารหน้าใหม่ทั้งหลายของ Amazon มักจะพบกับ Culture Shock ตลอดในการประชุมครั้งแรก อย่างไรก็ตาม ความคิดของเจฟฟ์ก็ถือว่ามีเหตุผล เพราะ
.
1.สมองของเราถูกกำหนดมาให้เล่าเรื่องโดยธรรมชาติ ไม่ใช่พูดตามสไลด์
.
ผลงานของนักประสาทวิทยาที่มีชื่อเสียงยืนยันว่าสมองมนุษย์ถูกสร้างมาเพื่อการเล่าเรื่อง เราขับเคลื่อนโลกของเราด้วยการพูดคุยกันผ่านการเล่าเรื่อง และผู้ฟังจะสามารถจดจำข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดหากนำเสนอข้อมูลโดยการเล่าเรื่อง
.
2
2. การเล่าเรื่องโน้มน้าวคนได้ดี
.
นักประสาทวิทยายืนยันว่าอารมณ์คือสิ่งที่กระตุ้นสมองได้ดีที่สุด พูดง่ายๆ คือหากเราอยากจะเผยแพร่ความคิดของเราให้กับผู้อื่น การเล่าเรื่องคือเครื่องมือที่ดีที่สุดที่จะส่งผ่านความคิดนั้นไปให้ผู้อื่นได้
.
2
เจฟฟ์กล่าวว่าเขาเป็นคนที่ชอบเรื่องเล่าในโลกทำธุรกิจมาก นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงชอบอ่านอีเมลจากลูกค้าและส่งต่อไปให้ผู้บริหารคนอื่นๆ เป็นประจำ เขายังให้เหตุผลอีกว่าเรื่องราวจากลูกค้านั้นอินไซต์มากกว่าข้อมูลดิบเสียอีก
.
3
จริงอยู่ที่ Amazon มีตัวชี้วัดความสำเร็จมากมาย แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ตัวชี้วัดเหล่านั้นกับเรื่องราวจากลูกค้าไม่ตรงกัน เรื่องราวจากลูกค้าจะเป็นสิ่งที่ยืนยันข้อมูลที่ถูกต้องเสมอ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงต้องตรวจสอบข้อมูลด้วยสัญชาติญาณและบริบทอยู่ตลอด
.
3. Bullet Point เป็นเครื่องมือการแชร์ไอเดียที่ไร้ประสิทธิภาพ
.
หัวข้อต่างๆ ในสไลด์ไม่ได้ทำให้สมองเราจุดประกายขึ้นมาได้เท่ากับการเล่าเรื่อง สมองของเราไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเก็บข้อมูลย่อยต่างๆ ในสไลด์ และเราจะจำสิ่งต่างๆ ได้ดีเมื่อเราเห็นภาพของสิ่งต่างๆ มากกว่าการอ่านข้อความบนสไลด์ ฉะนั้น หากเราเลือกที่จะใช้สไลด์ เราก็ควรใส่รูปภาพให้มากกว่าตัวหนังสือ
.
.
2
เจฟฟ์บอกว่าเขาสามารถใช้เวลาทั้งวันเพื่อพูดถึงการเล่าเรื่องให้ฟังได้ เพราะประโยชน์ของมันมีมากมายเหลือเกิน พวกเราเองก็ควรหันมาลองใช้เทคนิคการให้ข้อมูลโดยการเล่าเรื่องกันดูเพื่อทำให้ผู้ฟังเข้าใจสิ่งที่เราพูดอย่างง่ายดายและได้รับแรงบันดาลใจจากความคิดของเรา
.
1
#careerfact #cariber
………………
Career Fact เพราะทุกอาชีพ... มีเรื่องราว
ติดตาม Career Fact ทุกช่องทางได้ที่ https://linktr.ee/careerfact
.
เรียนรู้จากคนที่ประสบความสำเร็จในแต่ละแวดวงได้ที่ https://www.cariber.co/
แพลตฟอร์มการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงความรู้และประสบการณ์จากผู้นำองค์กรและผู้เชี่ยวชาญในทุกแวดวง ไร้ข้อจำกัดด้านสถานที่และเวลา
.
อ้างอิง
1
โฆษณา