3 พ.ย. 2021 เวลา 16:50 • ศิลปะ & ออกแบบ
“Double Statue of Mephistopheles & Margaretta”หรือ ที่รู้จักกันในนาม “รูปปั้นคู่ จอมมาร กับ สาวน้อย (เมฟิสโตเฟเลส และมาร์กาเร็ตตา)”
ประติมากรรมชิ้นนี้ จัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ Salar Jung ในเมืองไฮเดอราบัดประเทศอินเดีย เป็นผลงานที่มีความความซับซ้อนในการออกแบบ อันท้าทายการ รับรู้ของ ผู้ชม
ไม่เพียง แต่เป็นงานศิลปะที่ได้รับความสนใจ ถ่ายภาพมากที่สุด ของพิพิธภัณท์ ในปัจจุบัน แต่ยัง ถูกเผยแพร่บนโซเชียลมีเดียจาก ผู้คนนับล้านทั่วโลก อีกด้วย
ประติมากรรมไม้นี้ถูกแกะสลักจากต้นมะเดื่อ(ไซคามอร์)ท่อนเดียว โดยศิลปินชาวฝรั่งเศสที่ไม่ทราบชื่อ ในศตวรรษที่ 19ซึ่งชี้ให้เห็นว่า หลังจากปี 1870 ประติมากร ยุคนีโอคลาสสิก ในฝรั่งเศส เริ่มมีความสนใจการแกะสลัก ในงานของ เยอรมันและ และประเทศอื่นๆด้วย
วันที่:18/01/1899
ตําแหน่ง: ฝรั่งเศส
ขนาดทางกายภาพ: ไม้, ความสูง 177.2 ซม
ลักษณะ สองตน สองหน้า นั้นเป็นสองบุคลิก ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เมื่อถูกมองจากอีกฝั่งหนึ่ง เพื่อให้ทั้งสองฝั่ง ถูกมองเห็นได้พร้อมๆกัน ประติมากรรม จึงถูกจัดวาง นําเสนอ ที่ ด้านหน้า ของกระจกบานใหญ่ เมื่อหันหน้าเข้าหากระจก ผู้ชมจะสามารถเห็นได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ของรูปลอย ผ่านเงาสะท้อนในกระจก พร้อมๆกัน
5
ประติมากรรมขนาดเท่าคนจริงนี้แสดงให้เห็น จอมมาร “เมฟิสโตเฟเลส”( Mephistopheles) ผู้เย่อหยิ่งจองหอง ยืนหันหลังให้กับ “มาร์กาเร็ตตา” (Margaretta) หญิงสาว ผู้เยาว์วัย และ อ่อนโยน จอมมาร ยืนอกเชิด สวมเสื้อคลุมมีฮู้ด รองเท้าบูทหุ้มส้น และมีใบหน้ายาว พร้อมแสยะยิ้ม เยาะเย้ย อย่างชั่วร้าย (เตือนให้นึกถึงโวลเดอมอร์ต)
อีกด้านหนึ่ง คือ หญิงสาว มาร์กาเร็ตต้า ด้วยมือข้างหนึ่งถือหนังสือสวดมนต์ หัวเอียงเล็กน้อย หน้าก้มลง แสดงออกแบบอายๆ ด้วยอาการ "หลงทางในความรัก"
มันเป็นความคลุมเครือของประติมากรรมที่ดึงดูดความสนใจของทุกคนมากที่สุด
นี่คือ สองตัวละครจากบทกวีที่น่าเศร้า "Faust" ของ เกอเธ่
และ วลีที่ว่า 'ขายวิญญาณของคุณให้ปีศาจ' ก็มีต้นกําเนิดมาจากผลงานชิ้นเอกนี้ นี่เอง
11
เรื่องราวเบื้องหลังประติมากรรม:
เป็นเรื่องเกี่ยวกับชะตากรรมของบัณฑิตผู้ใฝ่รู้นามว่า "เฟาสท์" (Faust หมายถึง มีความสุข, โชคดี) ผู้ซึ่งมีความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะ ค้นพบ ความสุข และความหมาย แก่นแท้ของชีวิต
เมฟิสโทฟิลีส (Mephistopheles) คือปีศาจผู้สงสัยในอำนาจของพระเจ้า และเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนจะมีชีวิตที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ หากไม่หลงเชื่อในภาพลวงตาแห่งสวรรค์ ที่พระเจ้าเสกสรรค์ปั้นแต่งขึ้น
จอมมาร ลงมายังโลกในรูปลักษณ์ ของนักวิชาการ ที่ต้องการเดินทางเป็นเพื่อนกับ Faust และด้วยการโต้เถียงที่ชาญฉลาดหลักแหลมนั่นเอง เป็นการกระตุ้นความสนใจของเขาใน การค้นหา ความสุขของชีวิต ยิ่งขึ้น
Mephistopheles ได้เผยตัวตน และเสนอว่าจะรับใช้เขาทุกอย่างตราบเท่าที่เขามีชีวิตอยู่บนโลกนี้ แลกกับการเอาวิญญาณของเฟาสท์ (ไปเป็นผู้รับใช้ในนรก) หลังจากที่เขาได้บรรลุถึงจุดสูงสุดของความสุขแห่งความทะเยอทะยาน เรียบร้อยแล้ว
ด้วยความต้องการจะสนองตัณหาของตนเอง เฟาสท์จึงยอมขายวิญญาณให้แก่ เมฟิสโทฟิลีส โดยการเซ็นสัญญาด้วยหยดเลือดของตัวเอง เพื่อแลกกับความเป็นหนุ่ม (อายุ30) อีกครั้ง ก่อนจะออกเดินทางไปท่องโลก เพื่อหาความหมายของชีวิต พร้อม กับเมฟิสโตเฟลส์
ต่อมา เฟาสท์ (Faust) ได้พบรักกับ “มาร์กาเร็ตเต้” (Margarita Gracken) หญิงสาวสาวบริสุทธิ์วัย 15 ความรักทำให้พวกเขามีความสุข แต่มันกลายเป็นสาเหตุของความโชคร้าย หญิงสาวที่น่าสงสารต้องกลายเป็นอาชญากร !!
ด้วยอำนาจมลทินปีศาจจากจอมมาร เพื่อช่วยให้ เฟาสท์ ได้คบ และสัมพันธ์รักกับ เกรทเช่น จนเธอตั้งครรภ์ แม่ของเกรทเช่น กลับต้องมาเสียชีวิตจากยานอนหลับเกินขนาด พี่ชายของเธอประณามเฟาสท์ และ ท้าท้ายเขา แต่ก็ต้องตายไปด้วยน้ำมือของ เฟาสท์ และเมฟิสโตเฟเลส
เกรทเช่น ปล่อยให้ลูกที่ผิดกฎหมายของเธอจมน้ําตาย เธอจึงถูกตัดสินให้มีความผิดฐานฆาตกรรม (filicide)ต้องโทษถูกประหาร แต่เธอก็รอดพ้นจากความตายได้โดย เฟาสท์ มาช่วยปล่อยเธอออกจากคุก ในขณะที่มี เสียงจากสวรรค์ ประกาศว่าเกรทเช่นจะรอดและได้รับความช่วยเหลือจากสวรรค์
ส่วนเฟาสท์และจอมมารก็สามารถหลบหนีออกจากคุกใต้ดินไปได้ ในที่สุด
เฟาสท์เสียใจยิ่งนักกับเหตุการณ์ จึงทำให้แผนการของปีศาจเมฟิสโทเฟลีส ที่จะทำให้เฟาสท์รู้สึกสุขสมประสงค์ในชีวิตสูงสุด ต้องผิดพลาดไป
ด้วยเหตุนี้ เฟาทส์ จึงถูกพาย้อนเวลาไปสมัยโรมัน โดยให้เจอกับทั้งจักรพรรดิ์โรม และสาวงามอย่างเฮเลน แต่เฟาทส์ก็ไม่รู้สึกพอใจมีความสุขแต่อย่างใดกลับยิ่งทำให้เขาเศร้าโศกขึ้นไปอีก เมฟิสโทฟิลีส ได้พาเฟาสท์กลับมาที่เยอรมัน และที่นั่นทำให้เฟาสท์บรรลุถึงจุดสูงสุดของความสุขในสิ่งที่เขาต้องการ จึงถึงเวลา จอมมารปีศาจ จะทวงสัญญาจากเขาแล้ว แต่ในขณะที่เมฟิสโทฟิลีสจะนำวิญญาณของเขาไปตามที่ตกลงกันไว้ ก็ปรากฏฑูตสวรรค์มาขัดขวาง และนำดวงวิญญาณของเขาไปหาพระแม่มารีย์แทน
- เฟาสท์ (Faust) แต่เดิมนั้นเป็นนิทานพื้นบ้านของชาวเยอรมัน เล่าเรื่องของ ดร.โยฮานน์ เฟาสท์ (Johann Georg Faust) ที่คาดว่ามีตัวตนอยู่จริงในช่วงปลายศตวรรษที่ 14 ถึงต้นศตวรรษที่ 15 ผู้ซึ่งนำชีวิตเข้าไปข้องเกี่ยวกับปีศาจเมฟิสโทฟิลีส นิทานเรื่องเฟาสท์ถูกนำมาใช้เป็นพื้นของเรื่องเล่าต่างๆ โดยนักเขียนหลายคนรวมถึงนักเขียนชื่อก้องโลกชาวเยอรมันนาม โยฮานน์ โวล์ฟกัง ฟอน เกอเธ่ ด้วย
- ดร.เฟาสท์ เป็นนักเล่นแปรธาตุพเนจร โหราจารย์และหมอผีชาวเยอรมัน เป็นคนขี้โอ่ ชอบอวดอ้างว่าสามารถบันดาลสิ่งมหัศจรรย์ได้เพราะมีพญามารเป็นพวก เขาได้รับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัย Krakow ชีวิตของเขามีเรื่องเล่ามากมายทำให้ยากที่จะหาข้อเท็จจริงในประวัติชีวิตของเขาได้ โดยตำนานมีอยู่ว่าเขาต้องการมีชีวิตที่มีแต่ความเป็นหนุ่ม ความรู้และอำนาจ เลยเรียนเรื่องไสยศาสตร์และวิธีการเรียกปีศาจ โดยสองเพื่อนสนิทของเขา Martin Luther และ Philip Melachton ได้เป็นพยานในพิธีทำสัญญาผูกพันธ์เฟาสท์และซาตานด้วย
- เรื่องของเขาถูกนำมาดัดแปลงเป็นบทประพันธ์เรื่อง "Faust" โดยโยฮานน์ โวล์ฟกัง ฟอน เกอเธ่ (Johann Wolfgang von Goethe) กวีเอกชาวเยอรมัน โดยถูกแบ่งออกเป็นสองตอน คือ "Faust. Der Tragödie erster Teil" (โศกนาฏกรรมของเฟาสต์ ตอนที่ 1 ตีพิมพ์ ค.ศ. 1808) และ "Faust. Der Tragödie zweiter Teil" (โศกนาฏกรรมของเฟาสท์ ตอนที่ 2 ตีพิมพ์ ค.ศ. 1832) บทละครของเกอเธ่ได้รับการดัดแปลงเป็นอุปรากรที่มีชื่อเสียงสองเรื่อง คือ Faust โดยชาร์ล กูโน และ Mefistofele โดยอาร์ริโก โบอิโต
- วรรณกรรมเรื่องนี้ได้รับการกล่าวขวัญถึงอย่างมาก เป็นวรรณกรรมชิ้นเอกของเยอรมันที่มีความสำคัญเทียบเท่ากับงานของกวีโลก เช่น โฮเมอร, ดันเต้ และเชคสเปียร์ เนื่องจากเป็นเรื่องราวของมนุษย์ที่ตกเป็นทาสของกิเลสจนถึงกับขายวิญญาณให้ปีศาจ ซึ่งที่จริงทฤษฎีและความเชื่อนี้มีอย่างแพร่หลายในแถบชาติตะวันตก แนวคิดเรื่องการขายวิญญาณให้ปีศาจ มาจากความเชื่อของแม่มด และซาตานที่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์ไบเบิลและวรรณกรรมเชิงความเชื่อต่างๆก็มักหยิบประเด็นนี้มาพูดถึงทั้งทางตรงและทางอ้อม
- สัญญากับปีศาจ (deal with the Devil, pact with the Devil หรือ devil's contract) หรือการต่อรองแบบเฟาสท์ (Faustian bargain) เป็นความเชื่อทางวัฒนธรรมที่แพร่หลายในภาคตะวันตกของโลก และได้รับการเสริมเติมแต่งเป็นอันมากจากตำนานของเฟาสท์ (legend of Faust) และตำนานเรื่องปีศาจเมฟิสโทฟิเลส (Mephistopheles) แต่พบมากในนิทานพื้นบ้านที่เกี่ยวกับศาสนาคริสต์
- ตามความเชื่อดั้งเดิมในเรื่องแม่มดของชาวคริสต์ สัญญากับปีศาจเป็นสัญญาระหว่างมนุษย์ ซึ่งเรียก "ผู้ขันต่อ" (wagerer) ฝ่ายหนึ่ง กับแซเทิน (Satan) หรือปีศาจอื่นๆ อีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งมนุษย์เสนอจะยกวิญญาณของตนให้แก่ปีศาจ เพื่อแลกกับการที่ีปีศาจจะกระทำบางสิ่งบางอย่างให้ การตอบแทนของปิศาจนี้ว่ากันว่าแตกต่างกันไปแล้วแต่ความเชื่อ อาทิ ความเยาว์วัย ความมั่งมี ความรู้ หรืออำนาจวาสนา ยังเชื่อกันด้วยว่า บางคนทำสัญญาเช่นนี้เพียงเพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าจะนับถือปีศาจเป็นนาย และไม่ต้องการสิ่งใดแลกเปลี่ยนเลย
พิพิธภัณฑ์ Salar Jung พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่ใหญ่เป็นอันดับสามของอินเดีย น่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์ประเภทเดียวในโลกที่มีของสะสมของมหาเศรษฐี มีร ยูซุฟ อาลี ข่าน (พ.ศ. 2432-2492) นายกรัฐมนตรี Nizam สมัยก่อน ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็น Salar จุง ที่ 3 เป็นลำดับที่สามสืบต่อจากตระกูลขุนนางที่รับใช้รัฐนิซัมในอินเดียตอนกลางตอนใต้
#Faust
#Mephistopheles
#Margarita
โฆษณา